กินปลาหน้าเขื่อนสิริกิติ์
ลุงดำ คำโต
หนาวๆ ไปเที่ยวเหนือ โน่น จังหวัดน่าน เขตด้านใต้ อำเภอนาน้อยและนาหมื่น แหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย มีให้เลือกได้เช่น ไปนอนอุทยานแห่งชาติศรีน่าน(ผาชู้) เพื่อหวังว่าจะได้ชมทะเลหมอกให้สมใจ หรือไปเที่ยวเสดินนาน้อย ดูความแปลกใหม่แต่เก๋ากึ๋กของความเปลี่ยนแปลงธรรมชาติด้วยลมและฝน หรือไปนอนที่บ้านกิตตินันท์ ที่พักกลางหุบเขา แล้ววันว่างอยากลิ้มลองอาหารปลาน้ำจืด ก็ไปได้เลยที่หมู่บ้านประมงปากนาย อำเภอนาหมื่น ซึ่งก็อยู่ปลายเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อิ่มแล้วกลับมานอนที่เดิม หรือจะไปนอนบนแพอาหารนั่นเลยก็ได้อีก มีหลายร้าน มีหลายแบบอย่างให้เลือก แต่วันนี้อยากพาไปกิน ปลา ปลา ปลา
โล้นเลี่ยนเตียนเรียบ แฮะแฮะ
จากบ้านกิตตินันท์ 7.5 กม.ถึง อ.นาน้อย แล้ววิ่งรถยนต์ต่อไปยัง อ.นาหมื่น 22 กม. เลี้ยวซ้ายเข้าถนนถึงฝั่ง ถนนลาดยางอย่างดี แต่ต้องไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆอีก 28 กม.ถึงลาดลงเขา ต้องจอดเลย มีภาพทะเลสาบน้ำจืดสีครามเข้ม แทรกซ้อนด้วยเรือนแพมากมาย สวยครับ มีแพอีกอย่างหนึ่งเป็นแพยอยักษ์สำหรับยกปลาซิวแก้วตอนกลางคืน แตกต่างจากแพทั่วไป ลอยฟ่องเต็มไปหมด
เรือนแพพักและแพอาหาร
พอนั่งได้ที่ คนหนึ่งก็สั่งอาหารปลาน้ำจืดมาทันที ส่วนผมเป็นคนโรแมนติก เห็นธรรมชาติสวยงามเป็นไม่ได้เลย ผมมองฝ่าเปลวแดดออกไปยังชายป่า ต้นไม้กำลังจะผลัดใบ เปลี่ยนสีกันอยู่พอดี แล้วก็มองไปยังท้องน้ำเขียวๆ มองเห็นปลากระแหทอง (ตระกูลเดียวกับปลาตะเพียนทองหรือขาว) แหวกว่ายไปมา ดูที่หางมีสีแดงดำ สะบัดไปสะบัดมา น่าตกชะมัดเชียว ไกลออกไปกลางทะเลสาบมียอยกปลาซิวแก้วระเกะระทั่วไป ว่ากันว่ายกยักยกปลาซิวแก้วนี้ ทำงานเฉพาะกลางคืน เพราะว่าปลาซิวแก้วจะออกหากินและมาเล่นไปบนแพด้วย
ป่ากำลังเปลี่ยนสี ใบแก่จะร่วงหล่น ปลากระแหทองสวยใสๆ
อาหารกลางวันมื้อนั้น เริ่มต้นที่ปลาซิวแก้วชุบแป้งทอดกรอบ กรุบกรับดี เคี้ยวได้ทั้งตัว ผลผลิตจากยอยักษ์ที่ยกมาตากแห้ง บรรจุใส่ถุงขายให้เป็นของฝากจากหมู่บ้านประมงปากนาย จานถัดไปเป็นผัดฉ่าปลาคัง พริกไทยอ่อนเคี้ยวมันแต่เผ็ดนิดหน่อย ร้อนก็นิดหน่อย เครื่องเทศใส่ไม่เสียดาย หอมจนรู้สึกได้ เนื้อปลาคังสด หวาน และที่สำคัญผัดฉ่าแล้วไม่เหม็นคาว พ่อครัวมีฝีมือไม่น้อย จานต่อมาเป็นผัดพริกแกงเผ็ดปลาเนื้ออ่อน ซึ่งทอดพอเหลือง จึงนุ่ม ไม่แข็งกระด้างเหมือนหลายๆร้าน ปลาสด เนื้อนุ่มน่ากินมาก รสแกงไม่เผ็ดเกินไปและไม่หวานจนเอียน
ปลาซิวแก้วทอดกรอบ ผัดฉ่าปลากดคัง
หม้อไฟต่อมาเป็นต้มยำน้ำใสใส่พริกเผาเสียหอม ชวนกินจริงๆ รสชาติเปรี้ยวนำเค็มตาม ปลาเนื้อสดนุ่ม อ้อ ลืมบอกไปว่าเป็นปลากดเหลือตัวโต จานต่อมาช้าหน่อย ต้องรอ แต่ก็ไม่ช้านักเนื่องเพราะว่า วันนั้นมีแขกลงน้อย นึ่งปลาบู่ทอง ขนาดตัวก็เกือบๆกิโลกรัม เนื้อยังไม่แข็ง แต่นุ่ม สด หงาน หอมเครื่องเทศที่ใช้นึ่ง กินจนแทบจะเหลือแต่ก้างปลา
ปลาเนื้ออ่อนผัดพริกแกง ปลาคังต้มยำน้ำใส
สรุปโดยรวมแล้ว ร้านอาหารที่พาไปชิมวันนั้น บรรยากาศร้านร่มรื่น เย็นสบายดี น่านั่งและน่านอนพักค้าง ชื่อว่าแพหนองบัว ส่วนเรื่องอาหารปลาก็ได้เรื่องได้ราว กินได้รับแขกได้ไม่อายที่ไหนก็แล้วกัน วันนั้นกินกัน 10 คนหมดไป 1,500 บาท ก็สมน้ำสมเนื้อ ไม่เสียอารมณ์เรื่องรสชาติการปรุง ไม่เสียอารมณ์เรื่องวัตถุดิบคือปลาที่ใช้ สดซิงๆ บรรยากาศร้านสดชื่นอยากนั่งนานๆ และเรื่องราคาไม่แพงเกินไป
ปลาบู่นึ่งซีอิ๊ว เนื้อนุ่มขาวจั๊ว น่ากิน
ถ้าพักค้างที่บ้านกิตตินันท์ ก็ขับรถกลับมานอนพัก ร้องคาราโอเกะ ได้อย่างสนุกสนาน แต่ถ้าจะขึ้นไปเที่ยวต่อที่อุทยานแห่งชาติขุนสถาน หรือสถานีงิจัยต้นน้ำขุนสถาน ก็ได้ เลือกได้ตามใจชอบเชียวครับ
ติดต่อบ้านพักกลางหุบเขา บ้านกิตตินันท์ โทร.084-0111304 //081-9416364 อาหารเช้า อาหารเย็น สั่งจองได้ราคาปกติ เช้ามื้อละ 50 บาท/คน เย็นมื้อละ 150 บาท/คน บ้านพัก หัวละ 150 บาท เต็นท์หัวละ 100 บาท ถ้านำเต็นท์มาเองก็เต็นท์ละ 50 บาท โทรล่วงหน้า 3 วัน นะครับ อ้อ สงสัยเรื่องที่พัก เปิดเว็บบ้านพักกลางหุบเขา ดูได้ www.thongthailand.com
ยอยักษ์ยกปลาซิวแก้ว