http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,057,194
Page Views16,367,875
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

เสือกลิ่นสาบ ตอน 2 เกือบไปแล้ว

เสือกลิ่นสาบ ตอน 2  เกือบไปแล้ว

เสือกลิ่นสาบ

ตอนที่ 2.เกือบไปแล้ว 

โดยอินทรีดำ 

             
            สถานที่ราชการเล็ก ๆ ท่ามกลางป่าเขาแห่งนั้น  เดิมเคยเป็นที่ทำการหน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอก  บัดนี้มันคือ  สำนักพัฒนาป่าไม้ที่นน.๒  ซึ่งถือได้ว่าเป็นสำนักงานที่มีความพร้อมทุกอย่าง  นอกจากสถานที่ทำการแล้วยังมีบ้านพักของข้าราชการ  ลูกจ้างประจำ  ลูกจ้างชั่วคราว  ทั้งยังตั้งอยู่ริมถนนลาดยางสายอำเภอนาน้อย-อำเภอเวียงสา  ทำให้การเดินทางไปมาสะดวกพอสมควร


                                     
                                                                 สำนักพัฒนาป่าไม้ที่ นน.2

           
ริมถนนหน้าสำนักพัฒนาป่าไม้แห่งนี้มี ป้อมตำรวจซึ่งตั้งมาเก่าก่อนแล้ว   ด้วยเหตุว่าในอดีตที่ผ่านมา   พื้นที่จังหวัดน่านคุกรุ่นไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและควันปืน ทุกอำเภอจึงต้องตั้งป้อมเป็นด่านตรวจตรามีไม้กั้นขวางถนนปิดและเปิด โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำด่านคือ ตำรวจ,อาสาสมัคร(อ.ส.) และฝ่ายปกครอง ครั้นบ้านเมืองสงบเรียบร้อยแล้ว ป้อมด่านตรวจกลายเป็นป้อมตำรวจ   และไม้กั้นด่านที่เคยยกขึ้นลงปิดเปิดก็ถูกยกขึ้นไว้เปิดตลอดเวลา    เจ้าหน้าที่ประจำป้อมก็เหลือเพียงตำรวจเพียงฝ่ายเดียว 

           มณีตั้งสายตรวจสำนักพัฒนาป่าไม้ขึ้น  แยกจากฝ่ายป้องกันและปราบปรามของพี่ชัย  เพื่อทำหน้าที่ตรวจพิเศษ  โดยตัวเองทำหน้าที่เป็นหัวหน้าสายอีกตำแหน่งหนึ่ง ลูกทีมประกอบด้วย  ประเสริฐ หัวหน้าหน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอก  บุญสม  หัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้มาร่วมเป็นครั้งคราวที่ว่างงาน  สมชายจากฝ่ายธุรการซึ่งพักอยู่ที่สำนักงานทั้งครอบครัวก็หนีไม่พ้น  อร่ามฝ่ายจัดที่ดินป่าไม้มาช่วยเมื่อเว้นว่างจากภาระอื่นๆ เช่นเดียวกับบุญสม   นอกนั้นเป็นลูกจ้างประจำ  เช่น ส่วน สวัสดิ์  และลูกจ้างชั่วคราวรายเดือนเช่น สา ทวี ซึ่งเป็นลูกจ้างหน่วยปรับปรุงต้นน้ำเดิม  ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อสีขาวเป็นพาหนะ

                                                         


              “เริ่มต้นสายตรวจที่หน้าด่านแล้วกันเลยนะ 

             มณีบอกทีมงาน  รวมตัวกันแล้วก็ไปแฝงอยู่กับด่านตำรวจ  ช่วงที่เริ่มต้นงานนี้เป็นฤดูหนาวพอดีเป็นคืนเดือนมืดอีกด้วย  จึงมีการก่อกองไฟขึ้น  และกลายเป็นที่ปิ้งย่างชิ้นส่วนไก่เสียบไม้  แกล้มยาดองเหล้าเสือ 11 ตัว แก้หนาว  ทุกคนนั่งดื่มกินกันอยู่เงียบ ๆ  คอยสอดส่องรถทุกคันที่วิ่งผ่าน  หากผิดสังเกตต้องส่องไฟฉายขอตรวจ  หากไม่ก็ปล่อยไป

            บุญสม เมื่อก่อนนี้ผ่านงานปราบปรามมาบ้างไหม มณีชวนคุย

            ไม่เลยพี่  จบมาผมก็บรรจุอยู่ฝ่ายจัดการป่าไม้ ก็ตีตราไม้ งานหนังสือ ในสำนักงานป่าไม้เขตแพร่นั่นแหละ  พอมีสำนักพัฒนาป่าไม้นี่ ผมก็ถูกเกลี่ยมาลงที่นี่ครับ   หนุ่มบุญสมตอบยิ้มๆ  แล้วยกแก้วขึ้นดื่มอึกๆ

            สมชายล่ะ  เคยผ่านงานไหนมาบ้าง มณีหันไปทางสมชาย  ซึ่งฝ่ายนั้นตอบไปหัวเราะไปตามบุคลิกภาพเฉพาะตัวของเขา

            ผมหรือครับ เดิมเป็นลูกจ้างอยู่ที่สวนป่าห้วยไร่  แล้วไปสอบบรรจุเจ้าหน้าที่ป่าไม้ 1 ได้ก็ไปลงหน่วยป้องกันรักษาป่าห้วยไร่ ใกล้ๆสวนสักห้วยไร่นั่นแหละครับ  ผ่านงานปราบปรามมาไม่น้อยแหละครับ

สมชายบอกประสบการณ์ของตนเอง พอจบประเสริฐก็ต่อเหมือนจะรู้เงื่อนไขไม่ต้องให้ถาม

            ผมอยู่กับพี่มณีตั้งแต่เรียนจบมาจากโรงเรียนป่าไม้  บรรจุเป็นเจ้าพนักงานป่าไม้ 2  จนได้เป็นซี 4 ที่นี่แหละครับ  แต่พอตั้งสำนักพัฒนาป่าไม้ ผมก็ได้เป็นหัวหน้าแทนพี่มณี  ไม่เคยผ่านงานปราบปรามมาก่อนเลยครับ  

                                                         

สมชายหัวเราะแล้วพูดขึ้น

            มือใหม่ซิงๆเลยนะนี่  หัวหน้าล่ะครับ ผ่านอะไรมาบ้าง หันไปทางมณีทำหน้าที่เป็นฝ่ายสัมภาษณ์บ้าง  มณีอึ้งไปนิดก่อนแถลงเสียงดังฟังชัดว่า

            ผมหรือครับ  เป็นนักวิชาการป่าไม้ที่สวนสักห้วยทาก อำเภองาว จังหวัดลำปาง  เคยไปคัดเลือกตีตราไม้ฝ่ายจัดการป่าไม้  สำนักงานป่าไม้เขตอุบลราชธานี และเคยเป็นสายตรวจปราบปราม เคยแบกไม้พยุงเหลี่ยมหน้าแปดนิ้วยาว 3.50 เมตรที่ยึดได้ หนักมาก  ไหลแทบทรุด  เคยออกตีตราคัดเลือกไม้ให้บริษัททำไม้จังหวัดอุบล

เห็นทุกคนเงียบ  ฟังอย่างสนใจ  มณีก็ร่ายยาวต่อ  นอกนั้นนะยังเคยไปสำรวจกำลังผลิตเสาเข็ม  ตรวจป่าสัมปทานทำไม้ระยะยาว  ปลูกป่าเสื่อมโทรมในป่าสงวนแห่งชาติ  ต่อมาเข้าไปเป็นหัวหน้าสายตรวจปราบปรามด่านป่าไม้กรุงเทพ แล้วขอย้ายตนเองไปเป็นนักวิชาการป่าไม้ 3-4-5-6 กองอนุรักษ์ต้นน้ำ ถูกส่งไปอยู่หน่วยต้นน้ำที่ดอยอินทนนท์แล้วก็ย้ายมาเป็นหัวหน้าที่ภูพยับหมอกนี่แหละ 

            พี่  อย่างเขี้ยวเลยนี่ครับ

สมชายพูด  ชาวคณะหัวเราะกันเกรียว  พอดีมีแสงไฟพุ่งมาทางถนน  พร้อมเสียงรถยนต์ดังขึ้นทุกคนจึงเงียบ

            มีรถมาครับ  เสียงเบามากเลยครับ คงจะเป็นรถเล็กสวัสดิ์ร้องบอกแล้วลุกไปส่องไฟฉายหยุดรถ  ขอตรวจ 

            ขอโทษครับ  ขอดูท้ายรถหน่อยนะครับ  สวัสดิ์บอกเบาๆ อย่างสุภาพ  ส่วนจึงเข้าไปดูกะบะท้ายรถ

            มีแต่กระสอบพืชไร่ ส่วนตรวจเรียบร้อยแล้วร้องบอกเสียงดัง พร้อมกับร้อง      ขอบคุณครับ บอกกล่าวเจ้าของรถยนต์

            รถกระบะวิ่งเลยไป  สายตรวจนั่งลงคุยกันต่อ  สักครู่ใหญ่ก็มีรถวิ่งไฟแดงโร่มาแต่ไกล  พอเข้ามาใกล้ด่านตรวจ  สวัสดิ์ทำหน้าที่อย่างว่องไว   ลุกไปส่องไฟฉายขอตรวจ แต่รถกระบะสีครีมกลับพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงอาการขัดขืน ไม่ยินยอมให้ตรวจ 

            เร็วๆ ขึ้นรถกวดไปดูมันหน่อยทำไมไม่ยอมให้ตรวจแล้วยังหนี

บุญสมเร่ง พลางกระโดดขึ้นกระบะท้ายรถ  มณีขึ้นไปนั่งข้างหน้า สมชายขับตะบึงไปอย่างรวดเร็ว  รถวิ่งไล่ไปติดๆ  แต่ด้วยโค้งถนนที่มีพื้นผิวจราจรที่ไม่ค่อยเข้าโค้งนัก  จึงทำให้เร่งไม่ค่อยถนัดอย่างที่ใจต้องการ  ทำได้แค่ตามไปติดๆ  ทุกคนเตรียมพร้อม

            พอพ้นเขตอำเภอนาน้อยหรือพ้นเขตรับผิดชอบของสำนักพัฒนาป่าไม้ที่ นน.2 เข้าไปยังเขต สำนักพัฒนาป่าไม้ที่.นน.3 อำเภอเวียงสา  ครั้นจะหยุดก็ไม่ได้เสียแล้ว จำเป็นต้องไล่ติดตามไปติดๆ  เพียงเพื่อพิสูจน์ให้ทราบ

รถกระบะคันหน้าวิ่งซิ่งน่าหวาดเสียว  บนกระบะหลังมองเห็นมีกระสอบปกคลุมแล้วทับด้วยของหนัก  ครั้นวิ่งลงโค้งหน่วยป้องกันรักษาป่าเวียงผา มันก็เสียหลักเพราะความเร็วที่ส่งเพิ่มขณะเข้าโค้ง 

ทันใดนั้น  มันก็พลิกลงข้างทางฝั่งซ้ายที่มีร่องระบายน้ำฉาบปูนรูปตัววี  รถตะแคงนิ่งอยู่กับที่เสียงเครื่องยนต์ดับลง ความเลียบปกคลุมอยู่ชั่วขณะ แต่แล้วก็มีเสียงเด็กร้องไห้จ้า ดังขึ้นมาแทน  คนขับพยายามตะเกียกตะกายออกจากรถ  ส่วนเมียนั่งพับอยู่กับเบาะแบบหมดแรงมึนงง  คล้ายช็อคไปชั่วครู่  ไม่รับรู้แม้แต่เสียงลูกน้อยลงไปร้องไห้อยู่ข้างล่าง 

  กลิ่นเหล้าฟุ้งกระจายไปในอากาศ  กระสอบที่คลุมเปิดออก ถังน้ำพลาสติกแตก 

           ปัทโธ่ เอ้ย ที่แท้เป็นรถขนเหล้าเถื่อน

            มณีดิ่งไปตามเสียงร้องไห้ของเด็กแดงๆ  พบหนูน้อยนอนร้องไห้จ้าอยู่ข้างทาง  คงจะกระเด็นหลุดจากวงแขนแม่ขณะรถสวิงลงข้างทาง  มณีอุ้มร่างน่าสงสารขึ้นด้วยความระมัดระวัง แต่เด็กยังร้องไห้ไม่หยุด มีรอยบวมแดงตรงหัวที่มีผมบางๆขึ้นอยู่    บุญสมเดินไปถามคนขับจึงรู้ว่า “เป็นตำรวจโรงพักอำเภอเวียงสา”  กลับจากไปเยี่ยมบ้านเดิมที่อำเภอนาหมื่นแล้วก็เลยบรรทุกเหล้าเถื่อนกลับมา 

            ผมนึกว่าเป็นรถตำรวจที่ด่านกวดมาก็เลยวิ่งไม่คิดชีวิต  ถ้ารู้ว่าพวกพี่เป็นป่าไม้ก็จอดให้ดูแล้วคนขับรถหรือหมู่สมพงษ์พูดขึ้นเสียงอ่อย ๆ  พร้อมกับรับลูกน้อยจากมณีไปกอดไว้แนบอก ก้มลงหอมหน้าผากลูกอย่างห่วงใยทะนุถนอม

            เกือบไปแล้วไหมล่ะ  ดีว่าเด็กตัวอ่อน ผีคุ้มก็เลยไม่เป็นอะไรเลย มณีพูดด้วยความรู้สึกเสียใจ มองไปทางแม่เด็กที่ได้สติลงมารับขวัญลูกแล้วถอนหายใจโล่งอก

 ทุกคนช่วยกันยกรถขึ้นจากการติดร่องน้ำ โดยไม่ต้องรอคำสั่ง มณีเดินเข้าไปหาเจ้าของรถ พลางก็พูดขึ้นเบาๆ

            ขอโทษที่ทำให้เสียเรื่อง  ทำตามหน้าที่ครับ

ตำรวจหนุ่มเจ้าของเหล้าเถื่อนยกมือไหว้ลาจากกันด้วยดี  แต่คณะสายตรวจสำนักหมดอารมณ์ทำงานกันไปเลยทีเดียว  กลับถึงสำนัก ทุกคนลงไปรวมตัวกันที่บ้านประเสริฐ  จั่วกันด้วยความสุดเซ็ง  มณีนั่งกินกับแกล้มที่ครูสายธารบริการด้วยความเคยชิน  ดึกคืนนั้นมณีย่องกลับไปนอนที่บ้านพักในหมู่บ้านท่ามกลางอากาศเย็น

            เช้าตรู่วันต่อมา  มณีตื่นเหมือนที่เคยตื่น มันกลายเป็นความเคยชินที่ต้องตื่นแต่เช้า  มานั่งกินกาแฟหน้าบ้านพักที่มีรูปทรงหลังคาสไตล์ยุโรป  สร้างด้วยปีกไม้สักตัดสางขยายระยะขนาดเส้นรอบวง 30 ซม ผ่าซีก เป็นบ้านพักที่มณีคิดและสร้างขึ้นจากความคิดว่าวันหนึ่งจะต้องย้ายจากไป บ้านพักบนหน่วยงานจะต้องมีหัวหน้าคนใหม่ ถ้าต้องกลับมาเยี่ยมเยียนจะได้มีที่นอนค้างอ้างแรมได้ 

                ประกอบกับมีมูลนิธิมงคล ปราการไชย เพื่อส่งเสริมการศึกษาเยาวชนอย่างต่อเนื่อง และมูลนิธิ........เพื่อผู้สูงอายุ ในรูปบำนาญประชาชน มณีจึงใช้บ้านพักหลังนี้เป็นที่ตั้งของมูลนิธิทั้งสอง  ซึ่งจำเป็นต้องจัดการประชุมสามัญประจำปีทุกปีด้วย 


                                           

            
     โดยเฉพาะหมู่บ้านนี้ มณีสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนผู้ยากไร้ที่มาอาศัยรับจ้างทำงานปลูกป่าต้นน้ำได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง  มีที่ดินทำกินเป็นอาชีพเสริม มีสระน้ำไว้เลี้ยงปลาโครงการอาหารกลางวัน  มีโรงเรียนพร้อมทุนส่งเสริมการศึกษาให้เรียนจนกว่าจะเรียนไม่ไหว สูงสุดปริญญาตรี  มีวัดที่ร่วมใจกันอัดอิฐดินลูกรังเพื่อสร้างตัวศาลาวัดและกุฎิ  ว่างงานตอนกลางคืนทุกคนลงแขกกันพัฒนาหมู่บ้านติดต่อกันนานถึง 5 ปี  ความผูกพันระหว่างมณีและชาวบ้านจึงเสมือนญาติมากกว่าเจ้านายกับคนงาน       

                ชาวบ้านเดินออกไปทำงานที่หน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอก  ทักทายกันตามแบบฉบับที่อยู่กันมานาน

            ไอ้น้อย  ยังไปสายเหมือนเดิมนะโว๊ย  มณีร้องทักแล้วหัวเราะ โบกมือไหวๆ

            ว่าไงประสิทธิ์ เมาค้างอยู่หรือเปล่า ประสิทธิ์ยิ้มแหยๆแล้วตอบ

            เหมือนเดิมครับ มณีหัวเราะ ทุกคนที่เดินตามมาพลอยหัวเราะไปด้วย

            นักเรียนตัวเล็กๆเดินผ่านมา แวะเข้ามาสวัสดีมณีที่นั่งอยู่สนามหญ้าหน้าบ้านพัก แล้วก็เดินไปโรงเรียนที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสระน้ำหน้าบ้านสำนักงานมูลนิธิ  มณีมองดูผลพวงของความบ้าเลือดที่สร้างทุกอย่างเพื่อพวกเขา  ชาวบ้านป่าผู้ยากไร้  เร่ร่อนทำไร่เลื่อนลอยและรับจ้างตั้งถิ่นฐานที่อยู่และที่ทำกินอย่างมั่นคง  เด็กๆ ได้เรียนหนังสือด้วยทุนเรียนแบบต่อเนื่อง  คนทำงานปลูกป่าเพื่อชาติได้บำนาญประชาชนไปจนกว่าจะตายจากกัน มณีกินข้าวเช้าที่ม้วนเตรียมให้  แล้วแต่งตัวขึ้นไปทำงานบนสำนักพัฒนาป่าไม้ที่ นน.2  ข้าราชการและลูกจ้างประจำทำหน้าที่ใครหน้าที่มันอย่างรู้งาน  มณีเดินเข้าไปคุยกับประเสริฐที่โต๊ะ

            ดึกไหมเมื่อคืน มณีมองหน้าประเสริฐนิ่งๆ อมยิ้มหน่อยๆ

            ดึก  ตีสองกว่าๆ  แฮะๆ ประเสริฐตอบพร้อมหัวเราะ

            ใครรวย มณียังแหย่ต่อ

            สมชายครับพี่ มณีหันขวับไปทางสมชายที่นั่งยิ้มวางท่าเฉย

            เฮ้ย  เลี้ยงกันหน่อยซี  อุตสาห์ปล่อยให้หารายได้พิเศษนะ มณีแซว

            แหม พี่  ทุกคืนน่ะเสีย เพิ่งได้คืนนี้แหละครับ สมชายหัวเราะแก้มปริ มีเสียงหัวเราะตาม

            เมียเลยไม่ด่าละซิ มณีแซวซ้ำ

            แหงเลยพี่  สถานการณ์ดีขึ้นเชียว สมชายเผย

            แล้วใครเป็นปลาแก้มช้ำล่ะ มณีถามไปยิ้มไป

            ทุกคนมองไปทางบุญสมกับอร่าม  เสียงหัวเราะดังมากขึ้น บุญสมพลอยหัวเราะเขินๆ ไปด้วย

            ทีเองข้าไม่ว่า ทีข้าเองอย่าโวย บุญสมพูดลอยๆ เสียงหัวเราะยิ่งดังขึ้นไปอีก  
            มณีหันไปหาอร่าม มองหน้ายิ้มๆ
  อร่ามเสียงอ่อย   
            “ค่าเทอมไอ้ยุ่งหมดเกลี้ยงเลยพี่

           

 

Tags : Tiger line

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view