http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,988,300
Page Views16,296,261
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

หลวงพระบางตอน 9.นั่งเรือทวนน้ำไปชมถ้ำติ่ง ชมพระพุทธรูปไม้ 2,500 องค์ โดยอึ้งเข่งสุง-เรื่อง/ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์

หลวงพระบางตอน 9.นั่งเรือทวนน้ำไปชมถ้ำติ่ง ชมพระพุทธรูปไม้ 2,500 องค์ โดยอึ้งเข่งสุง-เรื่อง/ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์

หลวงพระบางตอน9.

นั่งเรือทวนน้ำไปชมถ้ำติ่งชมพระพุทธรูปไม้ 2 ,500 องค์

โดยอึ้งเข่งสุง-เรื่อง/ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์

           ถ้ำติ่งเป็นอีกหนึ่งรายการนำเที่ยวเมืองหลวงพระบาง อยู่ห่างไปทางเหนือของหลวงพระบางราวๆ 30 กม. ตามถนนสาย 13 เมื่อถึงบ้านท่าไหก็จอดเพื่อลงเรือต่อไปยังถ้ำติ่งอีกราว ๆ2 ชม. แต่ก็อย่างว่า นั่งเรือสะดวกสบายแม้ว่าจะช้าก็ได้ชมธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำสุโขสโมสร เย็นดีเสียด้วยซิครับ

 

ไหเหล้า ต้นธารชื่อหมู่บ้าน

 

      บ้านท่าไหตั้งอยู่ริมแม่น้ำคาน เป็นท่าเรือไปชมถ้ำติ่ง แต่ช้าก่อน ก่อนที่จะก้าวเท้าลงไปในเรือ มาทำความรู้จักกับบ้านท่าไหก่อนเถอะ หมู่บ้านนี้มีอาชีพถนัดมากคือผลิตไห(ดูรูปประกอบ) ใช้บรรจุสุรากลั่นพิเศษจากภูมิปัญญาท้องถิ่น อุปกรณ์ที่ใช้ในการกลั่นสุราก็คล้ายคลึงกับที่บ้านเราในชนบท เดิมว่ากันว่าบรรจุไหส่งขาย แต่ปัจจุบันนี้มีการใช้สุราที่ได้มาดองงู แมงป่อง ตุ๊กแก ฯลฯ เพื่อเป็นยา

 

 

อุปกรณ์ต้มกลั่นสุราป่า

         ทั่วทั้งหมู่บ้านกลายเป็นแหล่งที่ขายสุราและมีการค้าขายผ้าไหม ผ้าฝ้าย ทอด้วยมือตามภูมิปัญญาท้องถิ่นเช่นกัน คุณยายแก่ๆคนหนึ่งยิ้มด้วยความสุขที่ได้เสวนากับพี่น้องชาวไทย เรียกว่าพูดคุยกันรู้เรื่อง แต่ถ้าฝรั่งมั่งค่าเข้ามาถาม ผมไม่แน่ใจนักว่าคุณยายพูดภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสโต้ตอบกันแน่

 

        นักท่องเที่ยวที่บ้านท่าไห

          มัคคุเทศก์เห็นว่าเรือเทียบท่าแล้ว จึงร้องขอให้รีบเดินลงท่าเรือกันเสียที ท่าเรือนี้ชันมาก ต้องเกาะแขนกันเดินแล้วก็ต้องเกาะราวบันไดด้วย เพื่อความปลอดภัย  เมื่อเลือกที่นั่งในเรือได้แล้ว แต่ละคนก็ใช้ความเป็นส่วนตัวได้เต็มที่ บางคนเข้าฌานหลับไปในพริบตา บางคนคุยกันไม่หยุด แต่บางคนก็เหลียวซ้ายแลขวาหารูปถ่ายไปตามหน้าที่

 

หมากเต็มปากเลยคุณยาย แฮ่

 

           ถ้านั่งเรือล่องแม่น้ำเขาถือว่า ขวามือคือฝั่งขวาของแม่น้ำ และซ้ายมือคือฝั่งว้ายของแม่น้ำ แต่เมื่อเรือที่นั่งไปนี้แล่นทวนน้ำขึ้นไป จึงต้องนับว่า ขวามือคือฝั่งซ้ายของแม่น้ำ เช่นเดียวกันที่ซ้ายมือคือฝั่งขวาของแม่น้ำ  เมื่อเรือแล่นไปได้สักครู่หนึ่งจึงได้เห็นว่าฝั่งขวาของแม่น้ำมีแม่หญิงลาวสองนาง นั่งอยู่ริมหาดทราย ในมือถือตะแกรงร่อนอะไรอยู่สักอย่าง ถามไกด์ได้ความว่า เขาร่อนทองกันอยู่ โอ้ แม่เจ้า

 

 

           ส่วนว่าหล่อนจะร่อนหาทองคำได้วันหนึ่งมากน้อยเพียงใดก็ไม่ทันได้ซักถาม แต่คงได้คุ้มกับการอาบแดดต่างน้ำ และก็ได้นั่งชาน้ำทั้งวัน น่าจะเย็นๆร้อนสลับกันไป ดูแล้วก็รู้สึกว่า ทองเมืองลาวนี่ขุดง่ายกว่าทองในประเทศไทย และน่าขุดมากกว่า ชั่วเพียงคุยกันได้นิดเดียว เรือก็แล่นเลยไปเสียไกล

 

 

ร่อนทองคำริมฝั่งแม่น้ำคาน

          นั่งในเรือท่องเที่ยวของลาวนี้ดีมีบริการกาแฟร้อนด้วย ช่วยให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอีก มีแรงที่จะนั่งมองโน่นมองนี่ นักท่องเที่ยวประเภทหนึ่ง จะตื่นก็เมื่อถึงที่หมาย เว้นแต่นักท่องเที่ยวที่แฝงตัวไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆเช่นผมกับตากล้อง ถ่ายรูปแล้วกลับมาเขียนลงเว็บไซต์  หลับไม่ได้เลย กลัวพลาดโอกาสดีๆงามๆ

 

ป่าเปลี่ยนสีที่หลวงพระบาง

          แล้วก็ได้พบอีกแล้วเมื่อเรือแล่นทวนน้ำไปผ่านเขตป่าเขาลำเนาไพร มีป่าไม้เขียวหม่นๆด้วยว่าใกล้ฤดูกาลที่ใบไม้แก่จะร่วงหล่น และก็ได้เห็นว่า มีต้นไม้กลุ่มหนึ่งกำลังเปลี่ยนสีจากสีเขียวหม่นเป็นสีแดงอมส้ม สังเกตดูแล้วเป็นไม้ใบกว้าง สภาพป่าน่าจะเป็นป่าเต็งรัง ใบสีแดงอมส้มนั้นน่าจะเป็นใบต้นเต็ง ถ้าเป็นต้นรังจะเป็นสีเหลือง

 

 พายเรือแคนูท่องเที่ยว

           ภาพที่ถ่ายมาได้ “ฟุ้ง” ด้วยหมอกแดด สีของภาพจึงหม่นๆ ไม่แดงแป๊ด และ ไม่เขียวปี๋ ประกอบกับเรือที่แล่นไปนั้นมีแรงสั่น ผสมกับแรงสะเทือนจากแรงกระแทกกับละลอกคลื่นเล็กๆ  ได้ภาพตามที่เห็นแค่นี้แหละครับ ฉับพลันทันใด มีเรือแคนูสองลำพายผ่านชายหาดฝั่งขวามาแต่ไกล ดูท่าทางคนพายจะสนุกสนานดีทีเดียว

 

 

ภูเขาโลงศพ

          ภาพสุดท้ายก่อนที่เรือจะเลี้ยวเข้าจอดคือ ภาพภูเขาสูงหญ่อลังการ ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำ ลูกหนึ่งมียอดตัดเรียบแบบกรีนสนามกอล์ฟทีเดียว อีกลูกหนึ่งก็มนๆเหมือนยอดเขาทั่วไป ได้ความว่า เขาเรียกเขาโลงศพ ข้างๆภูเขาเทือกนั้นมีบ้านกระจายอยู่ห่างๆ แล้วเรือก็วาดหัวเข้าเทียบกับเรือท่องเที่ยวอีกหลายสิบลำ ที่หน้าถ้ำติ่ง  

 

 

         ถ้ำติ่งที่อุตสาห์นั่งเรือมาถึง 2 ชั่วโมงกว่า เป็นถ้ำตื้นๆ มีหน้าผาตระหง่านถึง 60 เมตร มีบันไดเดินขึ้นไปได้สะดวก มีนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติออกันอยู่ตามขั้นบันได พระอาทิตย์ย้วยไปทางหลังหน้าผาถ้ำติ่ง แดดจึงบังหน้าผาทำให้หน้าถ้ำร่มเย็นสบายดี เมื่อยืนอยู่บนหน้าถ้ำมองลงไปมีแต่เรือจอดกันตรึม

 

 ใยแมงมุมกับควันธูป

           เมื่อเดินขึ้นไปจนถึงภายในถ้ำแคบๆ ต้องตกตะลึงจังงัง ทุกตารางนิ้วของถ้ำมีแต่พระพุทธรูป หลายปางหลายแบบหลายขนาด ไกด์เล่าว่า ถ้ำนี้พบเมื่อศตวรรษที่ 18-19 เป็นพระพุทธรูปที่แกะจากไม้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยเป็นพระทองคำและพระเงินแต่ได้สูญหายไปเสียแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างพระพุทธรูปปางต่างๆมาถวายไว้ตั้งแต่เมื่อใด ใครก็ไม่รู้

 

 นี่ก็แน่นในถ้ำติ่ง

          แต่ด้วยความศรัทธาในบวรพุทธศาสนา พระเจ้าโพธิสาร เจ้ามหาชีวิตของหลวงพระบางได้เสด็จมาสักการะเป็นประจำเพื่อ บวงสรวงดวงวิญญาณผีป่า ผีแถน และเทวดาถ้ำติ่ง ถ้ำติ่งนี้มีสองถ้ำ ถ้ำติ่งลุ่มอยู่เบื้องล่าง ถ้ำติ่งเทิงอยู่บนถ้ำสูงขึ้นไป   ในถ้ำติ่งทั้งสองนี้มีพระพุทธรูปให้กราบไหว้มากมายจริง บางองค์มียักไย่เกาะเต็มไปหมด

 

 ถ้ำติ่งล่างหนาแน่นด้วยนักท่องเที่ยว

          มาคิดดู ลาวก็เข้าใจหยิบจับเอาถ้ำติ่งมาเป็นจุดขายการท่องเที่ยวได้ แต่แรกทีเดียวผมคิดว่าน่าจะเป็นถ้ำที่ยิ่งใหญ่อลังการ  มีหินงอกหินย้อยสวยงาม แต่เมื่อไปถึงจึงได้พบว่า ถ้ำเล็กนิดเดียว แต่ก็แปลกที่มีพระพุทธรูปไม้มากมายถึง 2,500 องค์  หลังจากเดินลงมาแล้วก็ได้แต่ยกมือพนมไหว้ลา

 

 แม่หญิงลาวมาต้อนรับ

          เรื่อล่องท่องเที่ยวพาข้ามปากไปยังกลุ่มบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เขาโลงศพ มีแม่หญิงชาวลาวสาวๆเดินมารอรับ แต่ละอนงค์สวมผ้าสีสันสวยงาม เพื่อเชิญชวนขึ้นไปรับประทานอาหารกลางวัน  ส่วนรายการอาหารนั้น พื้นๆ ไม่โดดเด่นพอที่จะนำมาเขียนให้พี่น้องผองเพื่อนได้อ่าน เรื่องการไปท่องเที่ยวถ้ำติ่งก็มีเพียงนี้ละครับ

         

         

ร้านอาหาร

สุรากลั่นดองงู

ความรักเรียกหาที่ชายฝั่งแม่น้ำคาน

 

 

Tags : ท่องเที่ยวต่างประเทศตอน8.วัดเชียงทอง

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view