ตอบ |N.Singkran n.singkran@gmail.com ถึง vanisas, bcc: ฉัน
แสดงรายละเอียด 11:52 (13 ชั่วโมงที่ผ่านมา)
ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ จัดหนัก มัลลิกา ตัวอย่างนักการเมืองสวะแห่งศตวรรษที่ 21
โดย Red Dragon เมื่อวันอังคาร ที่ 29 พฤศจิกายน 2011
ผมแทบไม่เชื่อตัวเองว่า ข้อเสนอของ น.ส.มัลลิกาฯ จะเป็นเรื่องจริงและไม่ใช่เรื่องหลอกๆ แต่เมื่อดูประวัติของ น.ส.มัลลิกา และประวัติของพรรคประชาธิปัตย์ก็เชื่อได้ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเรื่องจริง นี่คือพรรคการเมืองที่ไม่เคยได้รับการเลือกตั้งในช่วงเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา นี่คือพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศที่รับใช้เจ้าขุนมูลนายมาหลายสิบปี อุดมการณ์ หรือ “สันดาน” ของพรรคยังไม่เคยเปลี่ยน กล่าวคือ ไม่เคยมีจุดยืนในการส่งเสริมประชาธิปไตยเหมือนดังที่สะท้อนในชื่อของพรรค ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็น่าจะเปลี่ยนชื่อพรรคไปเป็น “อประชาธิปัตย์” หรือถ้าจะให้สอดคล้องกับสิ่งที่มัลลิกาเสนอ ก็น่าจะเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ (ที่จริง การเปรียบเทียบเช่นนี้ ถือว่าเป็นการลดเกียรติของพรรคคอมมิวนิสต์อย่างสิ้นเชิง เพราะอย่างน้อย พรรคคอมมิวนิสต์ก็มีจุดยืน และเป็นระบอบการเมืองที่มักต่อต้านการมีอยู่ของ establishment)
สิ่งที่ น.ส.มัลลิกาเสนอนั้น นอกจากจะไม่ได้ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย (ในฐานะเป็นสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน) แต่ยังทำให้ประชาธิปไตยถดถอย เป็นตัวอย่างที่เลวของนักการเมืองที่มีปากก็สักแต่พูด ไม่มองภาพกว้างของการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ ไทยจะพัฒนาได้อย่างไรหากสังคมไม่เปิดกว้าง ยังคงปิดหู ปิดตาประชาชน โชคดีที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เข้ามาอยู่ในฟากรัฐบาล มิฉะนั้น ไทยคงกลายเป็นเกาหลีเหนือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้แต่เพื่อนบ้านไทยอย่างพม่าที่มีการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารมาตลอดหลายปี ก็ได้เริ่มให้มีการเปิดกว้างขึ้น ผมไม่สามารถจินตนาการได้ว่า การแสดงออกซึ่งความคิดเห็นอย่างมีเสรีภาพของไทยจะด้อยไปกว่าพม่า มันเป็นไปได้อย่างไร
ผมไม่เคยกล่าวหาใครว่า “โง่” โดยเฉพาะสตรี แต่คราวนี้คงต้องขอร่วมวาทกรรม “ความโง่เขลา” ที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลใช้ในการลดความน่าเชื่อถือของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ กล่าวคือ น.ส.มัลลิกาฯ มิได้มีความฉลาดไปกว่าชาวบ้านธรรมดาๆ ที่ไม่มีการศึกษา นี่คือบุคคลที่ได้รับการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยรังสิต ผมไม่เชื่อว่า ทั้งสองมหาวิทยาลัยจะผลิตบุคลากรที่ไร้คุณภาพได้อย่างมัลลิกา ที่แย่ไปกว่านั้น มัลลิกาคือบุคลากรที่ไร้สามัญสำนึกของการส่งเสริมประชาธิปไตย ถ้ามัลลิกาจะใช้มันสมองที่มีอยู่น้อยนิดให้มีประโยชน์ ก็น่าจะพิจารณาได้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีการจาบจ้วงสถาบันนั้นมีรากลึก การปิดอินเตอร์เน็ททั้งระบบนอกจากจะไม่ใช้ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังเป็นการมองประเด็นที่ปลายเหตุ ภาพลักษณ์ของไทยในโลกจะเป็นอย่างไรถ้าไทยปิดตัวออกจากสังคมโลก เรากำลังมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 21 ที่มีสภาพโลกาภิวัฒน์มากขึ้น เราจะบอกกับลูกหลานของเราได้อย่างไรว่า สังคมไทยต้องปิดตัวลงเช่นนี้ เพียงเพราะเราต้องการปกป้องสถาบัน
http://www.prachatai3.info/journal/2011/11/38057