ความสุขที่หาง่ายให้เด็ก
จาก
โอซาก้าไม่เป็นไร OSAKA MAIPENRAI และ มูลนิธิ สิกขาเอเชีย
“เอื้อยนาง”
ดูเหมือนว่า ในปัจจุบันใคร ๆ ก็พูดถึงคำว่า “ความสุข” ใคร ๆ ก็เกรงกลัว “ความทุกข์” กันมากขึ้น และยังเกรงไปว่าคนที่ตนรักจะไม่มีสุข แต่ได้ทุกข์ด้วย โดยเฉพาะความสุข ความทุกข์ของเด็ก ๆ ผู้เป็นที่รัก เป็นอนาคตของครอบครัวและชาติบ้านเมือง ทำให้ใครๆก็ห่วงใย และสรรหาแต่สิ่งที่จะสร้างสุขให้เขา แม้ในวงการศึกษาก็พูดถึงการให้เขาเรียนอย่างมีความสุข ต้องจัดกิจกรรมที่มีเด็กเป็นศูนย์กลาง มีเด็กเป็นสำคัญ ให้เขาเรียน ให้เขาเล่นอย่างมีความสุข
เพราะอะไรหรือ
เพราะปัจจุบันเด็กๆขาดความสุขมากมายกระนั้นหรือ
ใช่... นั่นเป็นข้อสรุปของเรา ๆ เหล่าผู้ใหญ่ แล้วบางท่านยังได้วิเคราะห์ว่า เขาขาดความสุข เขาจึงออกมาสร้างปัญหามากมายให้ตนเองและสังคมรอบข้าง เขาจึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไร้คุณธรรม โลภโมโทสัน เพราะมีจิตอันไร้สุข
คิดได้ดั่งนั้นแล้วเราก็สรรหา ทุ่มเทเวลา เงินทอง หาสิ่งของมาสนองความต้องการของเด็ก ๆ มากมาย เพื่อเขาจะได้เกิดสุข เพื่ออนาคตของชาติและโลก จนเราลืมไปว่าที่เขาต้องการนั้นคือตัวเรา และเวลาจากเราต่างหาก
เราผันตัวเองไปเป็นมนุษย์งานจนห่างเหินไปจากเด็ก ๆ เราสรรหาของเล่นให้เขามากมายด้วยเงินทอง แต่ไม่มีเวลาเล่นกับเขา
เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาเอื้อยนาง กับ อ้อย(นฤมล สารากรบริรักษ์)จาก สุวีริยาสาส์น มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมสำหรับเด็กกับชาวคณะ โอซาก้าไม่เป็นไร(Osaka Maipenrai) กับ มูลนิธิสิกขาเอเชีย ทำให้ได้หวนคิดถึงครั้งเก่าก่อนของสังคมไทยว่า กว่าเด็ก ๆ จะมีของเล่นสักชิ้นหนึ่งต้องรอคอยให้ผู้ใหญ่ทำให้ หรือตัวเองต้องช่วยทำด้วย ไม่ว่าจะเป็นว่าวสักตัวหนึ่ง ไปถึงนกประดิษฐ์จากใบไม้ หรืออะไร ๆ ที่ทำง่าย ๆ ใช้วัสดุพื้น ๆ กว่าจะได้เล่น เด็ก ๆ ต้องรอและบางครั้งช่วยจับช่วยเหลาไม้ ช่วยกันไปคุยกันไป บางครั้งอาจได้ฟังเพลงฟังนิทาน ฟังคำสอนไปด้วย
นั่นคือปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ทำให้และผู้รอคอย ความสุขจากการรอคอย ความภูมิใจที่ชื่นชมผลงานร่วมกัน มันเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเอง ไม่ต้องแสวงหาเงินทองจนต้องทำงานสายตัวแทบขาดอย่างปัจจุบันเลย
ครั้งก่อน เอื้อยนางเคยนำเสนอกิจกรรมของ คณะโอซาก้าไม่เป็นไร ไปแล้ว ในหัวข้อ ฟังนิทานจากแดนอาทิตย์อุทัย มาครั้งนี้มีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมสรุปผล(ในภาคเช้า) และกิจกรรมศิลปะเพื่อเด็ก(ภาคบ่าย) ซึ่งเป็นการนำเสนอกิจกรรมง่าย ๆ จากโอซาก้าไม่เป็นไร ให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำไปทำเพื่อเด็กอีกเช่นเคย
กิจกรรมแบ่งเป็น ๒ กลุ่มคืองานกระดาษ และงานผ้าสำหรับเด็ก เอื้อยนางกับอ้อยจึงแยกกันไปคนละกลุ่ม โดยตัวเองเลือกเข้ากลุ่มผ้าสักกะหลาดเพราะชอบเย็บผ้าอยู่แล้ว มีวิทยากรกลุ่มคือ คุณสุมิโยะ มาสุโอะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเด็ก อดีตครูใหญ่ศูนย์เด็ก (เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโอซาก้าไม่เป็นไร เมื่อ ๑๗ ปีที่แล้ว) โดยมีน้องกี๊บ ผู้น่ารัก จากสิกขาเอเชียเป็นล่าม
ครั้งก่อนโอซาก้าไม่เป็นไรนำเสนอกิจกรรมการเล่นกับเด็กโดยใช้วัสดุ ของเหลือใช้ เช่น ขวดน้ำพลาสติก กระป๋องเครื่องดื่ม กระดาษหนังสือ ฯลฯ สร้างความสนุกสนาน จนหลายคน หลายองค์กรที่เข้าร่วมนำไปขยายผลกับเด็ก และผู้ปกครองอย่างได้ผลมาแล้ว
กิจกรรมผ้าวันนี้คุณสุมิโยะ มาสุโอะ นำตัวอย่างผลงานของตนเองเป็นหนังสือผ้ามาใช้ชม ให้เห็นความพยายาม และการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์หลังเลิกงานประจำ เห็นแล้วทึ่งคิดว่าสักวันหนึ่งตัวเองคงมีเวลาทำอย่างนั้นบ้าง
แต่สำหรับวันนี้ใช้เวลา ๒ ชั่วโมงกว่าเอื้อยนางก็ได้ขนมเค้กผ้าสักหลาดที่โย้เย้แต่เท่ห์และสวยในความคิดของตนเอง ที่สำคัญความสุข ความประทับใจในระหว่างทำกิจกรรมร่วมกับวิทยากรและเพื่อนในกลุ่มจะไม่ลบเลือนไปอีกนาน
ขอบคุณ โอซาก้าไม่เป็นไร และ มูลนิธิสิกขาเอเชีย ค่ะ