อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร บรรยากาศม่วนชื่น
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ประกาศจัดตั้งเมื่อปีพ.ศ.2541(ราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 115 ตอน14ก. ลงวันที่ 20 มีนาคม 2541) เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 83 ของประเทศไทย แม้มีพื้นที่เพียง 81,250 ไร่ แต่เป็นประตูเดินทางสู่ปราสาทเขาพระวิหารฝั่งประเทศไทย ซึ่งชิดเขตประเทศกัมพูชามหามิตร อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารมีบ้านพักกลางป่ากลางดอยหลายหลัง มีลานกางเต็นท์ปลอดภัย และมีบรรยากาศเงียบสงบ อากาศสดชื่น เว้นแต่วันที่มีลูกปืนใหญ่หล่นตูมๆ ก็สนุกดี
ฝั่งผามออีแดง และป้ายเขตกัมพูชา
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้ง อยู่ในเขตอำเภอน้ำยืน อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี และอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีผามออีแดงเป็นด่านสุดท้ายก่อนเข้าเขตเขาพระวิหารของกัมพูชา นอกจากนี้ก็ยังมี ผาช่องโพย น้ำตกผาช่องโพย ถ้ำฤาษี แหล่งหินตัด สถูปคู่โบราณ ภาพสลักนูนต่ำใต้ผามออีแดง จุดชมวิวภูเซียงหม้อ ปราสาทโดนตาล ทั้งหมดอยู่บนเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งลาดเทไปทางเหนือ
ทะเลหมอกกำลังลอยขึ้นเหนือแมกไม้
ด้วยภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จึงเป็นผืนป่าต้นน้ำสำคัญหลายสายเช่น ห้วยตามาเรีย ห้วยตานี ห้วยตาเงิด ห้วยตุง ห้วยตะแอก และห้วยบอน ส่วนเหลี่ยมผาที่ตั้งตรง 90 องศาริมหน้าผาอันเป็นเขตแดนประเทศ นั้นในทางวิชาการคือเส้นแบ่งตามแนวสันปันน้ำ ก็เลยงงว่า ปราสาทเขาพระวิหารแหว่งเข้ามาในเขตสันปันน้ำได้อย่างไร การเมืองระหว่างประเทศชวนปวดหัวครับ
มุมโปรดของนักถ่ายภาพผามออีแดง
เมื่อปีพ.ศ.2518 ผมเคยไปเยือนปราสาทเขาพระวิหาร รอบๆทางเดินขึ้นมีรั้วลวดหนามกั้น ห้ามใครทุกผู้ลงไปโดยเด็ดขาด เพราะว่าทุกตารางนิ้วมีกับระเบิดฝังอยู่ การเดินทางเข้าออกง่าย ไม่มีพิธีรีตองยุ่งยากอย่างปัจจุบันนี้ เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังดีกันอยู่ ในอดีตทางขึ้นก็มีร้านค้าเฉพาะฝั่งประเทศไทย ส่วนฝั่งกัมพูชาไม่มีเลย ซึ่งผิดกับในปัจจุบันนี้ที่มีทั้งหมู่บ้าน ตลาดขายของที่ระลึก และวัดในพุทธศาสนาตั้งอยู่ด้วย
ผามออีแดง
ครั้นตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร น่าจะดีเด่นดัง เพราะว่าตั้งอยู่ชายแดน เทือกเขาสูง 200-500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง อากาศสดชื่นหนาวเย็นกว่าที่ราบลุ่มมาก มีบ้านพักหลายหลังบริการให้กับนักท่องเที่ยว มีร้านอาหาร และมีลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ ห้องสุขาพร้อม เหมือนเป็นรีสอร์ทกลางป่าชายแดนแผ่นดินไทยนั่นเทียว
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนผามออีแดง
วันที่เดินทางไปคราวนี้พ.ศ.2554 นับได้ 36 ปีต่อมาเป็นช่วงปลายฤดูฝน เมฆหมอกครึ้มๆ บางขณะก็มีฝนปรอยๆ แต่เมื่อรถยนต์จอดที่ด่าน ก็มีเจ้าหน้าที่อุทยานมาบริการนำเที่ยว บรรยายสรุป และเปิดห้องสุขาให้ได้ผ่อนคลาย ข้างๆด่านกั้นเป็นที่ตั้งสำนักงานของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ที่นี่มีบรรยากาศเป็นป่าที่ราบต่ำๆ แต่มีต้นไม้ดกหนาแน่น ร่มครึ้ม และก็ยังมีทะเลสาบน้อยๆอยู่ติดกับสำนักงาน ดูเหมือนปลอดภัยดี แต่........
ถ่ายจากผนังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ
อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ยังมีกลุ่มบ้านพักและร้านอาหารบริการที่เขาสูง แวดล้อมด้วยป่าไม้ใบหนา ซึ่งหากไม่มีลูกปืนตกใส่ละก้อ น่าพักแรมมากๆ
บนผามออีแดง เป็นที่ตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยว กว้างขวาง สามารถให้บริการข้อมูลและสุขาได้เยี่ยม
ด้านหลังศูนย์เป็นหน้าผามออีแดงที่สามารถมองเห็นผืนป่าและทะเลหมอกได้ดี เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ได้เดินชมในท่ามกลางอากาศยามเช้าตรู่ ก็ได้บรรยากาศดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ได้สูดอากาศบริสุทธิ์
ถ่ายจากระยะไกล ปราสาทพระวิหาร
เดินไปก็มองหามุมถ่ายภาพ จนขึ้นไปถึงองค์พระและจุดส่องกล้องชมเขาพระวิหาร วกเดินลงไปตามบันไดไม้แน่นหนา สร้างใหม่ เดินได้สบายๆ เพื่อลงไปบันทึกภาพสลักนูนต่ำใต้หน้าผามออีแดง แล้วก็ชมทะเลหมอกที่ลอยตัวอยู่กลางหุบเขากว้างๆ เป็นผืนป่ารอยต่อระหว่างป่าไทยกับป่ากัมพูชา แต่ยอดเขาที่เห็นโผล่จากทะเลหมอกนั้นเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เส้นทางรางๆในที่ราบต่ำลึกราวๆ 2 กม. เป็นเขตแดนแผ่นดินกัมพูชา
ทะเลหมอกห่มคลุมทั้งหุบเขา
ลัดเลาะไปตามหินผา ได้เห็นพันธุ์พืชขนาดเล็กๆ มากมายหลายชนิด เช่นขี้อ้นดอกสีชมพู แววมยุรา แต่อีกหลายชนิดเสียดายที่ไม่รู้จักชื่อ ถึงอย่างนั้นก็ได้บันทึกภาพมาฝาก อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่า มีทรัพยากรพันธุ์พืชสวยงามเหลืออยู่มากหรือน้อย
การเดินทางมาท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติยามศึก ไม่มีความสงบระหว่างประเทศก็ทำได้ระดับนี้ แต่ถ้าความสัมพันธ์ระหว่าสองประเทศเจริญงอกงามดีเหมือนเดิมเมื่อไร ก็คงจะได้ท่องเที่ยวมากกว่าที่เห็น สบายอกสบายใจมากกว่านี้
สะพานไม้เดินลงไปชมภาพสลักนูนต่ำ
เดินถ่ายรูปแล้วพบดอกไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง ดอกออกเป็นกลุ่ม สีเหลืองและมีขนยาวรอบๆดอกตูม มีหยดน้ำเกาะพราวไปทั่วดอก ดูงดงามดี ใต้ช่อสีเหลืองมีดอกสีขาวยื่นออกมา โคนดอกเป็นหลอดสีขาวยาวราวๆ 1 นิ้ว กลีบดอกสีขาวรูปรี 4 กลีบ เกสรเป็นพุ่มยื่นยาว
กลิ่นหอมหรือไม่ไม่กล้าเด็ดดม กลัวว่าอาจมีพิษ หรือคัน การท่องเที่ยวป่าเขาลำเนาไพรพบสิ่งใด อย่าได้ไปสัมผัส
อย่างที่ ปตท.ทำหนังโฆษณาออกทีวีแล้วมีเด็กๆเดินป่าเด็ดดอกไม้สีชมพูเอามาขยี้ แล้วทาแก้ม ซึ่งเป็นโฆษณาที่ดูสวยแต่อันตรายมาก
ชื่ออะไรไม่รู้แต่สวยจับใจ
ทางที่เหมาะสมคือ ชมด้วยตา ถ่ายเก็บไว้ในกล้อง เว้นแต่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติจะให้ความรู้ได้ว่า ปลอดภัย
ป่าเขาพระวิหารนี้มีกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง ต้นใหญ่ และดอกดก เสียดายที่มายามนี้ ดอกกล้วยไม้วายไปแล้ว จึงได้ก็อปปี้ดอกจากอินเทอเนตมาฝากแทนของจริง รู้จักไว้สักนิดก็คงดีกว่าไม่รู้เสียเลย สอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่า เดี๋ยวนี้หาชมในป่าธรรมชาติยาก เพราะว่าถูกลักลอบขะโมยออกไปขายกันเสียมาก ซึ่งถ้ามีการเพาะเลี้ยงจากพันธุ์แท้ แล้วนำออกไปจำหน่ายก็คงจะเป็นการอนุรักษ์อีกทางหนึ่ง
ดอกไม้ป่าแสนงาม
กลับลงมาจากอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้แวะชมร้านค้าขายของที่ระลึกและของกิน ปิดตายกันเกลี้ยง ไม่มีนักท่องเที่ยว การค้าขายก็ไม่มี ไม่เกิด ต้องรอเวลาให้เกิดความปรองดองระหว่างสองชาติแล้วเปิดการท่องเที่ยว น่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ มีรายได้ มีการสื่อสาร มีการคมนาคม มีการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างกลุ่มประเทศในอาเซียน ขอให้ถึงเวลาทีเถิด
ภาพสลักหน้าผามออีแดงแบบนูนต่ำ
ย้อนกลับลงมาที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ด่าน มีที่ทำการ บ้านพัก และลานกางเต็นท์ให้บรการนักท่องเที่ยว มีทะเลสาบกว้างพอควรอยู่ด้วย บ้านพักรอมทะเลสาบให้บรรยากาศที่น่าพักแรมมากๆ ที่ทำการมีพันธุ์ไม้ป่านานาชนิด ดูแล้วเหมือนเดินอยู่ในป่า มีกระทั่งต้นพะยูง ต้นไม้หายากและราคาแพงมากๆ ตามพื้นดินมีกล้าไม้งอกจากเมล็ดไม้ที่ร่วงหล่นหนาแน่น หากเจ้าหน้าที่จะเก็บไปเพาะชำลงถุงดำ แล้วนำไปกระจายปลูกเพิ่มขึ้นก็คงจะดีไม่น้อย
บ้านพักบนเขาของอุทยานฯ
ภาพที่เห็นแสดงให้เห็นว่า เมื่อเมล็ดไม้ร่วงหล่นลงดิน ได้สภาพที่เหมาะสมเขาก็จะงอกจากเมล็ด และเติบโตตามธรรมชาติได้ หากไม่ต้องเผชิญกับไฟป่า การแผ้วถางป่าทำไร่เลื่อนลอย ภูมิอากาศที่ร้อนแล้งจนตายไป เรียกว่าถ้าไม่ไปรบกวนเขาๆก็จะค่อยๆเติบโตตามธรรมชาติได้ แม้ว่าผลการวิจัยของนายสมเพิ่ม กิตตินันท์ เมื่อปีพ.ศ.2511 จะระบุว่า "กรณีไม้สัก การสืบพันธุ์ตามธรรมชาติจากเมล็ดไม้สักที่ร่วงหล่นเมื่อเจริญงอกงามออกจากเมล็ดได้แล้วนั้น ต้องเผชิญกับไฟป่าถึง 15 ปี จึงจะสามารถพุ่งลำต้นจากเหง้าใต้ดิน พ้นไฟป่าได้"
กล้าไม้ในผืนป่า และต้นโด่ไม่รู้ล้มพืชสมุนไพรพลังชาย
ในหลักการจัดการอุทยานแห่งชาติจึงมีฝ่ายปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทดแทนป่าธรรมชาติที่เสื่อมโทรมขึ้นใหม่ โดยต้องใช้พันธุ์ไม้ที่ปลูกเป็นไม้ในถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของประเทศไทย เช่นต้นมะม่วงป่า มะกอกป่า ตะเคียน ยางนา ยางแดง มะค่าโมง ประดู พะยูง ชิงชัน กระพี้เขาควาย แต่ต้องไม่ใช้พันธุ์ไม้จากต่างถิ่นกำเนิดเช่น ยูคาลิปตัส กระถินณรงค์ กระถินเทพา สนประดิพัทธ์ ขี้เหล็กอเมริกา ฯลฯ เพื่อการอนุรักษ์พันธุ์พืชดั้งเดิมไว้ในป่าอนุรักษ์
กล้วยไม้เขาพระวิหารและดอก
บ้านพักริมทะเลสาบ น่าพัก
ทะเลสาบที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร
ไม้เลื้อยต้นนี้ต้นอะไรหรือ แต่สวยอะ
เฟิร์นจากพื้นดินและดอกไม้จิ๋วสีม่วง