ดอยผาหม่น อดีตที่ฝังใจจำ
โดยป่าน ศรนารายณ์ เรื่อง-ภาพ
สามปีกว่าแล้วที่ไม่ได้ไปเยือนดอยผาหม่น แต่พลิกรูปดูทีไรก็อดหวลคำนึงถึงไม่ได้เลยว่า น่าเที่ยวและน่าไปนอนสักสองคืน ให้สมกับที่ต้องเดินทางไปไกลมากๆ จากกรุงเทพมหานคร บ้านพักสะอาด เจ้าหน้าที่กุรีกุจอเอาใจใส่ผู้เข้าพัก บรรยากาศเยี่ยมยอดด้วยว่าเป็นดอยสูง และดอกทิวลิปสีสันสดสวย เห็นแล้วบันทึกภาพเก็บไว้ดู ไม่เบื่อสักที แต่เมื่อคิดว่าต้องเดินทางไกลใช้เวลาหลายวัน ก็รู้สึกเหนื่อยๆอยู่เหมือนกัน หากดีที่สุดน่าจะไปกับทัวร์ หรือไปเชียงรายแล้วซื้อทัวร์ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการขับรถบนภูเขา
ครั้งที่ไปเมื่อสามปีกว่านั้น เช่ารถยนต์จากเชียงรายขับไปเอง 64 กม.บนถนนสายเชียงราย-เทิง ถนนดีมาก แวะซื้อเสบียงจากตลาดสดอำเภอเทิงแล้วก็ขับรถไปตามถนนสาย 1021 เลี้ยวซ้ายไปทางบ้านฮวก ผ่านน้ำตกภูซาง(อุทยานแห่งชาติภูซาง) ซึ่งเป็นน้ำตกอุ่นเหมือนอาบน้ำอุ่น ต้นกำเนิดไหลมาจากบ่อน้ำพุร้อน อีกเพียง 63 กม.(ต้องไต่ไปตามภูเขาคดเคี้ยวเสียวหน่อย) ถึงศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงดอยผาหม่น รวมระยะทาง 127 กม. วันนั้นไปถึงโพล้เพล้ อากาศเย็นเยียบ ลมแรง และจะไปทางไหนก็ไม่ถูก ออกมายืนงงๆอยู่นอกรถยนต์หน้าศูนย์
ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงดอยผาหม่น
ประทับใจมากเมื่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมดอยผาหม่นเดินมาสอบถาม จึงได้ความว่า ถ้าไม่รู้จะไปพักที่ไหน มืดค่ำแล้วคงลำบาก พักแรมที่ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงดอยผาหม่นก็ได้ ถ้าเป็นคุณพบกับเหตุการณ์อย่างนี้จะลืมลงไหม?
คืนนั้นป่านกับเพื่อนเดินทาง 4 ชีวิตนอนพักที่บ้านพักขุนเขา ที่นอนสะอาด ผ้าห่มผืนใหญ่มาก มีเครื่องทำน้ำร้อนให้อาบน้ำชำระล้างร่างกายได้สะดวกขึ้น อากาศภายนอกหนาวจัดและลมแรงมาก เพราะว่าบ้านพักตั้งอยู่บนดอยสูงน่าจะกว่า 1,000 เมตรจากน้ำทะเล
ทิวลิปแต่ละพันธุ์แตกต่าง
เช้าตรู่ ได้ความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่อีก อาหารเช้าแบบง่ายๆ ข้าวต้มเครื่อง กาแฟร้อน ซึ่งก็หรูแล้วสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อชมธรรมชาติและความสวยงามของดอกทิวลิป ดอกไม้เมืองหนาวที่ศูนย์ทำการทดลอง และทดสอบสายพันธุ์ หลังอาหารเช้าก็เดินลงไปชมแปลงดอกทิวลิป สวยงามและตื่นตาตื่นใจมากสำหรับป่านซึ่งไม่เคยไปท่องเที่ยวชมดอกทิวลิปที่ต่างประเทศกับเขาเลย ดอกทิวลิปที่ปลูกสายพันธุ์อะไรบ้างก็จำไม่ได้ ศูนย์ส่งเสริมเขาติดสลิปพลาสติกเล็กๆเขียนชื่อติดไว้ให้จดเหมือนกัน แฮ่..ลืมจด มัวแต่แอคท่าถ่ายรูป
สีเหลืองเด่นกว่าสีอื่นๆ
แปลงปลูกดอกทิวลิปห่มคลุมด้วยมุ้งดำ เพื่อพรางลมและอุณหภูมิตามหลักวิชาการเกษตร สะดวกในการดูแลและบำรุงรักษา หรือผสมเกสรเพื่อการปรับปรุงพันธุ์ เท่าที่เห็นมิใช่เป็นเพียงแปลงปลูกเพื่อความสวยงามเท่านั้น ทุกขั้นตอนมีหลักการและวิชาการอยู่ด้วย ป่านและเพื่อนๆคิดกันว่า ถ้าหน่วยราชการใดที่มีพื้นที่และกำลังคนพอเพียงหรือเหลือเฟือ หากตกแต่งพื้นที่ด้วยงานวิชาการเช่นที่นี่ ก็เท่ากับยิงนกนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว เฮ้วว ไอเดียเยี่ยมไปเลย
เราร่ำลาจากเจ้าหน้าที่ด้วยความขอบคุณ แล้วก็เยี่ยมเยือนไปตามหมู่บ้านร่มโพธิ์ไทย ตำบลตับเต่า บนดอยผาหม่นแห่งนี้ ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าม้งที่ปลูกบ้านเรือนอยู่กับไร่เหล่าที่อยู่บนดอยสูง ภูเขานับสิบนับร้อยลูกถูกพัฒนาเป็นที่ดินทำการเกษตรกรรมแบบเลื่อนลอย ปลูกพืชไร่อายุสั้นเป็นข้าวโพดเพื่อขายและข้าวไร่เพื่อเก็บไว้กินเอง หากมองในมุมของนักอนุรักษ์ ชาวเขาหมู่บ้านนี้ทำลายป่าต้นน้ำบนที่สูงอย่างหนัก แต่ถ้าหากมองในมุมของวิถีชีวิตก็สุดแสนจะกล่าวอ้างใดๆได้ ทุกคนต้องดำรงชีวิตและครอบครัว
ช่วงที่เดินทางไปเที่ยวที่ศูนย์ส่งเสริมดอยผาหม่นเป็นเดือนธันวาคม เจ้าหน้าที่เล่าว่าหากจะมาเที่ยวที่นี่ให้ได้บรรยากศก็ต้องช่วงหนาวของทุกปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม-กุมภาพันธุ์ อากาศจะเย็นจัด หมอกจะลงหนากว่าช่วงอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม การไปท่องเที่ยวบนดอยสูงขนาดนี้แม้ไปในช่วงเดือนอื่นๆอากาศก็เย็นตลอดปีอยู่แล้ว 10-15 องศาเซลเซียสนั้นเรื่องปกติเลย
ถ้ามาในช่วงฤดูฝนก็จะได้อีกบรรยากศหนึ่ง อาจมีทะเลหมอกให้ชมด้วยเช่นกัน
อยากไปเที่ยวที่ดอยผาหม่น อยากค้นหาความรู้สึกของตัวเราเองและผู้คนรอบข้าง โทรไปประสานได้ที่ 053-678202 อันเป็นสำนักงานศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงดอยผาหม่น สำนักเชียงราย เพื่อว่าจะได้ไม่ระหกระเหินอย่างกับที่ป่านและเพื่อนๆได้รับมาแล้ว จงตามใจสถานที่ที่เปิดให้เข้าพัก แต่อย่าตามใจตนเองจนเคยตัว คุณอาจไม่โชคดีอย่างที่ป่านได้ก็เป็นได้
ปีนี้ 2554-55 ดอยผาหม่นไม่ได้ปลูกดอกทิวลิป แต่ปลูกดอกไม้เมืองหนาวอื่นๆ อาบหนาวแม้มิได้ชมดอกไม้สวยก็ไม่เสียเปล่าหรอกค่ะ
แปลงทิวลิฟสวยๆ
ตะวันรอนๆก่อนค่ำ
ทิวเขาที่เห็นจากดอยผาหม่น
สภาพไร่เลื่อนลอย
ฉางหรือยุ้งข้าวของชาวม้ง
ปล. บ้านพักที่ศูนย์เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าพักได้คือ
บ้านสายธาร พักได้ 10 คน เสริมได้อีก 3 ที่ บ้านขุนเขา พักได้ 15 คน เสริมได้อีก 5 ที่ บ้านแมกไม้ พักได้ 15 คน เสริมได้อีก 4 ที่ เต็นท์ขนาด 1-2 คน ราคา 180 บาท/คืน เต็นท์ขนาด 3-4 คน ราคา 170 บาท/คืน เอาเต็นทืไปกางเอง 70 บาท/คืน
ช่วงเวลาที่เหมาะจะไปพักแรมสัมผัสอากาศหนาวเย็น ตุลาคม-กุมภาพันธ์ แต่ถ้าจะไปชมดอกเสี้ยว(เสี้ยวดอกขาวไม้ป่าเมืองไทย) ที่ภูชี้ฟ้า ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี