ต้นกระทิง ต้นไม้ยา ในวัดทุ่งศรีเมืองอุบลราชธานี
พรมหมพร พานิชกิจ/เรื่อง-ภาพ
วัดทุ่งศรีเมืองอุบลราชธานี เป็นวัดเก่าแก่ เป็นมรดกทางศิลปะวัฒนธรรมแห่ง ประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งวัดหนึ่งในอุบลราชธานี เมืองซึ่งเคยเป็น “ศรีวนาลัยประเทศราช” ของราชอาณาจักรสยาม ในวัดนอกจากจะมีหอไตร โบสถ์ เก่าแก่ทรงคุณค่าแล้ว ภายในโบสถ์หลังเล็กเก่าแก่ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และ “พระเจ้าองค์เงิน” พระพุทธรูปที่เป็นเงินวาววับทั้งองค์ประดิษฐานที่หลังพระประธานให้ผู้รู้จักไปกราบไหว้บูชาอีกด้วย
เดิมพระพุทธรูปสวยงามองค์นี้ถูกหุ้มด้วยปูน ครั้นปูนแตกออกจึงเห็นเป็นเงินทั้งองค์ ชาวอุบลจึงรู้จักกันในนาม “พระเจ้าองค์เงิน”
วันหนึ่งผู้เขียนมีโอกาสไปไหว้พระในวัดนี้ ลมเย็นๆของฤดูหนาวกำลังพัดมา เสียงของสายลมที่แทรกไปตามทิวไม้ แว่วก้องเข้ามาให้เพลินหู พื้นที่ในวัดด้านหลังกำแพงในยามบ่ายแดดจ้ายังคงร่มรื่น แม้ว่าวัดทุ่งศรีเมืองจะเป็นวัดตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุบลราชธานี แต่ยังมีต้นไม้ปลูกไว้เรียงราย ให้ความร่มรื่น เย็นตา หลายต้นติดป้ายสอนธรรมะ สุภาษิตสอนให้ผู้คนได้อ่านเพื่อเตือนใจ
ป้ายธรรมะจากต้นไม้
อ่านธรรมะจากต้นไม้เพลิน เลยพบต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งดูแปลกตา ดูคล้ายเป็นต้นไม้โบราณด้วยกิ่งก้านหยักงอ สะดุดตา จนต้องแวะดู เห็นป้ายติดไว้ว่า ต้นกระทิง เอะ...ชื่อแปลกหู และยังมีป้ายอธิบายว่าเป็นต้นไม้ที่เป็นยา บอกสรรพคุณทางยาหลายอย่าง ลักษณะของเรือนยอดของต้นไม้นี้ แผ่กว้างเป็นพุ่มกลมและหนาทึบไม่เป็นระเบียบ มีลำต้นค่อนข้างสั้นแตกเป็นกิ่งใหญ่ๆจำนวนมากทั้งในแนวตั้งและแนวนอนหรือห้อยลงมา มีชื่อว่าต้นกระทิง หรือสารภีทะเล
ต้นกระทิง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Calophyllum inophyllum L.
เป็นพืชในวงศ์ GUTTIFERAE
กระทิงเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 8 –
ดอกกระทิง ใบและผล
ผล เป็นรูปวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง
การขยายพันธุ์และปลูกเลี้ยง ขยายพันธุ์โดยเพาะเมล็ด จะได้ต้นกล้าที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์และเจริญเติบโตได้ดี เป็นไม้ที่ทนต่อไอน้ำเค็มและลมทะเล (ถิ่นกำเนิดป่าชายหาด) จึงนิยมปลูกตามบ้านพักริมทะเล หรือปลูกเป็นไม้ประดับโชว์พุ่ม ไม้ให้ร่มเงาตามริมถนนและในแปลงกลางแจ้ง
คุณค่าต้นไม้เป็นยา
สรรพคุณตามตำราไทย ใช้รากชำระล้างแผล ใช้ใบตำกับน้ำสะอาดล้างตา แก้ตาแดง ตาฝ้า ตามัว เมล็ดหุงเป็นน้ำมัน ทาแก้ปวดข้อ บวม เคล็ดขัดยอก ใช้เป็นยาเบื่อปลา เปลือกแก้คัน ดอกบำรุงหัวใจ ยางเป็นยาถ่าย ทำให้อาเจียน