บุญผ้าป่าหน้าหนาว แต่ไม่หนาวใจ
โดยป่าน ศรนารายณ์
วัดบนเขาเล็กๆชื่อ กิตตินันท์วนาราม ตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน มีศรัทธาจากชุมชนเพียง 60 หลังคาเรือน ศรัทธาที่เข้าวัดส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและผู้สูงอายุ พระมหาพิพัฒน์เป็นเจ้าอาวาส(64 ปี)เล่าให้ญาติโยมจากกรุงเทพฟังว่า คนแก่ขึ้นดอยไม่ไหว ขอให้ช่วยสร้างศาลาการเปรียญเชิงดอยให้ทีเถอะ ศรัทธาจากกรุงเทพนำโดยคุณจิตติชัย กิจสมานมิตร และคุณโกเมศ เปาอินทร์ จึงได้ร่วมกันตั้งกองผ้าป่าสามัคคี บอกบุญไปยังญาติ เพื่อน และบุคคลทั่วไป ว่าจะนำผ้าป่าไปทอดที่วัดเพื่อสมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญดังกล่าว
วันที่ 19-22 พฤศจิกายน 2552 จึงได้เดินทางมาทอดผ้าป่ารวม 42 ชีวิต ได้เงินสมทบทุนเพื่อสร้างศาลาการเปรียญรวม 520,240 บาท รวมกับเงินสะสมเดิมที่มีอยู่แล้ว 180,000 บาทรวมเป็นเงิน 700,240 บาท ต้องจ่ายเป็นค่าก่อสร้างศาลาการเปรียญ 600,000 บาท ปูพื้นกระเบื้องเซรามิก 48,000 บาท รวมเป็นเงิน 648,000 บาท ยังเหลือเงิน 52,240 บาท เก็บไว้สร้างโรงครัวประกอบห้องสุขาชายหญิง เพื่อให้ญาติโยมที่เดินทางมาแสวงบุญได้ใช้ประโยชน์สืบไป
เรื่องน่าจะจบเพียงแค่นั้น แต่มีเบื้องหลังมากมายที่อยากเล่าให้ฟังว่า การสร้างบุญกุศลแต่ละครั้งนั้นมีทั้งความสะดวกและความขลุกขลักอันเป็นปกติวิสัยของการนำคนจำนวนมากเดินทางไปร่วมทำบุญ
เสี่ยโกเมศเล่าว่า แรกที่บอกกล่าว พร้อมส่งรายการให้อ่าน วันที่ 19 พย 52 เช้า 20.00 น.จะออกเดินทางไปจังหวัดน่าน แต่พอถึงวันเดินทางมีทั้งคนที่ขอยกเลิกและมีทั้งคนที่ขอมากระทันหัน รวมแล้ว 42 ชีวิต ตามกำหนดการแวะกินข้าวกลางวันเรือนแพภูฟ้าไทย ในแม่น้ำน่านหน้าเมืองพิษณุโลก เย็นเข้าที่พักบ้านกิตตินันท์ อันเป็นบ้านที่ทำการมูลนิธิเฮียะ เปาอินทร์ ใครชอบนอนเต็นท์ก็กางไว้ให้ ใครชอบนอนบนบ้านก็มีให้นอน 2 หลัง ที่นอนเหรอครับ ชาวบ้านเขาเอาฟูกเล็กๆ นอนคนเดียวแต่สะอาด ผ้านวมกันหนาว 1 ผืน นอนเรียงกันหมดทุกคนอย่างเสมอภาค ผู้ร่วมเดินทางอายุตั้งแต่ 6 ขวบถึง 73 ปี
วันเดินทางกว่าจะเข้าถึงที่พักได้ก็ล่วงเวลา 2 ทุ่มเศษๆ คณะกรรมการหมู่บ้านนำโดยผู้ใหญ่บ้าน คุณทองชั้น ธิเขียว มารอรับ ช่วยขนย้ายสัมภาระ อบอุ่นครับ อาหารเย็นมื้อนั้นก็ออกแบบได้ดี มีทั้งต้มจืดไว้ซดคล่องคอ น้ำพริกอ่องแกล้มผักลวกหลายชนิด แค็บหมูขาดไม่ได้ ปีกบนไก่ทอด ผัดผักรวม ฯลฯ หลังจากกินกันอิ่มหนำสำราญก็ตั้งวงร้องเพลงคาราโอเกะใต้ร่มต้นสัก อีกลุ่มหนึ่งไม่ร้องเพลงก็เล่นกีฬาบัตรประสาเพื่อนสนิท พูดง่ายๆว่า มานอนที่มูลนิธิกลางหุบเขาแห่งนี้ จะเล่นจะร้องก็ได้ ชาวบ้านที่มาดูแลเรื่องอาหารแถมยังร่วมร้องร่วมฟังด้วย บางคนก็หัวเราะด้วยความสนุกสนาน(เพราะว่ามีตัวตลก) กว่าจะเข้านอนกันได้ ตีสองเศษๆ หนาวก็หนาว แต่ใจสู้
เช้าตรู่ ตื่นมาด้วยอากาศที่ยังหนาวเย็น คนกรุงเทพนี่แปลกหนาวแค่ไหนก็อาบน้ำ แล้วก็มารวมตัวกัน ดื่มกาแฟ กินข้าวต้ม นั่งคุยย่อยอาหารกันไปด้วยความสุขสนุกสนานเช่นที่เพื่อนเก่าเรื่องเล่าดีๆ จะพึงมีให้แก่กันและกัน แล้วขบวนแห่แหนผ้าป่าสามัคคีก็เริ่มขึ้น ชาวบ้านยกวงกลองยาวและฉิ่งฉาบมาร่วมนำขบวน อาเจ๊อาซ้อ ฟ้อนนำขบวน อาเสี่ยบางคนก็อาสาแบกกองผ้าป่า บางคนก็เดินตามขบวน แถมยังมีชาวบ้านต่อท้ายขบวนไปยังวัด ทางเดินขึ้นเขาโอบไปตามแนวรอบขอบเขา วนรอบวัด 3 รอบแล้วก็ยกกองผ้าป่าไปตั้งไว้มุมหนึ่ง
ญาติโยม ชาวบ้าน ลูกเด็กเล็กแดงทั้งหมู่บ้านอุ้มขันเงินใส่ดอกไม้ธูปเทียนมาทำบุญ ศรัทธาจากกรุงเทพร่วมทำบุญต่อยอดเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยความหวังว่า ชาวบ้านจะได้ศาลาการเปรียญเชิงดอยสำเร็จ เท่าที่เห็นกำลังขึ้นโครงสร้างไว้แล้ว ท่านเจ้าอาวาส พระมหาพิพัฒน์ (ปรานอม) นำทอดผ้าป่าสามัคคีตามธรรมเนียมปฏิบัติ ได้ยอดเงินรวม 520,240 บาท สาธุๆ ชาวบ้านยิ้มรับความใจบุญ
ประธานร่วมคุณจิตติชัย กิจสมานมิตร และคุณโกเมศ เปาอินทร์ ยิ้มพรายด้วยความสุข ที่ได้ร่วมกับเพื่อนๆ ญาติๆ และชาวบ้านสร้างศาสนสถานสำคัญให้ได้เอื้อบุญทาน อันเป็นการสืบทอดพระศาสนาต่อไป
ศรัทธาจากกรุงเทพ ศรัทธาจากชาวบ้าน
เวียนรอบวัด 3 รอบ ความสุข
เยาวชนเต้นต้อนรับ ผู้ใจบุญให้กำลังใจ
สาวนักขายที่ดินมืออาชีพก็มาร่วมด้วย ผู้ใหญ่ทองชั้น กล่าวต้อนรับ
ประธานร่วมคุณจิตติชัย กิจสมานมิตรและคุณโกเมศ เปาอินทร์
คุณจิตติชัย กิจสมานมิตรและภรรยา