เพียงวลีเดียวที่พ่อสั่ง "มึงโกงหลวงได้" มณีตั้งใจโกงทุกวิถีทาง
จอมโกงจอมภู ตอนที่ 1 จิ้งจกทัก
ทันทีที่ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอก อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน มณีนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ “ทีกูบ้างละมึง” ได้เป็นหัวหน้า ได้คุมเงินงบประมาณ ได้เป็นผู้เบิกจ่ายเงินด้วยตนเอง ใช่ ทุกคนก็ประพฤติปฏิบัติกันมานาน แต่ต่อหน้าผู้บังคับบัญชาระดับหัวหน้าฝ่ายและผู้ช่วย มณีตีหน้านิ่งด้วยความระวังตน
“ขอบคุณครับที่ให้โอกาสผมทำงาน” มณีกราบด้วยความนอบน้อม
“แล้วจะขึ้นไปเยี่ยม” หัวหน้าพูดขึ้น มองสบตามณีนิ่ง
มณีบันทึกขออนุมัติออกไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งโดยรถยนต์ปรับอากาศประจำทางกรุงเทพ-น่านตามสิทธิที่เบิกจ่ายได้ (ระดับ 5) ด้วยกระดาษคำสั่งแผ่นเดียว
มณีนั่งไปบนรถทัวร์แต่นอนไม่หลับแม้พยายามจะข่มตาให้หลับเพียงใดก็ตาม ในใจคิดวายวุ่นไปกับบทบาทใหม่ที่ได้รับ อยากจะคุยอวด อยากจะบอกให้คนทั้งรถรู้ว่า นี่คือหัวหน้าหน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอกคนใหม่นะ แต่เพื่อนร่วมเดินทางหลับกันสนิทอย่างมีความสุข มณีรู้สึกเก้อเขินเมื่อเหลือบไปเห็นสายตาเย็นชาที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจ “ไอ้หมอนี่ทำไมไม่หลับไม่นอน”
เช้ามืดพอถึงสถานีขนส่งอำเภอเวียงสา มณีต้องลงรถเพื่อไปต่อรถคอกหมูซึ่งเป็นรถประจำทางสายเวียงสา-นาน้อย มณีกะว่าจะลงที่กม.22.5 หน้าที่ตั้งหน่วยงานพอดี แต่ระหว่างทางรถวิ่งผ่านพื้นที่ภูเขาหัวโล้น บางช่วงเป็นสวนลำไย บางช่วงก็เป็นไร่ข้าวโพด แสงยามเช้าที่มีหมอกไล้ไปตามยอดไม้และหุบเขาสวยงามจับใจ และเป็นสวนสักป่าไม้ราคาแพง แน่นอนมันเป็นสวนป่าของรัฐบาล “สวนสักแม่สาลีก” อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดป่าไม้เขตแพร่ มณีนึกได้ว่าเพื่อนชื่อประชาเป็นหัวหน้าสวนสักแม่สาลีก จึงตัดสินใจลงรถแล้วเดินเข้าไปยังสำนักงาน
“มันต้องเม้าท์กันสักหน่อย รู้สึกอัดอั้นมาทั้งคืน” มณีแบกเป้เดินกระหยิ่มยิ้มย่อง
ประชาเพื่อนร่วมรุ่นได้เป็นหัวหน้าสวนสักแม่สาลีกแห่งนี้มาหลายปีแล้ว บุรุษผู้มีบุคลิคคล้ายผู้ร้ายหนังจีนเพราะว่ามีขนคิ้วยาวมาก รูปร่างขาวบาง และพูดเสียงดัง
“เฮ้ย ! หัวหน้าใหม่ เข้ามาเลยเพื่อน กาแฟ 2 ที่ “
ประชาออกมาต้อนรับด้วยความดีใจเต็มใบหน้า พลางร้องสั่งแม่บ้าน
“สบายดีจังนะมึง เฮ้ย ! ต้นสักเติบโตดีจังเลยนิ”
มณีร้องตอบแล้ววางเป้ลงข้างๆตัวนั่งลงที่หน้าโต๊ะหัวหน้ามองกวาด
ไปรอบๆ หลายปีมาแล้วที่จากไป
“ที่นี่ปลูกป่าไม้สักอย่างเดียว สบาย ไม่ยาก มันตายยากแล้วก็โตเร็วมาก เป็นถิ่นกำเนิดไม้สักอยู่แล้วว่ะ อ้าว! มึงเคยมาเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายเดือนที่นี่ด้วยนี่หว่า”
ประชานึกได้จึงรู้สึกขำตัวเอง ที่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน
“มาอยู่ที่นี่แต่ไปทำงานที่หน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอกด้วย เออ ! นี่ใครจะมาหรือเห็นตั้งโต๊ะเรียบร้อย”
มณีเห็นความเปลี่ยนแปลงรอบตัว
“ใช่ ท่านป่าไม้เขตแพร่กำลังจะออกมาจากหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ผาเวียง ข้างบนโน่น ว่าจะแวะร่ำลาผู้ใต้บังคับบัญชา ท่านได้ย้ายไปเป็นผู้อำนวยการกองจัดการที่ดินป่าสงวนแห่งชาติแทนผู้อำนวยการกองคนเก่าซึ่งได้ขยับขึ้นไปเป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้ไงอาจารย์มงคล ปราการไชยไงล่ะวะ เฮ้ยๆมาพอดีเว้ย”
รถตู้ตรวจการณ์แลนด์โรเวอร์จอดพรืดหน้าสวนสัก บุรุษสูงวัย สูงใหญ่สง่างามเดินลงมาพร้อมคุณนายและคณะประชาและมณีรีบลงไปไหว้ด้วยความนอบน้อม
“ท่านครับ คนนี้ มณี บันลือ เพื่อนผมครับ เขากำลังจะมาเป็นหัวหน้าหน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอก แทนคนเก่า”
ประชาแนะนำ พลางผายมือมาทางมณีๆ ยกมือไหว้อีกครั้ง แล้วเหวี่ยงมือมาไขว้กันที่หน้าเป้ากางเกงด้วยความสุภาพหลังจากไหว้หมดทั้งคณะแล้ว
“เออ หน่วยงานปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอกที่คุณจะไปอยู่นี่นะ ผลงานเก่าไม่ค่อยดีเลย รอดตายต่ำมาก จำไว้นะ ต้นไม้ทุกต้นมันอยากมีชีวิต แต่เพราะว่าหัวหน้าสวนคนเก่าๆเขาปลูกแต่ไม่ค่อยดายวัชพืช มันก็สู้ไม่ไหว ต้นไม้ป่าต้นน้ำที่ปลูกๆกัน เป็นไม้กระยาเลยจำพวก ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้มะม่วงป่า ไม้มะกอกป่า ไม้มะค่าโมง อีกหลายๆชนิดที่เขาปลูกกัน ซึ่งปกติก็มีอัตราการรอดตายต่ำ เติบโตช้า และยิ่งการจัดการไม่ดีก็เลยยิ่งแย่ใหญ่”
ท่านกล่าวพลางจ้องหน้ามณีเขม็งเหมือนจะบอกความเป็นนัยๆ “ก็มันแดกกันหมด” มณีสบตาและสนองตอบด้วยคำว่าครับๆๆ
“ประชาสรุปเนื้องานให้ผมหน่อยจะได้จดจำไว้เป็นอนุสรณ์ที่เคยมาเป็นป่าไม้เขตที่นี่ ผลงานร่วมกันของเรามีอะไรบ้าง”
ท่านหันไปหาประชาๆ รายงานสดพลางเดินนำ ท่านไปยังสวนสัก
“ท่านครับ ก่อนที่ท่านจะเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ที่ต้องรับผิดชอบมิใช่เพียงแต่เขตจังหวัดแพร่-น่าน หากแต่ต้องรับผิดชอบการจัดการที่ดินป่าสงวนแห่งชาติทั้งประเทศ ซึ่งจากผลงานที่ท่านบัญชาการ ณ ที่นี่มีผลงานดังนี้ครับ”
ท่านฟังประชาพูดด้วยรอยย้อมอิ่มใจ วาจาพาสบาย
“ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2513 จนถึงปีนี้ พ.ศ.2521 สวนสักแม่สาลีกปลูกป่าไม้สักอันเป็นไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ 12,000 ไร่ ปีงบประมาณ พ.ศ.2522 ที่ท่านวางแผนงานไว้ให้ จะปลูกป่าไม้สักเพิ่มอีก 1,000 ไร่ รวมเป็น 13,000 ไร่ ในจำนวนทั้งหมดนี้บางปีปลูกด้วยระยะ 2x2 เมตร 400 ต้น/ไร่ บางปีปลูก 3x3 เมตร 176 ต้น/ไร่ และปีสุดท้ายที่จะถึง ปลูกด้วยระยะ 4X4 เมตร 100 ต้น/ไร่ ด้วยเหตุผลทางการงบประมาณซึ่งมีฝ่ายการเมืองขอแปรญัติกันมากโดยอ้างเหตุผลเรื่องที่ทำกินของชาวบ้าน ดังนั้น การปลูกป่าไม้สักจึงมีหลายระยะปลูกดังกล่าวครับผม”
“อัตราการรอดตายเป็นยังไงบ้างคุณประชา”
ท่านว่าที่ ผู้อำนวยการกองถามขึ้น
“อัตราการรอดตาย 95 % ครับ เหตุผลคือ เราเตรียมพื้นที่ปลูกปลายหนาว ตากวัชพืชที่ถางและไม้เล็กไม้น้อยจนแห้ง แล้วเผาทีเดียวก็เก็บริบแล้วปักหลักหมายระยะปลูกได้ กล้าไม้สักที่เพาะลงแปลงก็ครบปีพอดี ตัดแต่งเหง้าพร้อมที่จะปลูก พอเข้าปลายแล้งต้นฝน ก็ปลูกด้วยชะแลงอัดเหง้าให้แน่น ได้ฝนอีกไม่กี่ห่าเหง้าที่ได้ขนาดก็ส่งลำต้นขึ้นสู่เหนือพื้นดินและพุ่งจนพ้นวัชพืชได้ดี”
“แต่ถ้าไม่ถางวัชพืชอย่างกับหน่วยงานคุณมณีละก็ ไม่โตเท่าที่ควร เพราะว่าต้นสักต้องการแสงสว่างมาก ช่วยให้ป่าไม้สักครอบคลุมพื้นที่ได้ในเวลาชั่ว 1 ปีถัดมาจากเพาะเมล็ดลงแปลง คุณสมเพิ่ม กิตตินันท์ นักวิชาการป่าไม้โท ฝ่ายวนวัฒนวิทยา กองบำรุง เขาเคยวิจัยเอาไว้เมื่อ พ.ศ.2506ว่า
ต้นสักที่ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ กว่าจะรอดพ้นจากไฟป่าที่เผาไหม้จนตายปีแล้วปีเล่า ใช้เวลานานถึง 15 ปี โดยจะสูง 1.28 เมตร”
ท่านผู้อำนวยการกล่าวเสริม และเดินเข้าไปในแปลงเพาะกล้าไม้สัก ท่านยืนกวาดสายตาไปรอบๆเหมือนจะจดจำ ทุกสิ่งเอาไว้ในสมอง แล้วก็หันกลับเข้าป่าสักอายุ 9 ปี เป็นสวนสักปี พ.ศ.2513 ท่านเดินไปยืนใต้ร่มเงาไม้แล้วลูบไล้ต้นสักไปพลางเหมือนจะร่ำลาด้วยความภาคภูมิใจในผลงาน
“เอาละ ขอให้คุณกับคุณมณีทำงานเคียงกันไปให้สนุกนะ อ้อ คุณมณีผมฝากอีกครั้ง ต้นไม้ทุกต้นมันอยากมีชีวิตนะ ผมลาละครับ”
ประชาและมณียกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม และมองตามขบวนที่จากไป
“จิ้งจกทักเลยนะมึง สวนมึงมันแย่จริงๆว่ะ ปลูกป่าแต่ไม่มีต้นไม้ขึ้นเอาเสียเลย”
ประชาเสริมพลางมองหน้ามณีด้วยความเห็นใจ
เย็นย่ำ ประชาและมณีนั่งกินข้าวด้วยกันที่สนามหญ้าบนโต๊ะสนามแบบง่ายๆหน้าที่ทำการ ประชาไม่กินเหล้า สูบแต่บุหรี่ ส่วนมณีเลิกกินเหล้าแล้ว และไม่สูบบุหรี่ กับข้าวแบบง่ายๆจึงเป็นความอร่อยที่พอเพียง
“ที่หน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอก มีหัวหน้ามาหลายคนแล้ว แต่ละคนก็ไม่ค่อยอยู่หน่วยกันนัก มาก็ตอนเงินเดือนคนงานออก จ่ายเงินแล้วก็อยู่ตรวจงานกันไม่กี่วัน สบายฉิบหาย งบประมาณก็เยอะ กูยังอยากไปอยู่บ้างเลยว่ะ”
ประชาคุยให้ฟัง
“เมื่อตอนกูมาเป็นลูกจ้างที่หน่วยนี้ก็เห็นอยู่ ปลูกไม้กระยาเลยมันโตช้าไม่ทันวัชพืชหรอก แต่กติกาของการอนุรักษ์ต้นน้ำ บังคับให้ปลูก ถ้าให้ปลูกไม้สักอย่างสวนสักป่านนี้ก็คงเต็มป่าไปหมดแล้วเพราะว่ามันเป็นถิ่นกำเนิดไม้สักอยู่แล้ว ผลงานก็จะเห็นได้เร็วและชัดเจน ไฟไหม้ก็ไม่ตาย แตกหน่อจากเหง้าได้ใหม่ แม่งโคตรทนไฟเลย”
“แล้วมึงจะทำยังไง กูเหนื่อยแทนมึงจัง”
ประชากล่าวด้วยเสียงที่เป็นห่วงมากๆ
“ก็ยังไม่รู้ ต้องเข้าไปดูงานพรุ่งนี้ก่อน นัดพี่เขามอบงานพรุ่งนี้ เห็นว่าแกขี้เมามาก จริงไหม?”
มณีย้อนถามประชาดู
“จริง เมา ! ”
ประชาตอบแล้วมองหน้า หัวเราะหึๆ
คืนนั้น มณีนอนคุยกับประชาถึงความหลังเมื่อครั้งเคยไปเป็นลูกจ้างที่สวนสักปางต้นผึ้ง อุตรดิตถ์และประชาอยู่ที่สวนสักห้วยไร่ แพร่ ห่างกันเพียงสถานีรถไฟสถานีเดียวแต่คนละจังหวัด จนดึกดื่น ประชาหลับไปนาน แต่มณียังนอนสะดุ้งอยู่ในใจ พลันก็นึกถึงวันก่อนการเดินทางมารับมอบงาน
“ดีใจและเสียใจด้วยมณี “
สังวร เพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นหัวหน่วยปรับปรุงต้นน้ำแม่กวง เชียงใหม่จับมือบีบแน่น มณีมองงง ยิ้มแห้งๆ
“ดีใจที่มึงได้เป็นหัวหน้าหน่วยกับเขาเสียที แต่เสียใจที่มึงต้องไปรับงานหน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอก”
มณีมองหน้าอีก
“เพราะว่าหน่วยงานนี้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องผลงาน ไม่รู้กี่หัวหน้า ผลงานก็ไม่เด่นสักคน มึงไปรับงานก็จะรู้เอง”
สังวรกล่าวด้วยแววตาห่วงใย
“เลือกไม่ได้นี่ กองให้ไปไหนก็ไปทั้งนั้นแหละ”
มณีตอบเสียงเนือยๆ แววตากังวลไม่น้อย
“ถ้ากูไปอยู่แล้ว ไม่ดังก็ดับ ช่างมันเถอะวะ เฮ้ย ! ขอบใจนะเพื่อน”
มณีตื่นแต่เช้าอากาศเดือนตุลาคมเริ่มเย็น กินกาแฟไปพลางก็มองไอหมอกที่อ้อยอิ่งอยู่ยอดไม้ ประชาขับรถไปส่งที่หน่วย ระหว่างทางที่คดเคี้ยว มณีสอดส่ายสายตาไปบนเทือกเขา ไม้ไผ่ขึ้นหนาแน่นมาก ผ่านไปนับกิโลเมตรก็ยังไม่เห็นร่องรอยสวนป่าเลยจนเกือบถึงหน่วยงาน มีต้นไม้ขึ้นเป็นแถวเป็นแนวบ้าง มณีเริ่มจำได้ว่าเมื่อครั้งมาเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน เพราะว่ากรมป่าไม้ไม่มีตำแหน่งให้สอบบรรจุ เคยมาดายวัชพืชตรงไหนบ้าง และสวนป่าแปลงนั้นปลูกด้วยต้นอะไร
มณีแสดงตัวว่าเป็นหัวหน้าคนใหม่ เด็กสาวชื่อทองม้วนเป็นแม่บ้านของหน่วยซึ่งได้รับคำสั่งจากพี่หัวหน้าคนเก่าแล้วจัดการพามณีไปยังห้องที่เตรียมไว้ ประชาลากลับไปสวนสัก มณีเดินดูตัวที่ทำการซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น ครึ่งตึกครึ่งไม้ สภาพโทรมแบบไม่ได้ผ่านการทาสีมาเลย ห้องน้ำชั้นบนมีโอ่งเก่าๆใบหนึ่ง น้ำแห้งขอด มีขันน้ำพลาสติกเก่าๆอยู่ข้างใน พื้นค่อนข้างสกปรก มณีเดินลงมาชั้นล่าง ห้องน้ำมีน้ำเต็มโอ่ง พื้นปูนขัดเรียบ แต่ยักใยเกาะเต็มไปทั่ว
ทองม้วนชงกาแฟและน้ำชามาบริการ มณีนั่งมองแผนที่สวนป่าที่วาดหยาบๆ จึงนึกภาพออกว่าที่ผ่านมาจากสวนสักแม่สาลีก แปลงไหนเป็นสวนป่าปี พ.ศ.ใด มณีเดินออกไปที่เรือนเพาะชำกล้าไม้ วิเชียรมาแนะนำตัวเองว่าเป็นหัวหน้าคนงานเรือนเพาะชำ แล้วพาเดินดูจนทั่วเรือนเพาะชำกล้าไม้ คนงาน 8 คนที่ทำงานอยู่มองด้วยความสนใจ มณีก้าวขึ้นบันได ขึ้นไปบนบ้านพักคนงานสี่ห้องนอน เดินดูไปตามระเบียงแล้วเดินลง
ต่อมาเดินไปดูบ้านพักคนงานซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของลำห้วยสามสบที่แห้งขอด มีร่องรอยการขุดบ่อในห้วยเพื่อหาน้ำใช้ มณีเห็นศาลเจ้าริมดอยจึงแวะขึ้นไปกราบด้วยความเคารพ แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าเจ้าพ่ออะไรสิงสถิต แต่ “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
“ต้นไม้ทุกต้นมันอยากมีชีวิต”