เมรุของอาม้า
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ-เมรุอาม้าปีพศ.2497
เมรุของอาม้าอิน เปาอินทร์
อาม่าหรืออาม้า เป็นคำในภาษาพูดที่ใช้เรียกขานของหลาน ในธรรมเนียมจีนแต้จิ๋วใช้เรียกทั้งผู้ที่เป็นยายและย่า
แต่ถ้าเป็นธรรมเนียมไทยแล้ว หลานจากลูกชายจะต้องเรียกว่า ย่า ส่วนหลานที่เกิดจากลูกสาวจะเรียกว่า ยาย
พวกผมที่เป็นหลานยายและย่าเรียกเหมือนกันหมดว่า อาม่าหรืออาม้า และวันที่อยากเรียกมากที่สุดก็คือวันที่อาม้าแจกเงินแตะเอีย นั่นคือวันตรุษจีน ส่วนวันไหว้วันอื่นๆ อาม้าไม่เคยแจกตังส์เลย
เมื่อถึงวันที่อาม้าตาย พวกเราร้องไห้กันขี้มูกโป่ง ส่วนจะร้องด้วยความเสียใจที่ยายใจดีจากไป หรือเสียดายต่อไปจะไม่มีใครแจกตังส์อีกก็ไม่แน่ใจนัก รู้แค่ว่าวันนั้นร้องไห้กันขี้มูกโป่งจริงๆ
อาม้าตายไปแล้ว ศพถูกเก็บไว้บนเรือนไทยของอาม้า พวกเราเหล่าทะโมนยังวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆอาม้าเสมอ บางที่เมื่อเล่นซ่อนแอบก็ยังไปแอบกันที่หลังโลงศพของอาม้า ไม่มีใครกลัวผีอาม้าเลยสักคน พื้นกระดานหน้าที่ตั้งโลงศพของอาม้าจึงเรียบเป็นเงางาม ก็จากที่พวกเราเกลือกกลิ้งนอนเล่นกันอยู่ที่หน้าเครื่องบูชานั่นแหละ
นานแค่ไหนก็จำกันไม่ได้ แต่วันนั้นที่ลานวัดห้วยคันแหลนคราคร่ำไปด้วยผู้คน งานเตรียมการเผาศพของอาม้าจัดกันใหญ่โตมาก ด้วยว่าอาม้าเป็นภรรยาเจ้าของโรงสีไฟเอี่ยมถ่ายฮวด โรงสีไฟแห่งแรกแห่งเดียวของตำบลห้วยคันแหลน ผมไม่รู้อีกเหมือนกันว่าใครเป็นผู้บงการจัดงานศพให้อาม้าอย่างยิ่งใหญ่
รู้เพียงว่า ลานหน้าวัดตั้งเมรุลอยสวยงามที่สุด ติดไปสว่างไสวไปทั่วบริเวณ มีมหรสพหลายชนิดแสดงกันทั่วทุกมุมที่ว่างพอ เช่น มีงิ้วคณะหนึ่งมาจากกรุงเทพ ตั้งโรงแสดงที่กลางท้องห้วยคันแหลนซึ่งแห้งผาก ลิเกเจ้าดังคณะทุเรียนซึ่งเป็นเจ้าประจำกันเสมอ หนังตะลุง ละครชาตรี ลำตัด หนังกลางแปลง นอกจากนั้นพ่อค้าแม่ค้ามาจากทั่วทิศ จับจองกันอะร้าอะร่าม ประดับโคมไฟกันพรึบพรับ
มีการแสดงมหรสพอยู่หลายวันหลายคืน ก่อนคืนสุดท้ายพวกหลานเหลนมารวมกันแล้วก็ได้รับมอบหมายให้บวชหน้าไฟกันหลายสิบคน ผมเป็นคนสุดท้ายที่อายุเข้าเกณฑ์ 7 ขวบพอดี แม้ว่าจะตัวเล็ก ผอมแห้งแรงน้อย ก็ใจสู้ขอบวชอุทิศส่วนกุศลให้กับอาม้า ตามที่ถูกกำหนดลงมา วันที่เวียนศพของอาม้าก่อนยกขึ้นไปตั้งบนเมรุลอย ผมเดินผ้าสบงหลุดลุ่ยร่ายไปตลอดทาง
งานฌาปนกิจศพของอาม้านอกจากมีการถ่ายรูปภาพขาวดำแล้วยังมีการถ่ายหนัง 16 มม.เก็บไว้ด้วย เมื่อผมโตจนเป็นหนุ่มแล้ว ในงานสังสรรค์ประจำปีของตระกูลยังมีการนำมาฉายให้ดูกันเล่นๆ ได้หัวเราะกับท่าทีตลกๆ และน้ำตาไหลพรากเมื่อไฟกำลังไหม้ศพของอาม้าอยู่ที่บนเมรุลอย งานนี้ประทับใจมากเมื่อตอนเวียนศพขึ้นเมรุแล้ว จำไม่ได้ว่าเป็นใคร หว่านสตางค์เกลื่ยนกล่น เด็กๆแย่งกันเต็มไปหมด แต่ขอโทษที เณรก็ลงไปร่วมสังฆกรรมกับเขาจนเกลี้ยง
ภาพที่ลงนี้เป็นภาพที่ถ่ายก็อปปี้มาจากภาพที่แจกไว้ทุกครอบครัวเปาอินทร์ ผมไม่มีความรู้เรื่องเมรุลอยนักหรอก แต่เห็นภาพนี้แล้วก็อดคิดถึงอาม้าของพวกเราไม่ได้ วันนี้เณรองค์เล็กที่สุดอายุ 63 ปีแล้ว แต่ก็ยังจดจำรูปร่างหน้าตาและผมทรงดอกกระทุ่มของอาม้าได้ติดตา โดยเฉพาะรอยยิ้มและเสียงหัวเราะชอบใจเมื่อได้แจกสตังส์หลานๆ