กระเบากลัก
ชื้อพื้นเมือง พระโอลุตุ้ม ดูกช้าง หัวค่าง กระเบาชาวา กระเบาพนม กระเบาลิง กระเบาหิน ขี้มอด กระเบียน กระเรียน คมขวาน จ๊าเมี่ยง บักกราย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hydnocarpus ilicifolia King
ชื่อวงศ์ FRACOURTIACEAE
สถานภาพ ไม้หวงห้ามธรรมดา ประเภท ก
นิเวศวิทยาและการกระจายพันธุ์
ในประเทศ ป่าเบญจพรรณชื้น ป่าดิบแล้ง ตามเขาหินปูน และใกล้ชายทะเล
ในต่างประเทศ อินเดีย พม่า กัมพูชา ลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย
ลักษณะทั่วไป
ต้นไม้ ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 15-20 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดค่อนข้างทึบ ลำต้นเปลาตรง เปลือกนอกเรียบสีเทา กิ่งอ่อน มักมีขนสีน้ำตาลแดงกระจายห่าง ๆ กิ่งแก่เกลี้ยง เปลือกในสีขาว
ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปขอบขนานหรือรูปไข่แกมรูปใบหอก กว้าง 5-7 ซม. ยาว 10-15 ซม. ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบมนหรือเบี้ยว แผ่นใบหนาเกลี้ยงเป็นมัน ขอบใบจักฟันเลื่อยห่าง ๆ เส้นแขนงใบขส้างละ 7-10 เส้น ปลายเส้นจดเส้นถัดไป ปลายไม่จดขอบใบ ก้านใบยาว 0.6-1.5 ซม.
ดอก ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกสั้นตามซอกใบช่อละ 2-10 ดอก ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น กลีบเลี้ยง 4 กลีบค่อนข้างกลม กลีบดอก 4 กลีบ ดอกบานเต็มที่กว้าง 1-1.5 ซม. ดอกสีขาวมีกลิ่นหอม
ผล ผลสด แบบมีเนื้อหลายเมล็ดทรงกลม แข็งขนาด 4-5 ซม. ผิวมีขนนุ่นสีดำน้ำตาล มี 10-15 เมล็ดต่อผล
ระยะเวลาการออกดอกและเป็นผล
ออกดอก เม.ย. - พ.ค. ผลแก่ ก.ค.-ส.ค.
การขยายพันธุ์ เพาะกล้าจากเมล็ด
การใช้ประโยชน์
ด้านเนื้อไม้แปรรูป ใช้ทำกระดาน ด้ามเครื่องมือ เครื่องแกะสลัก ทำฟืนและถ่าน เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่มีรูปทรงเรือนยอดกลม ใบหนา ให้ร่มเงาได้ดี มีผลสีดำกำมะหยี่สวยงามมาก ปลูกตกแต่งบริเวณบ้าน ที่ทำการ สวนหย่อมได้ในระยะ 3x3 เมตร ก็จะได้ต้นไม้ที่งามสง่า ปลูกได้ตั้งแต่ที่ราบถึงภูเขาไม่สูงมากนัก ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
ด้านเป็นพืชอาหาร เนื้อในผลกินได้ ลิงชอบเป็นพิเศษ
ด้านเนื้อไม้แปรรูป ใช้ทำกระดาน ด้ามเครื่องมือ เครื่องแกะสลัก ทำฟืนและถ่าน
ด้านสมุนไพร สรรพคุณ
เมล็ด เมล็ดให้น้ำมันที่เหมาะแก่การบำบัด โรคผิวหนัง ทำยาถ่ายพยาธิ และใช้ทำสบู่ แก้โรคเรื้อน แก้วัณโรค และใช้ทำสบู่
ข้อมูลการวิจัยที่สำคัญ
ไม่มีรายงานการวิจัย