ท่องแดนแผ่นดินธรรม
ตอน 54 หนึ่งเดียวในโลกที่วัดดอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ผมนั่งรถตู้จากหน้ามหาวิทยาลัยเกษตร กำแพงแสน จุดหมายกรุงเทพมหานคร พอผ่านช่วงกำแพงแสน-บางเลน ฟากขวามือ จะเห็นเจดีย์ทององค์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่ง รอบๆมองเห็นแต่ต้นไม้รกเรื้อร่มครึ้ม ได้แต่สงสัยว่าเป็นวัดอะไรหนอ
วันหนึ่งลูกสาวเล่าว่า ครูพาไปฟังธรรมแล้วก็ฝึกนั่งสมาธิ ในวัดมีต้นไม้เยอะจังเลย พ่อน่าจะไปเขียนเรื่องวัดดอนทองบ้างนะ ซึ่งก็ได้แต่ฟังผ่านหู ไม่ได้คิดติดใจอะไรนัก
จนถึงวันหนึ่ง ผมว่างและนึกถึงต้นไม้กับพระวิปัสสนากรรมฐานที่ลูกสาวพูดถึง จึงขับรถยนต์ไปยังวัดดอนทอง มีป้ายปากทางเข้าเขียนว่า วัดดอนทอง วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี สาขาที่ 200 ถนนทางเข้าราดยางแต่พอถึงปากทางเข้าวัดเป็นถนนคอนกรีต ถนนนี้พาดผ่านไปบนบ่อเลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลา เป้าหมายแน่นอนที่เล็งไว้คือพระเจดีย์ทองเหลืองอร่ามท่ามกลางป่าไม้ใบทึบองค์โต
ส่วนต้นไม้รกเรื้อนั้นจะมีกี่ร้อยกี่พันชนิด ไม่ทราบได้ เห็นเพียงร่มเงาแมกไม้ให้ความหมายถึงป่าเขาลำเนาไพรทีเดียว
บ้านพักอุบาสิกาในร่มเงาแมกไม้
จอดรถยนต์แล้วก็เริ่มบันทึกภาพพระมหาเจดีย์องค์โต แต่ยังไม่ได้สนใจอะไรนัก เดินเข้าตามทางเดินร่มครึ้มใต้ร่มเงาต้นไม้ เห็นที่พักอุบาสิกาเป็นหลังๆ ขนาดเล็กกระจิ๋วก็มี ขนาดกระท่อมใหญ่หน่อยก็มี เดินจนถึงกุฎีที่สร้างจากเรือเอี่ยมจุ๊นลำใหญ่
เลยไปเป็นอุโบสถเถาวัลย์มีเพียงโครงปูนก่อสร้างแบบไม่เต็ม มีพระประธานองค์หนึ่ง ห่มคลุมด้วยต้นเถาวัลย์นานาชนิด จนร่มรื่น ผมเดินเวียนไปจนได้เห็นกุฎีแปดเหลี่ยมสองชั้นอันเป็นกุฎีของเจ้าอาวาส หลังกระทัดรัด
กุฎีเรือเอี่ยมจุ๊น สร้างได้ไม่ง่าย
มีศาลาสองชั้นหลังใหญ่ เพื่อเอาไว้รองรับนักเรียน ญาติโยมผู้หญิง มาปฏิบัติธรรมจำนวนมากๆ หน้าวัดก็มีอาคารพักของผู้ปฏิบัติธรรมหลังใหญ่สำหรับโยมชาย ผมเดินเวียนแวะเข้าไปชมถ้ำพระสารีบุตร เพิงพระสีวลี โรงทานแก้หิวให้ปลา
รูปพุทธบูชาพระสารีบุตร
พื้นที่เดินจงกรม
แต่มาติดใจมากๆตรงกุฎีหลังเล็กๆ มีร่องรอยทางเดินจงกรมกว้างสัก 70 ซม.ยาวราวๆ 8 เมตร หัวท้ายเส้นทางจงกรมมีเทียนพรรษาเล่มใหญ่ปักให้แสงสว่างไว้ มีโคมไฟเล็กๆห้อยอยู่โคนต้นไม้ พื้นดินที่เดินเตียนจนเลี่ยม
สำแดงว่ามีการเดินจงกรมสม่ำเสมอ ซึ่งผมไม่เคยเห็นที่วัดไหนมาก่อนเลย แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นพระรูปไหนใส่ใจเดินจงกรมด้วยความเพียรเช่นที่เห็น
เขียนไว้ข้างประตูทางเข้าวัด
โรงทานแก้ปลาหิว
ผมเดินผ่านห้องสุขาที่เต็มไปด้วยศิลปะวาดภาพ น่าจะเป็นฝีมือระดับเยาวชน โรงครัวที่สร้างง่ายๆ ส่วนที่เป็นปูนก็วาดภาพพุทธธรรมปฏิบัติอวดไว้ เดินต่อไปตามร่มไม้ในทางเดินเล็กๆ จนถึงศาลาหลังใหญ่ เป็นศาลาโล่งๆทรงกลม ล้อมรอบด้วยมุ้งสีฟ้าเพื่อกันยุงให้กับพระสงฆ์และอุบาสกอุบาสิกา นี่ก็ไม่เคยพบเคยเห็นเช่นนี้มาก่อนเลย จังหวะนั้น พระสงฆ์ซึ่งรวมถึงเจ้าอาวาสด้วยร่วมกับแม่ชีนุ่งขาวนั่งปฏิบัติธรรมกรรมฐานสมาธิกันอยู่อย่างเคร่งขรึม
ศิลปะบนผนังครัวและสุขา น่ารักดี
ส่วนเณรชุดขาวยังสมาธิไม่นิ่งจึงเป็นเด็กชายคนหนึ่ง น่าเอ็นดูในความไร้เดียงสายิ่ง มีคณะครูจากโรงเรียนหนึ่งเข้ามารอ เมื่อเสร็จสิ้นการนั่งสมาธิแล้ว ท่านเจ้าอาวาส พระอธิการเอกชัย อิสสโร จึงเสวนากับคณะครู ได้ความว่ามาประสานการนำพานักเรียนมาฝึกปฏิบัติธรรมทำสมาธิเช่นโรงเรียนทั่วๆไป แต่มีข้อต่อรองว่า เด็กๆกินข้าวสามมื้อจึงขอให้เด็กๆได้กินตามปกติ ครูเสร็จกิจแล้วก็ก้มกราบลาไป ผมเข้าไปแทนที่ทันที
พระอธิการเอกชัย อิสสโร ศิษย์หลวงปู่ชาแห่งวัดหนองป่าพง
ได้ใจความตามคำบอกเล่าจากปากของพระอธิการเอกชัย ว่า เดิมท่านเป็นชาวราชบุรี ได้ไปบวชเรียนเขียนธรรมอยู่ที่วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีหลวงพ่อเลี่ยมเป็นเจ้าอาวาสแทนหลวงปู่ชา อยู่ปฏิบัติธรรมและเดินธุดงค์อยู่ 5 ปี จึงได้รับคำสั่งจากหลวงพ่อเลี่ยมว่า จังหวัดนครปฐมอันเป็นพุทธภูมิเก่าแก่ในภาคกลาง แต่ยังไม่มีวัดสาขาหนองป่าพงเลย จึงอยากให้ได้เปิดสถานพุทธธรรมมหานิกายตามแนวปฏิบัติธรรมคำสอนของหลวงปู่ชาขึ้น
ศาลาปฏิบัติธรรมสำหรับพุทธศาสนิกชน
อาตมาจึงได้เดินทางมายังจังหวัดนครปฐมตั้งแต่ปีพ.ศ.2535 เดินหาสถานที่ที่จะสร้างวัดสาขาหนองป่าพง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ จนถึงปีพ.ศ.2539 จึงได้ที่กลางบ่อกุ้งบ่อปลา โล่งแจ้งแดดแจ๋แห่งนี้ ซื้อที่ดินเพื่อปฏิบัติธรรมครั้งแรก 6 ไร่ กิจของสงฆ์แรกๆ ณ ที่นี้คือ สร้างป่าปลูกต้นไม้ ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้เลื้อยประเภทเถาวัลย์ ปลูกจนรกเรื้อร่มเย็นก็สร้างศาลาปฏิบัติธรรม จนถึงเดี๋ยวนี้ได้ที่ดินธรณีสงฆ์ 40 ไร่ มีอาคารสถานปฏิบัติธรรมอย่างที่เห็น
ครูมาปรึกษาเพื่อนำนักเรียนมาปฏิบัติธรรมและลูกนิมิตร
วัดนี้ยังไม่มีอุโบสถ มีแต่ลูกนิมิตเรียงอยู่รอบตัวในศาลาธรรมแห่งนี้ แต่ได้ญาติธรรมจากสารทิศช่วยกันสร้างพระมหาเจดีย์องค์โต อาตมาก็คิดว่า วัดยังไม่มีอุโบสถจึงได้คิดสร้างอุโบสถบรรจุอยู่ในพระมหาเจดีย์เสียเลย เบื้องสูงสุดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนฐานยก4 ชั้นอันเป็นที่ประดิษฐานอุโบสถอยู่ภายใน สร้างพระประธานปางประทานพรองค์กำลังงาม เดือนนี้จะได้ใบเสมาที่สลักบนหิน เป็นใบเสมาเดี่ยวแต่สลักเรื่องราวในพุทธประวัติจารึกไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งเกิดวัดล่มสลายไป อนุชนคนรุ่นหลังๆยังจะได้พบว่า มีใบเสมาจารึกพุทธประวัติได้สืบไป
มุขทิศใต้เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ
พระมหาเจดีย์องค์นี้มีมุขสี่ด้าน ด้านตะวันออกเป็นทางขึ้นมีประตูเปิดรับได้ เหนือประตูเป็นหน้าบันรูปพระนเรศวรมหาราชทรงม้าศึก มุขด้านใต้เป็นมุขประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติ มุขตะวันตกไม่ได้เดินไปดูแต่เห็นเป็นประตูทางเข้าอุโบสถ และมุขด้านเหนือเป็นประตูเปิดเข้าอุโบสถเช่นกัน พระมหาเจดีย์องค์นี้สูง 41 เมตร วัดรอบฐานเจดีย์ 208 เมตร ใหญ่โตเอาการอยู่
เป็นอันว่าภายใต้พระมหาเจดีย์ทององค์โตนี้มีอุโบสถประดิษฐานอยู่ภายใน มิใช่พระมหาเจดีย์ใหญ่แต่ภายในกลวงโบ๋เหมือนพวกหัวโตแต่สมองกลวงในสภา(ผู้เขียนว่าเอง)
มุขพระอุโบสถทิศตะวันออกหน้าบันรูปพระนเรศวรมหาราชทรงม้า
ที่ผมตื่นตะลึงมากคือ ภายในอุโบสถใต้ฐานพระมหาเจดีย์องค์นี้ ช่างศิลป์กำลังปีนอยู่บนนั่งร้านเหล็ก บางคนกำลังบรรจงวาดภาพพระพุทธประวัติด้วยความปราณีตบรรจง บางคนกำลังลอกลาย แต่ที่เบื้องล่าง ช่างศิลป์อีกสามคนต่างทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แทบไม่น่าเชื่อว่า ศิลปินช่างศิลป์เพียง 7 คน สามารถบรรจงวาดภาพได้อย่างเหนือคำพรรณนา
โอย เป็นผมคงเวียนหัวตกนั่งร้านตายไปแล้ว (ตอนต่อไปจะสัมภาษณ์ช่างศิลป์)
ติดต่อวัดดอนทอง 1.ต้องไปกราบพระอธิการเอกชัยที่วัดได้ทุกวัน 2.โทร.085-2895902 คุณกัลยา และ 081-83203228 คุณกัญจนา ติดต่อขอบริจาคอิฐหินปูนทราย ได้แม้กระทั่งเศษหินปูพื้นที่แตกหัก ทางวัดยินดีรับทุกรูปลักษณ์ เพราะว่าพยายามประหยัดเงินให้มากที่สุด
ติดตามอ่าน จาก นสพ.คมชัดลึก "ท่องไปในแดนธรรม" ฉบับวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2554
พุทธสถานปรัชญาธรรมกลางแจ้ง
นี่คือวัดหนึ่งเดียวในโลกที่คิดประดิษฐ์ได้อย่างลึกซึ้ง เต็มไปด้วยปรัชญาและปริศนาธรรม เป็นความกลมกลืนของป่าดงพงไพรและธรรมะปฏิบัติ
"อาตมามาอยู่ที่นี่ สร้างป่าได้ 40 ไร่ สร้างสิ่งก่อสร้างขนาดพอนอนได้สำหรับอุบาสกอุบาสิกา และอาคารรองรับนักเรียนมาปฏิบัติธรรมได้จำนวนมาก แต่สร้างพระสงฆ์ศิษย์ของพระตถาคตได้เพียง 6 องค์ รวมทั้งอาตมา และสามเณร 1 องค์ ส่วนแม่ชี 2 คนชราภาพมาก ก็อยู่ปฏิบัติธรรมไปตามสภาพ เผยแพร่ธรรมะแด่เยาวชนนับจำนวนไม่ได้ แต่มีอุบาสิกานุ่งขาวเท่าที่เห็น ในวันนี้ แต่เมื่อมีงานเทศกาลตามพุทธศาสนา ก็จะเดินทางมากันมากเป็นพิเศษ"
ช่างศิลป์กำลังทำงานคร่ำเคร่ง
"สร้างพุทธสถานประกอบการปฏิบัติธรรม ได้แก่พระมหาเจดีย์ทององค์โตบูชาพระบรมสารีริกธาตุอยู่เบื้องบนสุด และสร้างให้พระมหาเจดีย์องค์นี้ ครอบพระอุโบสถ พร้อมภาพเขียนพระพุทธประวัติภายในพระมหาเจดีย์องค์โตด้วยฝีมือศิลปินช่างวาดที่ปราณีตบรรจงยิ่ง"
นั่งร้านเหล็กของช่างศิลป์ เห็นแล้วเสียว
"วัตรปฏิบัติประจำวัน เว้นวันนักขัตฤกษ์ต่างๆ ดังนี้คือ 03.00 น. ตื่นนอน นั่งสมาธิ 04.00 น. นั่งสมาธิและทำวัตรเช้า 05.00 น.ทำความสะอาดตัวและสถานปฏิบัติธรรม 0545 น. ออกบิณฑบาตรด้วยพระ 6 รูป สามเณร 1 องค์ ส่วนใหญ่ไปหมู่บ้านดอนทอง และ บ้านตะโกสูง 08.00 น ฉันในบาตร วันละมื้อเดียว(ฉันเอกา) 09-11.30 น.ปฏิบัตรกิจส่วนตัว จะพักนั่งพักนอนก็ตามแต่สะดวก ต่อเมื่อถึงเวลา 12.00-13.00 น.พักผ่อน
ภาพเขียนสีอะครีลิกบนผนังภายในพระมหาเจดีย์
13.25 น. นั่งสมาธิ 14.00-16.00 น.พระอธิการเอกชัยอ่านพระธรรมวินัยให้พระสงฆ์ สามเณร และญาติโยมได้สดับตรับฟัง พัก ฉันน้ำปานะ ทำกิจของสงฆ์ 17.30 น. สรงน้ำ 18.00 น. นั่งสมาธิที่ศาลา 19.00 ทำวัตรเย็น 20.00 อ่านพระธรรมวินัย 21.00 บำเพ็ยเพียรส่วนตน เดินจงกรม ฯลฯ แต่ถ้าเป็นวันพระ จะนั่งสมาธิและเดินจงกรม ตลอดคืน"
สาธุ สำหรับผมได้ปฏิบัติตามที่ลูกสาวญาติธรรมคนหนึ่งได้ให้ข้อเสนอแนะเรียบร้อย ณ. บัดนี้
พระประธานในอุโบสถปางประทานพร
พระสงฆ์ที่สร้างได้เพียง 6 รูปสามเณรอีก 1 องค์
อาคารบ้านพักสำหรับนักเรียนจำนวนมากปฏิบัติธรรม