จอมโกงจอมภู ตอน 26 ต้นไม้ใหญ่สามต้น
โดย อินทรีดำ ภาพ/ปัณณิกา เปาอินทร์
เรื่องความเชื่อของคำว่าเจ้าป่าเจ้าเขานั้น ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ สาวโสดสดกำลังรุ่นๆ วิ่งแก้ผ้าโทงๆ ก็เกิดขึ้นแล้ว หยุดชายวัยหนุ่มใหญ่ก็เกิดแล้ว และก็เกิดขึ้นถึงสองครั้งสำหรับหยุด เป็นเรื่องเหลือเชื่อถ้าไม่เห็นด้วยตาตนเอง แต่เรื่องต่อไปนี้ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ลองอ่านให้จบก็แล้วกัน แต่มณีเชื่อพันเปอร์เซ็นต์ เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดจากมณีเอง
วันหนึ่ง มีงานเลี้ยงเล็กๆ ที่หน่วยแบบกันเองในกลุ่มผู้สนิทชิดเชื้อ มณีได้แม่ครัวคนใหม่จากในตัวเมือง เพียงเพราะความเหงา เปล่าเปลี่ยวและเที่ยวประจำ ก็เลยพาเข้ามาด้วยกันเสียเลย เพ็ญ สาวกลางคืนผู้น่ารักซึ่งมีความสามารถพิเศษในการทำกับข้าวได้อร่อยอย่างหาตัวจับยาก
“มีแขกมากลุ่มเล็กๆ คนกันเอง เข้าไปทำกับแกล้มเลี้ยงหน่อยได้ไหม?” มณีชักชวนเมื่อคืนหนึ่ง
“ไปกี่คืน ขาดงานก็ขาดเงินนะ” เพ็ญพูดเหมือนกลัวเสียรายได้จากอาชีพประจำ
“ก็ค่อยว่ากัน แต่คงสักคืนสองคืน ถ้าอยากอยู่” มณีออดอ้อนเหมือนให้ท่า
“ไปก็ได้ ดีเหมือนกันแหละ ชอบ เงียบดี ไม่ต้องเต้นๆๆ จนเหงื่อหยด” เพ็ญพูดเหมือนตัดสินใจ
มณีขับรถพากันเข้าหน่วยด้วยความรู้สึกเหมือนมีสาวแนบข้าง ผู้ชายที่มีเวลามากๆ มีเบี้ยเลี้ยงมากๆ มีโอกาสมากๆ และห่างไกลครอบครัวมากๆ เป็นเหมือนกันแทบ 100% ยิ่งโกงเงินมาได้มากตัณหาก็มากตาม มณีคิดในใจแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆ
ไปถึงตลาดเวียงสา เพ็ญจ่ายตลาดด้วยเงินมณี ได้ของพร้อมก็บึ่งรถเข้าไปในหน่วย และเริ่มต้นตระเตรียมทำกับแกล้มรับแขก ทองม้วนกลายเป็นผู้ช่วยที่รู้งานและไม่พูดมาก
“มาแล้วประเสริฐไปรอรับแขกก่อน พี่อาบน้ำแล้วจะลงมา”
ประเสริฐต้อนรับแขกที่ว่าด้วยความกระฉับกระเฉง เหมือนคนเคยๆ กัน งานนี้หาเรื่องเลี้ยงขอบคุณจากงานหลายงานที่ขอความช่วยเหลือ
“สวัสดีครับท่านนายอำเภอ ท่านปลัด ท่านสรรพสามิต ครูเทียน ครูมิ่งขวัญ ครูโสภณ เอ้าคณะหิ่งห้อยน้อยแสงเชิญๆ ครับเชิญ”
ทุกคนเข้าที่ประจำตำแหน่ง โต๊ะยาวกลางสนามหญ้าหน้าที่ทำการตอนเย็นช่างสดชื่นเสียนี่กระไร แก้วเหล้า โซดา น้ำแข็ง จานช้อนส้อมมีพร้อม ขาดก็แต่กับแกล้มที่กำลังเร่งมือ แต่แล้วงานก็เริ่มต้นอย่างเต็มสตีม กับแกล้มถูกส่งทะยอยออกมาไม่ขาด ด้วยฝีมือไม่ธรรมดาของเพ็ญ และได้รับคำชมมากมายหลายคำ แต่ไม่มีการขอดูตัวแม่ครัว
ทันใดก็มีรถเก๋งสีครีมคันหนึ่งแล่นเข้ามาที่ทำการหน่วย รถจอดที่หน้าบ้าน แล้วชายที่ลงมาก็เดินเข้ามาถามหามณี ๆ ลุกไปพบแล้วก็ตกใจหน้าซีดเผือด ชายคนที่มาคือ สามีเพื่อนเมียและมีบ้านพักอยู่ใกล้ๆ กัน เขาเป็นเซลล์แมนขายยาบริษัทหนึ่ง
“คุณทวี ไปยังไงมายังไงครับ?” มณีถามตามหน้าที่
“ไปนาหมื่นกับนาน้อยมา ผ่านที่นี่รู้ว่าคุณมณีอยู่ที่นี่ก็เลยแวะเยี่ยม กำลังมีแขกมารบกวนหรือเปล่าครับ?” ทวีถาม
“ไม่เลย มาๆเชิญไปรู้จักกับพรรคพวกท่านนายอำเภอ และคณะดีกว่าคุณทวี แล้วจะได้ร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน” มณีทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี
“ท่านนายอำเภอและคณะพี่ๆ น้องๆ ทุกคนครับ เพื่อนผมมาจากกรุงเทพ มาทำธุรกิจแถวนี้ เลยแวะมาเยี่ยม คุณทวีครับ”
ทุกคนต้อนรับด้วยดีซึ่งคุณทวีก็คล่องแคล่วอยู่แล้ว สามารถเข้ากันได้อย่างกลมกลืน ยิ่งพอรู้ว่าประเสริฐเป็นคนชุมพรด้วยแล้ว ก็เลยยิ่งง่ายขึ้น เสียงใต้ส่งเสียงดังแลงๆ งานเป็นไปด้วยความสนุกเช่นเคย แต่ก็อดเหย้ากันไม่ได้ว่า
“แหมคุณมณีเอาเปรียบว่ะมีหมอนอิงสบายคนเดียวนะนี่”นายอำเภอแหย่หัวเราะๆ ทุกคนหัวเราะตาม
“ก็ผมไกลครอบครัว ก็เหงามากหน่อย ท่านและคณะเหน็บก้นไว้เลยนี่ เลยไม่เหงา” มณีย้อนเข้าบ้าง เสียงหัวเราะตึง ทวีนั่งฟังด้วยความสนใจ แต่นิ่งและพลอยหัวเราะตามไปด้วย
เมื่อคณะกลับหมดเหลือแต่มณี ทวี ประเสริฐ สา อ้วน ก็เข้ายามสอง เที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ทวีไม่มีทีท่าว่าจะร่ำลาไปในเมือง มณีรักษามารยาทจึงพูดขึ้น
“คืนนี้นอนในป่าสักคืนนะ กลับไปในเมืองก็อีกตั้ง
“ได้ครับ ดีเลย เหนื่อยมาทั้งวัน คืนนี้คงหลับเป็นตาย” ทวีตอบ ประเสริฐย้ำต่อด้วยภาษาใต้
“นอนที่นี่แหละนะ เดี๋ยวผมพาขึ้นไปเอง” ว่าแล้วประเสริฐก็ออกไปที่รถของคุณ
ทวี
“ทวี ผู้หญิงคนนี้เป็นพาร์ทเนอร์ เราเหมาเขามาช่วยทำกับแกล้มเลี้ยงนายอำเภอ แล้วก็ไม่มีอะไรกัน นอกจากแค่คู่นอน“ มณีพูดแล้วมองหน้าทวีนิ่ง
“อือ เข้าใจ ห่างบ้านก็เหงาเหมือนกันหมดแหละ ผู้ชายเรา ผมเข้าใจ ผมก็มี” ทวีพูดพลางตบไหล่มณีเหมือนคนพูดรู้เรื่อง
“อย่าไปเล่าให้เมียคุณฟังนะ จะพากันยุ่งไม่เข้าเรื่อง ผู้หญิงอดพูดไม่ได้ ครอบครัวระเบิดแน่” ทวีพยักหน้าเหมือนสัญญา เดินกลับไปนั่งคุยกันต่อ
คืนนั้น บทเพลงรักในห้องมณีเงียบกริบ มณีนอนลืมตาโพลง พลิกไปพลิกมา เพ็ญรู้สึกแปลกใจที่วันนี้เพลงรักไม่บรรเลงอย่างทุกคราว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นวดจนมณีหลับไปกับมือ นั่นแหละจึงล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน
เช้าตรู่ มณีตื่นขึ้นมาหวังว่าจะเลี้ยงกาแฟและข้าวต้มเครื่องคุณทวี เพื่อนบ้านผู้มีลูกสาวหนึ่งลูกชายหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นรถยนต์เสียแล้ว ไปโดยไม่มีการร่ำลาเลย มณีขับรถไปส่งเพ็ญที่ในเมืองแล้วก็กลับหน่วยตามปกติ แต่แล้ววันหนึ่ง ขณะที่งานว่างและเริ่มเหงา มณีออกไปชวนเพ็ญดูหนังจีนเรื่องหนึ่ง ในเรื่องมีตอนหนึ่งที่พระราชานอนไขว่ห้างแล้วถือขาหมูกัดกินด้วยความอร่อย เพ็ญหัวเราะผสมไปกับทุกคนอย่างมีความสุข มณีก็พลอยไปกับเขาด้วย แต่พอเดินออกจากโรงหนังสาเข้ามาหาแล้วกระซิบบอกว่า
“เจ๊ก อามาจากกรุงเทพ มาถึงก็ซักไซ้ไล่เรียงตัวกันจนหมด แล้วให้ผมมาตามหานี่แหละ” มณีบอกให้สากลับไปหน่วย แล้วขับรถตามกลับไปด้วยใจที่ร้อนรุ่มยิ่งกว่าไฟลน ทันทีที่มณีเลี้ยวรถเข้าไปถึงที่ทำการ แม่ของลูกสองคนเดินออกมารับด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
“พ่อ มาเร็วจัง ไปราชการมาหรือคะ?”
มณีเดินเข้าหาแล้วก็เดินนำหน้าเข้าที่ทำการเหมือนคนทำผิด ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมและคล้ำแดด แต่กลับซีดเป็นไก่ต้ม ตะวันค่อยๆ คล้อยต่ำลงจนลับทิวแมกไม้ เย็นย่ำสนธยาเวลาที่มณีชอบนักหนา อากาศที่เย็นเยือกและสดชื่นกลับร้อนดังไฟบรรลัยกัลป์ ประเสริฐ สา อ้วน มากินข้าวด้วยตามปกติ ทุกคนเงียบงัน
“คุณประเสริฐ มาอยู่นานๆ ไม่คิดถึงสายธารหรือคะ สา กับอ้วนล่ะเป็นไงบ้าง?” แม่ของลูกถามทุกคนด้วยเสียงที่ราบเรียบแล้วมองหน้าที่พยายามจะหลบๆ ตาทีละคน
“ไม่เหงาครับ งานหนัก แล้วดื่มหนักด้วยครับ ได้ที่ก็หลับไปเลย” ประเสริฐพูดพลางก็ตักข้าวเติมให้มณี มณีส่ายหน้า ประเสริฐวางทัพพีลง แม่ของลูกหันไปมองสากับอ้วน
“ผมสองคนสบายมาก ผู้ช่วยเหงาพวกผมก็แก้เหงาให้ได้ หมดสัก 2 กลมก็นอนแอ้งแม้งแล้วครับอา”
สากับอ้วนหัวเราะเหมือนตลก มณียิ้มเจื่อนๆ
“มิน่าเหล้าถึงได้เปลืองนัก หลายแรงนี่นา?” มณีผสมโรง มุกนี้เรียกเสียงหัวเราะได้ แต่เสียงฝืดๆ ชอบกล
อาหารเย็นนั้นอร่อยไม่เลวแม้จะต้องกล้ำกลืนกินอย่างยาก และทำตัวเป็นเด็กดีวิเศษที่ไม่เคยเป็น กินกันอิ่มก็ช่วยกันเก็บอุปกรณ์เข้าครัว
ในห้องนอน เรื่องไม่สนุกเริ่มขึ้น มณีพยายามจะใช้บทรักอำพรางคดี ก็ได้ผลชั่วประเดี๋ยวเดียว เรื่องมันต้องเกิดก็เกิด
“พ่อ สร้างปัญหาเองก็แก้ปัญหาแล้วกันนะ แม่จะคอยที่บ้าน พ่อผูกเองก็แก้เองแล้วกันนะคะ”
พูดจบก็นั่งนิ่งแต่น้ำตามันไม่ยอมนิ่งด้วย กลับไหลพรั่งพรูลงมาอย่างกับสายน้ำ เหมือนต้นน้ำตาแตก
“ได้ พ่อผูกเองก็จะแก้เอง ขอเวลาหน่อย ยังไงพ่อก็เป็นพ่อของลูกๆ ที่น่ารักและเมียของพ่อ พ่อรับรอง”
มณีรับปากแข็งขันพลางก็นึกในใจ
“ก็แค่ผู้หญิงกลางคืน เดี๋ยวก็คงโบยบินไปเอง” พูดจบก็โอบกอดไว้แนบอก พลางก็ใช้พละกำลังที่ยังเหลือจุดไปรักอีกครั้ง บางที อาจช่วยให้ลืมความขุ่นมัวลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย
มณีกลับไปกรุงเทพพร้อมกับแม่ของลูก เหมือนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น ลูกๆ ดีใจที่พ่อกลับมาด้วย ทุกคนสดชื่นและน่ารักมากเช่นที่เคยเป็น มณีมองดูแล้วก็เล่นกับลูกอย่างสนุกสนาน เป็นครอบครัวที่เคยอบอุ่นที่สุดครอบครัวหนึ่ง วันนี้มีรอยแผลในใจซ่อนไว้อย่างมิดชิด มณีกลับไปทำงานด้วยความรู้สึกขุ่นๆ ทวีนะทวีไม่น่าเลย รับปากดิบดีแล้วนะ ลูกผู้ชายทำได้ยังไงกัน
อีกสัปดาห์ต่อมา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐพิมพ์ตัวไม้
“รถลากซุงเฮี้ยน โซ่ขาดไม้ยางท่อนขนาดใหญ่หล่นทับรถเก๋งทะเบียน…….ดับอนาถทั้งครอบครัว พ่อแม่และลูกสองคน คนใช้รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์”
มณีอ่านรายละเอียดได้ความว่า ทวีและครอบครัวเดินทางไปด้วยรถเก๋งส่วนบุคคลเพื่อลงไปชุมพรบ้านเกิด แต่ระหว่างทางช่วงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รถบรรทุกไม้ยางท่อนกลมขนาดใหญ่เกิดโซ่ขาดและหล่นทับรถเก๋งคันดังกล่าว ผลคือตายสี่ รอดตายหนึ่งเป็นสาวใช้”
“เฮ้ย ! เฮ้ย ! ประเสริฐๆๆ มานี่เร็ว” มณีส่งเสียงเรียกประเสริฐด้วยความตื่นเต้น ประเสริฐมาถึงก็พูดต่อ
“ทวีและครอบครัวตายหมดเลย”
มณีตกใจเรียกประเสริฐเข้ามาอ่านต่อ ประเสริฐหน้าซีดเผือด และนิ่งไปราวกับผีเข้า สา อ้วน รุมกันอ่านอย่างสนใจ
“เพื่อนบ้านอาเจ็กที่มา แล้วพูดเรื่องเพ็ญให้เมียเขาฟัง เมียเขาก็คงจะเล่าให้อาฟัง ถึงได้ขึ้นมานั่นแหละ” มณีเล่าพลางก็ตีหน้าบอกไม่ถูก ช่างโหดร้ายเหลือเกิน ตายกันไปหมดทั้งครอบครัว แล้วรอดมาได้ยังไงคนเดียว คนที่เป็นคนนอกครอบครัวของทวี
“หรือนี่คืออิทธิฤทธิ์จ้าวป่าจ้าวเขาจากต้นไม้ใหญ่สามต้น”
มณีนึกคิดในใจ ขนกายลุกซู่อย่างสยิวสยอง