ท่องแดนแผ่นดินธรรมตอน56.
ศาลเจ้าเทพารักษ์ ต้นธารแม่น้ำสองสี นครสวรรค์
โดยอึ้งเข่งสุง เรื่อง/ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์
ศาลเจ้าเทพารักษ์ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ยืนมองจากริมแม่น้ำขึ้นไปทางเหนือจะเห็นปากแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นสีของน้ำแตกต่างกันชัดเจน ศาลเจ้าเทพารักษ์ตั้งอยู่ที่ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ห่างจากถนนสาย นครสวรรค์-ชุมแสง 1 กม. ห่างจากจังหวัดนครสวรรค์ 2.5 กม. ตัวอาคารสร้างเป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ใต้ถุนสูง แบบเก๋งจีน หลังคาประดับด้วยมังกรคู่ชูลูกแก้ว ปลายสันหลังคาทอดยาวลงมาเป็นมังกรหงาย ภายนอกทาด้วยสีชมพู ภายในทาสีแดงอันเป็นสีมงคลตามอุดมคติจีน
ส่วนว่าสร้างมาตั้งแต่ปีพ.ศ.ใดไม่ปรากฎหลักฐาน มีเพียงระฆังสำริดผสมเงินซึ่งจารึกอักษรจีนไว้ว่า ปีพ.ศ.2413 ใบหนึ่งเท่านั้น ตรงกับรัชสมัยรัชกาลที่ 5 บนศาลเจ้าเทพารักษ์ประดิษฐานองค์เทพเจ้าจีนดังนี้คือ ตรงกลางเป็นที่ประทับของเทพปิ่นเถ่ากง ด้านขวามือเป็นที่ประทับของเทพเจ้ากวนอู และด้านซ้ายมือเป็นที่ประทับของเทพเจ้า เจ้าแม่ทับทิม
เทพเจ้าทั้งสามองค์นี้ถือว่าเป็นเสาหลักของศาลเจ้าเทพารักษ์
สีแดง+สีเหลือง เป็นสีมงคลที่ชาวจีนนิยม
เทพเจ้าปิ่นเถ่ากง หรือปึงเถ่ากง หรือตี้โถว หรือตี้ไถ่ แต่สำเนียงจีนแต้จิ๋วเรียกว่า ตี้เถ่าเล่าเอี๊ย หรือตี๊จู้เอี๋ย อันหมายถึงเป็นเทพพระภูมิเจ้าที่ ซึ่งในอดีตชาติของท่านเป็นข้าหลวงหรือเจ้าเมืองที่ให้ความยุติธรรม สร้างความสันติสุข และร่มเย็นให้กับประชาราษฎร์ แม้นว่าตายไปแล้วก็ยังมีใจเฝ้าระวังภัยให้ จนในที่สุดได้รับการบูชาเป็นเป็นเทพเจ้า
หากบูชาแล้วจะทำมาค้าขึ้น ฐานะร่ำรวย มีบุตรธิดามากหน้าที่เป็นคนดีๆ ภาพแห่งความทรงจำคือสวมใส่ชุดขุนนางชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายบุ๋น ท่าทางใจดี มีเมตตา ตระกูลหลิมกล่าวว่า ท่านเป็นทายาทรุ่นที่ 15 โดยนับจาก จิ้นอานอ๋อง เคยรับราชการตำแห่ง โกเพ้ง สมัยราชวงศ์ถัง ระหว่างปีพ.ศ.1163-1451
เทพเจ้าเจ้าแม่ทับทิม เทพแห่งความรู้ความเชี่ยวชาญสัญชาตญาณเรื่องดินฟ้าอากาศ และมีความรอบรู้เรื่องการแพทย์ ทางยา ช่วยรักษาคนได้ทั่วไป ประวัติของเจ้าแม่ทับทิมกล่าวกันว่า เป็นชาวฮกเกี้ยน เกิดที่เกาะหมีจิว มณฑลฮกเกี้ยน แซ่ลิ้ม หรือในภาษาจีนกลางว่า หลิน ท่านเกิดเมื่อวันที่ 23 เดือน 3 ปีพ.ศ.1503 ช่วงสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ ตำนานกล่าวว่า แรกเกิดมีปาฏิหารย์แทนที่จะร้องอุแว๊อุแว๊อย่างกับเด็กๆทั่วไป แต่กลับเงียบ ไม่มีการร้องแต่อย่างใด พ่อจึงตั้งชื่อว่า ลิ้มมิก ซึ่งคำว่ามิกคือโม่ อันแปลว่า เงียบ นั่นเอง
เทพเจ้ากวนอู ตำนานกล่าวว่าเดิมชื่อว่า เผิงเสียน ชื่อรองว่า ฉางเซิง เกิดเมื่อปีพ.ศ.703 วันที่ 24 เดือน 6 สมัยพระเจ้าฮั้นฮวนเต้ อำเภอฮอต๋งไกเหลียง สูงใหญ่ 6 ศอก ใบหน้าแดงอย่างลูกพุทราสุก เกิดโมหะจริตไปฆ่าปลัดอำเภอตาย จึงหนีไปจนถึงด่านถงกวาน ทหารเรียกถามก็ไม่กล้าตอบชี้บุ้ยไปที่ด่าน ก็เลยได้ชื่อใหม่ว่า กวานอู หรือกวานหยู เมื่อรอดตายจึงตัดใจใช้ชื่อกวานอูหรือกวนอูนับแต่นั้น
เทพเจ้าปิ่นเถ่ากง
เมื่อไปถึงโรงเตี๊ยม ด้วยอารมณ์หิวจึงร้องสั่งให้เอาเหล้ามากิน กินแล้วจะไปอาสาแผ่นดิน ซึ่งขณะนั้นพระเจ้าเล่าปีและเตียวหุยนั่งดื่มกันอยู่ จึงได้ร่วมเสวนาแล้วประกาศสาบานเป็นพี่น้องร่วมตาย รับราชการอยู่กับพระเจ้าเล่าปี่จนถึงตายเมื่อ วันที่ 12 เดือน 7 ปีพ.ศ.762 อายุ 59 ปี ด้วยความเก่งกาจฉกาจฉกรรจ์ เชี่ยวชาญวรยุทธ์ยิ่ง มีความกตัญญู รู้บุญคุณคน และมีความซื่อสัตว์เป็นที่ตั้ง ครั้นตายไปจึงได้รับการเคารพกราบไหว้เสมอเหมือนเป็นเทพเจ้า ฉายา เทพเจ้ากวนอู ท่านตายในสมัยพระเจ้าฮั้นเหี้ยนเต้
ปิ่นเถ่ากงหรือปึงเถ่ากง เจ้าแม่ทับทิม
ศาลเจ้าเทพารักษ์เปิดให้กราบไหว้ทุกวัน มีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิคอยอำนวยความสะดวกและบริการให้ เช่นให้คำแนะนำว่าจะจุดธูปกี่ดอก จะไหว้จากองค์ไหนไปยังองค์ไหน อันเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของศาลเจ้าแห่งนี้ที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน บนศาลเจ้ามีกระถางธูปให้ปักเมื่อกราบไหว้เสร็จแล้ว มีน้ำมันให้เติมตะเกียง มีตู้บริจาคสมทบทุนมูลนิธิ และด้วยหลักยึดมั่นของชาวจีนอันประกอบด้วยจีนแต้จิ๋ว จีนไหหนำ จีนแคะ ฯลฯ ค่อนข้างเคร่งครัด และถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจนกลายเป็นวิถีชีวิตของชาวจีน
การบริหารจัดการของศาลเจ้าเทพารักษ์ เห็นได้ว่ามีระบบ ระเบียบ และแนวทางปฏิบัติชัดเจน ผู้ที่มากราบไหว้จะได้ทั้งอิสระในการอธิษฐานขอพรจากเทพเจ้าทั้งสาม ส่วนจะได้สมปรารถนาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของผู้ที่ขอว่าตั้งมั่นอยู่ในหลัก เช่นถ้าอธิษฐานขอให้รวย ขอให้รวย แต่ขี้เกียจยังกับแมวนอนหวด ก็คงจะไม่สมปรารถนา หริออย่างจะอธิษฐานขอให้สอบติดโรงเรียนนายร้อย จปร. แต่ไม่เคยเอาใจใส่กับการเรียนเลย นั้นเจ้าพ่อเจ้าแม่ก็คงจะไม่โปรดแน่
แต่อย่างไรก็ดี เรื่องอย่างนี้แม้นไม่เชื่อก็อย่าได้ลบหลู่ เพราะว่าได้เคยเกิดอภินิหารมาแล้วจนเป็นที่เลื่องลือนั่นคือ เมื่อกว่า 70 ปีมาแล้ว ปากน้ำโพเกิดโรคห่าระบาดไปทั่ว ผู้คนล้มเจ็บป่วยตายไปตามๆกัน ชาวปากน้ำโพจึงได้ร่วมใจกันมาอธิษฐานขอให้เจ้าพ่อและเจ้าแม่ช่วย โดยผ่านร่างทรงซึ่งได้เขียน "ฮู้" ให้นำไปเผาไฟแล้วกอบเถ้าผสมน้ำดื่ม ปรากฎว่าโรคห่าได้หยุดไป ช่วยชีวิตพี่น้องชาวปากน้ำโพไว้ได้มากมาย และด้วยอิทธิปาฏิหารดังกล่าวนี้เองที่ชาวปากน้ำโพได้ร่วมกันมากราบไหว้และแห่แหนเจ้าพ่อเทพารักษ์ทั้งสามไปทั่วเมือง นำมาซึ่งความผาสุขไปทั่วทุกหัวระแหง โด่งดังไปทั่วแคว้นแผ่นดินไทย
แม่น้ำสองสี บริเวณศาลเจ้าท่วมหมด
ทุกปี ช่วงตรุษจีน ชาวปากน้ำโพได้ร่วมกันจัดงานประเพณีแห่เจ้าพ่อเทพารักษ์ เจ้าแม่ทับทิม เจ้าพ่อกวนอู นอกจากนี้ยังมีการแห่เจ้าแม่กวนอิมด้วยชบวนสาวงามที่มีลักษณะดีต้องตามตำรา ขบวนเองกอล่อโก้ว ขบวนนางฟ้า ที่โดดเด่นมากๆและโด่งดังไปทั่วประเทศนั่นคือการเชิดสิงโตของสมาคมต่างๆ การทรงเจ้า การลุยไฟของเซียนอีกมากมายหลายกลุ่ม หลังๆมานี้ ดังมากเรื่องขบวนแห่มังกรทอง เพียงงานนี้งานเดียว โรงแรม รีสอร์ท ในจังหวัดนครสวรรค์และใกล้เคียงเต็มหมด
แต่ทว่า เมื่อคราที่พวกเราเข้าไปกราบไหว้เจ้าพ่อเทพารักษ์นั้น เป็นช่วงที่น้ำล้นฝั่งท่วมท้นไปทั่วเมือง จึงได้สัมผัสชีวิตของพี่น้องที่อยู่ริมน้ำ ได้นั่งเรือที่เกือบจะสาบสูญไปจากแม่น้ำลำคลองของประเทศไทย ได้ขึ้นไปฟังคณะกรรมการมูลนิธิบรรยายประวัติและเรื่องราวต่างๆมากมาย หลังจากนั้นก็ได้บันทึกภาพเพื่อเก็บมาเล่าเรื่องให้กับประชาชนคนเปิดเว็บไซต์ได้ชม มีภาพหลายภาพที่ถ่ายมาแล้วจดจำไม่ได้ว่า เขาเรียกว่าอะไร บทความประกอบเรื่องนี้จึงอ่อนด้อยด้วยเนื้อหาเชิงสารคดีที่เข้มข้นไปสักนิด ขออภัย ขออภัย
ระฆังสลักอักษรจีน ระบุปีพ.ศ.และจ.นครสวรรค์