ปรีดี ยอดโดม และลานโพธิ์
สัญลักษณ์แห่งธรรมศาสตร์และการเมือง
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ตะวันสาดแสงสีทองผ่องอำไพเมื่อเรือแดงแล่นผ่านยอดโดมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง เรือเทียบที่ท่าเตียน ผมแบกสัมภาระเดินขึ้นด้วยความกระตือรือล้น ผมเพิ่งมาถึงกรุงเทพมหานครด้วยหัวใจที่หมายมั่น จะมาเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ด้วยว่าผมมีญาติผู้พี่เป็นผู้พิพากษา เขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ทุกครั้งที่เขากลับเยี่ยมพี่น้องที่บ้านนอก เหมือนพระยาเหยียบนา ตื่นเต้นกันไปทั้งทุ่งและร่ำลือกันว่าเขาคือผู้ทำหน้าที่พิทักษ์ความยุติธรรมของพระราชา
ผมเฝ้านั่งมองเวลาที่เขาพูดคุยกับญาติพี่น้องที่นั่งล้อมกันเป็นวง ผมพินอบพิเทาเขากว่าใคร ด้วยหัวใจใฝ่ทะเยอทะยาน อยากเป็นบ้างอะ
แต่เมื่อผมเรียนสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์ ต้องเลือกคณะที่จะเรียน มหาวิทยาลัยที่อยากจะเข้า เขาให้เลือกได้ถึง 6 คณะ การตัดสินใจครั้งนั้นคือการกำหนดชะตาชีวิต ใจหนึ่งเสียดายวิชาวิทยาศาสตร์ที่เรียนมา แต่อีกใจหนึ่งอยากเป็นผู้พิพากษาอย่างญาติผู้พี่ แต่ด้วยกรรมมาดลบันดาลใจหรือไรไม่รู้ได้ ผมเลือกที่จะสอบเข้าคณะที่เป็นสาขาวิทยาศาสตร์เสีย 5 คณะ เชื่อไหม ผมเลือกคณะนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์เป็นคณะที่หก คณะสุดท้าย ผมมารู้ตัวอีกที่เมื่อได้พิสูจน์ทราบแล้วว่าผมผิดไปแล้ว
เมื่อเรียนสำเร็จปริญญาตรีก็ต้องไปหางานทำตามสาขาวิชาที่เรียน เข้าป่า เข้ารก เข้าพง ตลอดชีวิต ด้วยเหตุนี้เมื่อมากรุงเทพครั้งใดก็ได้แต่ไปเดินดูธรรมศาสตร์ ไปฟังบรรยายสำคัญๆ และไปเดินหาอะไรกินแถวๆท่าพระจันทร์ บางทีก็เดินเรื่อยเปื่อยไปจนถึงท่าช้าง ยิ่งเมื่อผมต้องไปกินข้าวกับญาติผู้พี่ผู้พิพากษาเก่า ก็ยิ่งเกิดความรู้สึกมากขึ้น
"มึงมันเรียนผิด ถ้ามึงเรียนนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เสียตอนนั้น ป่านนี้มึงได้เป็นผู้พิพากษาแล้ว โง่จริงๆเลยมึง"
บางวันก็ว่า "ถ้ามึงเป็นทนายก็น่าจะเป็นทนายโจร มึงมันคร็อก ทนายแสบแน่มึงน่ะ"
เหมือนตอกย้ำว่าผมเรียนนิติศาสตร์ก็คงได้ดีสักอย่าง
ด้วยกระแสมาตรา 112 กระหึ่มสบึมอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงขนาดเลียนแบบหลวงพ่อโต จุดตะเกียงตอนกลางวันเข้าวัง อดีตบรรดามีนิสิตเก่าธรรมศาสตร์ร่วมกันส่องไฟฉายแสดงสัญลักษณ์ความมืดมัวหม่นคนธรรมศาสตร์ไปที่ยอดโดม ผมก็เลยอดใจไม่ไหวแม้มิใช่ศิษย์เก่า ผมเดินทางไปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อถ่ายรูป อนุสาวรีย์ของท่านปรีดี พนมยงค์ อดีตผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ถ่ายรูปยอดโดมสวยสง่า และเดินเลยไปถ่ายลานโพธิ์ ลานที่มีเรื่องเล่าขานตำนานธรรมศาสตร์ แต่ผมจะไม่เล่าให้ยาวความ
ปีที่เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 ผมทำงานอยู่ในป่าที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง ได้แต่นอนฟังนั่งฟังวิทยุกระจายเสียง สุมหัวกันอยู่รอบๆวิทยุ แทบไม่ยอมเดินทางไปไกลห่างจากวิทยุ อ่านหนังสือพิมพ์ทุกตัว นั่งถกกันตามประสาเท่าที่ฐานข้อมูลผ่านสื่อ พอถึงช่วง วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ผมเผ่นไปไกลถึงจังหวัดอุบลราชธานี จมอยู่ในป่าดงพงไพรที่รกเรื้อด้วยป่ายังหนาแน่นจนมองไม่เห็นตะวัน ร่มเงาต้นไม้ใต้ใบบังนั้นร่มรื่นยากจะบรรยาย
และเมื่อเหตุการณ์สงบลง ก็เพียงแต่อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ ดูทีวีเท่าที่เขาถ่ายทอดให้ดู ความจริงคืออะไรไม่รู้เลย
ยอดโดม-ลานโพธิ์
แต่มาวันนี้ ผมอ่านทั้งหนังสือพิมพ์ มีทั้งฉบับที่ลงข้อความที่เป็นจริงและมีทั้งฉบับที่ลงบิดเบือนไปจากความจริง ผมดูทีวีช่องกระแสหลัก 3-5-7-9-11-TPS ดูแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความขัดข้องใจ แม่งมันอะไรกันวะ คิดแล้วคิดอีกตัดสินใจติดจานดาวเทียม ดูทีวีดาวเทียม ดูมันทั่วโลก ดูความจริงและความเท็จ ในที่สุดเปิดดูอินเตอร์เนต เปิดเว็บไซต์ ท่องเฟสบุ๊ก เอาแล้วซี หูฉีกเพราะว่าฟังแทบไม่ได้เมื่อเขาด่ากัน อ่านแล้วก็ต้องนั่งตั้งสติ มันเขียนกันได้ยังไง ทำไป ทำมา ตัดสินใจพิพากษาตนเอง กูนี่โง่จริงๆ เพราะว่ามันเขียนกันฉลาดเหลือล้ำ
โอ้โฮ เขาเขียนกันชนิดนางร้ายในทีวีหรือละครปลาบู่ทองยังอาย สื่อแต่ละสื่อ สื่อสารกันอย่างกับแก็งค์ใครแก็งค์มัน ผมก็เลยตัดสินใจเลือกอ่านเฉพาะที่อยากอ่าน เชื่อเฉพาะที่อยากเชื่อ และ ทำใจตามที่อยากทำ วันนี้บ้านผมได้กลายเป็นเมืองคนโกหกไปทั้งเมืองเสียแล้ว จะจับจดประเด็นใดก็ได้ยากที่จะเชื่อถือ คนที่กล่าวว่า
คนอย่างผมพูดแต่ความจริงนั้นกลายเป็นคนที่พูดโกหกจนตัวเขาเองก็หลงเชื่อว่าที่เขาพูดออกไปนั้นเป็นความจริงสิ่งที่เขาไม่ได้โกหก
ผมเขียนเรื่องนี้ก็ด้วยอยากใช้รูปท่านปรีดี คนดีที่ต้องไปตายต่างประเทศเพื่อปลดปล่อยอีกชีวิตให้คงอยู่
อยากเล่าเรื่องการต้องเรียนนิติศาสตร์ เพราะว่ากฎหมายทำให้รู้เท่าทันเล่ห์กลคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย
และอยากถ่ายรูป ต้นโพธิ์แห่งลานโพธิ์ธรรมศาสตร์ ลงในเว็บไซต์ตนเอง ทองไทยแลนด์ดอทคอม เผื่อว่าจะฉลาดขึ้นนิ