สัมผัสสายลมหนาวจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศ
โดย น้ำ-รัชนี เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
สวัสดีค่ะเพื่อนชาว ทองไทยแลนด์ ทุกท่าน ลูกน้ำ มารายงานตัวแล้วนะคะ จากที่ห่างหายไปซะนาน มาคราวนี้เลยหอบเอาลมหนาวจากยอดดอยมาฝากให้หายคิดถึงกัน ตอนนี้ น้ำฝึกงานอยู่ใน พระตำหนักภูพิงคฯ แผนกเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ วันนี้เลยขอนำเอาเกร็ดความรู้เกี่ยวกับพระตำหนักภูพิงคฯมาฝากให้ทุกท่านได้อ่านกันนะคะ
พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศตั้งอยู่บน ดอยบวกห้า ซึ่งมีความหมายว่า “ภูเขาที่มีหนองน้ำรายล้อมไปด้วยต้นหว้า” แต่เดิมใช้เป็นที่แปรพระราชฐานขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและองค์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในช่วงฤดูหนาว เพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรทางภาคเหนือและยังให้เป็นที่รองรับแขกบ้านแขกเมือง เช่น พระราชอาคันตุกะ หรือ ผู้นำของประเทศต่างๆ
อาซาเลีย ตระกูลกุหลาบพันธุ์ปี
ในปัจจุบันพระตำหนักภูพิงคฯถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเต็มตัว สามารถเดินทางมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี เนื่องด้วยอากาศที่เย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อน และยังได้ชมความสวยงามของไม้ดอกเมืองหนาวนานาพันธ์ที่แข่งกันอวดสีสัน นอกจากดอกไม้เมืองหนาวแล้วยังมี แปลงกุหลาบที่มากกว่า 300 สายพันธ์ ให้เราได้ถ่ายภาพและชื่นชมอย่างไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว
จัสท์โจอี้
ดอกกุหลาบที่เป็นดาวเด่นของที่นี่ คือ กุหลาบพันธุ์ควีนสิริกิติ์ ซึ่งเป็นกุหลาบพันธุ์พระนามของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินินาถ ซึ่งตัวดอกมีความโดดเด่น สวยงาม เป็นดอกกุหลาบที่เกิดจากการผสมของกุหลาบ 2 สายพันธุ์ นั่นคือ โกลเด้น ไจแอนท์ และ วอนเดอร์ คัลเลอร์
ไวท์มาสเตอร์พีช
นอกจากความสวยงามของบรรดาดอกไม้เมืองหนาวและกุหลาบแล้วนั้น ยังมีพระตำหนักต่างๆให้เราได้เดินเที่ยวชม รวม 10 จุดเที่ยวชม ระยะทางโดยรอบ 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเที่ยวชมโดยรอบประมาณ 2 ชั่วโมง แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ น้ำขอบอกเลยค่ะว่า 2 ชั่วโมงอาจน้อยไป เพราะคุณจะเพลินไปกับบรรยากาศและสีสันของดอกไม้ จนลืมเวลาไปเลย
ต้นนางพญาเสือโคร่งผลัดใบเตรียมผลิตาดอก