บำนาญประชาชนคนบ้านป่า
ป่าน ศรนารายณ์/เรื่อง นิวัตร/ภาพ
เมื่อหนาวนี้ระหว่างวันที่ 18-20 ธันวาคม 2552 ได้ตามไปประชุมคณะกรรมการมูลนิธิหนึ่ง
ชื่อว่ามูลนิธิ เฮียะ เปาอินทร์ เลขที่ 248 ม.14 บ้านกิตตินันท์ ต.ศรีษะเกษ อ.นาน้อย จ.น่าน 55150 มูลนิธินี้เป็นต้นแบบหนึ่งเดียวของคำว่า "บำนาญประชาชน" เพื่อสรุปผลงานประจำปี และแจกผ้าขนหนูคลุมไหล่แก้หนาวให้กับผู้สูงอายุผู้รับบำนาญประชาชนจำนวน 26 คน
บ้านพักกลางหุบเขา
งานนี้ นำโดย กรรมการกิตติมศักดิ์ พ.ต.อ.
ประธานกรรมการ ดื่มๆ
พอลงรถก็เจอกับอากาศหนาวเย็นจับใจ ทุกคนรีบขนสัมภาระเข้าบ้านพัก แล้วจัดการเตรียมที่นอน แต่แทนที่จะเสียความรู้สึก กลับได้รับความรู้สึกน่าแปลกใจ "หนาวดี"
ก็มาเมืองเหนือทั้งทีต้องได้เจอกับอากาศที่หนาวเย็นอย่างสาสมซี
สมาชิกที่ร่วมเดินทางมีอารมณ์แจ่มใส รู้สึกเบิกบานกันทั่วหน้า "คิดว่าจะไม่หนาวเสียอีก"
ชาวบ้านกิตตินันท์อยู่กันอย่างสงบงาม
ตื่นเช้ามานั่งดื่มกาแฟและสัมผัสบรรยากาศกลางหุบเขา ใบหน้าอาบไล้ไปด้วยรอยยิ้มแย้มแจ่มใสกันทั่วหน้า ได้กินข้าวต้มตามไปอีกคนละถ้วยสองถ้วย ก็อิ่มแปร้แล้วค่ะ
พอได้เวลานัดหมายคณะกรรมการซึ่งมีทั้งกรรมการจากกรุงเทพ และจากท้องถิ่น ก็ประชุมกันตามกำหนดการ อันเป็นหน้าที่ทุกปี มีผู้สูงอายุ 26 รายมาร่วมฟังการประชุมด้วย 23 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าข่ายได้รับเงินบำนาญประชาชนของคนบ้านป่า
นั่งกินกาแฟและข้าวต้มรื่นรมณ์
อันเป็นรายจ่ายให้กับผู้สูงอายุ ตั้งแต่รายละ 50 บาท/เดือนจนถึงสูงสุด 300 บาท/เดือน ทั้งปีเป็นเงิน 48,600 บาท ตามกติกาของมูลนิธิกำหนดไว้ (รายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากทั้งสิ้น 26,700 บาท เงินบำรุงสมาชิก 21,900 บาท)
ได้รับเงินจากตู้รับบริจาคที่ธนาคารออมสิน สาขากำแพงแสน 5509 บาท 25 สตางค์ และตู้รับบริจาคจากร้านเคยู27 กำแพงแสน 2,240 บาท รวมเป็นเงิน 7,749 บาท 25 สตางค์ ในวันประชุม นาย
ปีนี้โชคดีมากที่ไม่มีผู้สูงอายุเสียชีวิตเลย ทุกคนยังแข็งแรงดี แต่ก็มีอยู่ 2-3 รายที่อาการป้อแป้ จนไม่สามารถเดินมาร่วมงานด้วยได้
เดือนกรกฎาคม 2552 ประธานกรรมการนายช่วงชัย รับจะเป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคีที่วัดกิตตินันท์วนาราม เพื่อสร้างห้องครัวและห้องสุขาให้กับวัดส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งสมทบทุนมูลนิธิเฮียะ เปาอินทร์ เพื่อผู้สูงอายุ จักได้มีดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้น
ประชุมคร่ำเคร่ง
หลังการประชุมกรรมการเสร็จสิ้น ได้แจกผ้าขนหนูคลุมกันหนาวให้กับผู้สูงอายุ ทุกคน แล้วเดินทางไปกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดกิตตินันท์วนาราม เพื่อขอทอดผ้าป่าสามัคคีตามที่แถลงไว้ในการประชุม และเยี่ยมชมศาลาการเปรียญที่กำลังก่อสร้าง โดยมุทิตาจิตของคุณ
ผู้สูงอายุถ่ายรูปหมู่ร่วมกับคณะกรรมการ
เป็นธรรมเนียมไปแล้วว่าเมื่อมาประชุมมูลนิธิ จะแสวงหาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิงของคณะกรรมการที่ดั้นด้นเดินทางมาไกลกว่า
แพอาหารและพักค้างที่ปากนาย
วันนั้น เราจึงเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านประมงปากนาย อำเภอนาหมื่น(ห่างจากบ้านกิตตินันท์ ที่มูลนิธิตั้งอยู่ราวๆ 60 ซึ่งเป็นทะเลสาบเหนือเขื่อนสิริกิติ์ รถยนต์ไต่ไปตามขุนเขาสูงชัน น่าตื่นเต้นไม่น้อย ได้เห็นภาพว่าป่าต้นน้ำพื้นที่มหาศาลถูกบุกรุกทำลายลงเพื่อทำไร่เลื่อนลอย แต่เมื่อได้รับฟังว่า ทั้งอำเภอนาน้อยและนาหมื่น มีพื้นที่ราบตามหุบเขาน้อยมาก ราวๆ 10 % เป็นนาข้าวบิ้งเล็กๆ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่บนป่าเขาเพื่อการทำกิน น่าเห็นใจ น่าเห็นใจ
บันทึกภาพความทรงจำเก็บไว้ในเมมโมรี่
รถยนต์ยังคงไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เป็นสันปันน้ำจึงเริ่มลดระดับลงไปตามถนนลาดยางอย่างดี มองไปเบื้องหน้าเป็นท้องทะเลสีคราม มีเรือนแพลอยฟ่องอยู่ในท้องน้ำ ช่างเป็นภาพที่สวยใสกับท้องฟ้าสีครามเข้ม เมฆหมอกขาวกระจายทั่วไป มองเห็นกระทั่งปลากำลังผุดขึ้นมาหายใจ "โอ้โฮ ตัวใหญ่นะนั่น" รถยนต์จอดสนิท ก็กรูกันลงไปในเรือนแพขายอาหาร
เพราะนามีน้อย จึงต้องทำกินบนภูเขา
ได้โต๊ะนั่งแพหนึ่ง มีน้ำล้อมรอบ ลมเย็นพัดผ่านเย็นชื่นใจ อาหารมื้อนั้น กับข้าวส่วนใหญ่สั่งปลาน้ำจืดจากทะเลสาบ เช่นต้มยำปลากดเหลือง ผัดฉ่าปลาคัง ปลาซิวแก้วทอดกรอบ ผัดพริกแกงปลาเนื้ออ่อน ปลาบู่นึ่งซีอิ้ว ฯลฯ (อ่านหน้าต่าง Food&Bed) เมื่อรับประทานกันจนอิ่มแล้วจึงเดินทางไปพักค้างตากอากาศหนาวบนสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,255 เมตร
เทือกเขาสลับซับซ้อน
เย็นย่ำตะวันรอนๆ แสงแดดอ่อนลงอย่างรวดเร็วเมื่อยามถึงฤดูหนาวของทุกปี ความหนาวเย็นจับต้องได้ยิ่งกว่าเมื่อพักที่บ้านกิตตินันท์อันเป็นหมู่บ้านกลางหุบเขาระดับความสูงเพียง 80 เมตรจากน้ำทะเลปานกลาง เมื่อรถจอดสนิท ทุกคนช่วยกันขนสัมภาระเข้าที่พักๆ ที่ว่านี้เป็นที่ทำการของสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน มีคุณ
ทางขึ้นสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน
รอบพื้นที่เต็มไปด้วยดอกไม้ มีทั้งดอกไม้ยืนต้นที่โดดเด่นก็คือต้นนางพญาเสือโคร่ง ผลัดใบทิ้งหมดต้นแล้วแตกตาดอกสีชมพูแสนหวานให้เชยชมกันทั่วบริเวณ ดอกตูมๆคงจะบานในภายหลัง มีบ้านพักทรงเก๋ไก๋อยู่บนเขาเหนือที่ทำการ หลังนี้ก็มีผู้เข้ามาพักค้างกลุ่มหนึ่ง ข้างหน้าที่ทำการยังมีบ้านพักริมเขาให้ยืนชมทิวทัศน์เบื้องหน้าได้เยี่ยม เป็นห้องนอนรวม หนึ่งห้องน้ำ ก็มีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งเข้าพักเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีลานขั้นบันไดในป่านางพญาเสือโคร่งรองพื้นด้วยฟางข้าวเพื่อให้ความอบอุ่น กางเต็นท์ได้ไม่น้อยกว่า 20 หลัง
ยิ้มแย้มยินดีปรีเปรมด์กันทุกคน
เดินเลยลงไปอีก พบว่ามีห้องแถวขนาด 6 ห้องนอน มีห้องน้ำสุขาในตัว วางตัวเงียบๆอยู่ริมดอยอีกด้านหนึ่ง มีลานก่อกองไฟให้ความอบอุ่นได้อย่างน่ารัก หลังบ้านห้องแถวยังมีบ้านพักขนาด 5x7 เมตร มีห้องน้ำในตัว สะดวกในการพักค้าง แถมยังมีระเบียงเล็กๆให้นั่งเล่นได้ รวมๆกันแล้วยนดอยขุนสถานแห่งนี้ รับรองนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 80-100 คน น้ำไฟสะดวกมาก ไม่มีอัตราค่าที่พักเนื่องจากเป็นหน่วยราชการ แต่ส่วนใหญ่ก็จะบริจาคเป็นค่าบริการ ค่าซักล้าง ค่าอำนวยความสะดวก และน้ำใจไมตรีเสียมากกว่า
ปีหน้าจะมาใหม่ ด้วยหัวใจที่เริงร่า
อาหารการกินสั่งจองได้ แต่ส่วนใหญ่ซื้อหามาเอง เพราะว่าที่นี่เป็นหน่วยราชการเล็กๆ ไม่มีหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยว แต่เนื่องจากเป็นสถานีที่ตั้งอยู่ในทำเลที่สูง หนาว และหัวหน้ามีความสนใจในการตบแต่งจัดวางแลนสเค็ปได้อย่างสวยงาม คนอย่างนี้ น่าจะส่งไปทำงานเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ แต่ก็กลับต้องมาทำงานวิจัยในทางวิชาการ มีงบประมาณนิดเดียว แต่ทำงานได้สวยงามอย่างกับรีสอร์ทหรูราคา 20 ล้านบาท
เรื่องอย่างนี้มันอยู่ที่ "หัวใจ" "ความจริงใจ" "ความอยาก" และความไม่เห็นแก่ตัวเลขที่เข้ากระเป๋าตนเอง"
อุ๊ย...อยากกอดอ่ะ!! ป๋า
ไม่ว่ากรมต้นสังกัดจะรู้สึกอย่างไร หัวใจคนชอบเที่ยวก็ขอขอบพระคุณที่สร้างหน่วยงานวิจัยให้มิใช่ทรงคุณค่าเพียงวิชาการ หากแต่ได้คุณค่าแห่งความเป็นคนดีที่ยังเหลืออยู่ เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมยินดี ขอขอบคุณคุณมนตรี ที่ยังคงมั่นคงกับสิ่งที่เชื่อมั่นว่า เกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยทั่วไป และ งานวิชาการก็ยังคงดำเนินการตามแผนต่อไปด้วยความถูกต้อง เยี่ยมค่ะ!!!