น้ำผึ้ง สุดยอดอาหารและยา
โดย ดร.พรชัย ปรีชาปัญญา เรื่อง-ภาพ
E-mail:qsbg009@hotmail.com
น้ำผึ้งเป็นสุดยอดของอาหารและยามาตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงใช้น้ำผึ้งเพื่อเป็นอาหารบำรุง และรักษาโรค ในพระอัลกุรอานอธิบายว่าน้ำผึ้งใช้เป็นยามาช้านาน ทำให้สังคมมุสลิมนิยมบริโภคน้ำผึ้ง และในพระไบเบิลกล่าวถึงน้ำผึ้งเป็นสุดยอดอาหารบำรุงร่างกายในภาวะที่ต้องผจญกับความยากลำบากในทะเลทราย
น้ำผึ้งใช้เพื่อเป็นอาหารเสริมในหลายมุมโลก ตามร้านอาหารในโรงแรมหรู ร้านกาแฟ ร้านขายน้ำผลไม้ เป็นส่วนผสมของอาหารและยาต่างๆ เครื่องสำอาง สบู่ และแชมพู
น้ำผึ้งเป็นน้ำหวานดอกไม้ที่ผึ้งงานเก็บไว้ในระบบทางเดินอาหารในขณะบินกลับรัง และถูกเอ็นไซค์หลายชนิดในกระเพาะผึ้งเปลี่ยนเป็นน้ำผึ้งที่ทรงคุณค่า และคายออกเก็บไว้ในรวงรังที่ปลอดภัยจากเชื้อจุลินทรีย์โดยความร้อนที่เหมาะสมจากตัวผึ้งงานจำนวนมาก สารอาหารที่ผสมผสาน และความเข็มข้นของน้ำผึ้งที่ป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
น้ำผึ้งประกอบด้วย ธาตุอาหาร วิตามิน เกลือแร่ พฤกษเคมี ไฟโตฮอร์โมน และกรดอะมิโน ที่สมดุล ลงตัวเป็นอย่างดี จากการปรุงแต่งอย่างวิจิตรบรรจงของเหล่าผึ้งงาน โดยที่ปริมาณของธาตุอาหารแต่ละชนิดแตกต่างกันไปตามชนิดของดอกไม้ ช่วงเวลาที่ผึ้งงานบินกลับรัง และบ่มน้ำผึ้ง
การเลี้ยงผึ้งในปัจจุบันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำผึ้งที่ได้ขาดความเชื่อถือจากผู้บริโภค การผสมน้ำตาล กรอกน้ำผึ้งไว้ตอนบนของขวดให้มีกลิ่นหอม ใช้น้ำตาลต้มจนคล้ายน้ำผึ้ง หรือเลี้ยงผึ้งแล้วสลัดออก นอกจากนั้นการอบน้ำผึ้งเหลวที่ต้องเก็บในเวลาที่เร็วเกินไปที่มีความชื้นมากด้วยความร้อนที่สูงมาก ทำให้น้ำผึ้งไม่ต่างอะไรจากน้ำหวาน เพราะว่าสารอาหารในน้ำผึ้งได้หมดไป เปลี่ยนสภาพจากความเป็นด่างอ่อนที่ช่วยสร้างสมดุลของร่างกาย เป็นกรดรุนแรงไม่สามารถนำมาใช้บริโภคเพื่อบำรุงร่างกายให้ต่อต้านโรคและแข็งแรง ในทางตรงกันข้ามก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระ
การเลี้ยงผึ้งแบบธรรมชาติ เก็บน้ำผึ้งในช่วงที่ผึ้งปิดรวง ไม่ใช้น้ำตาลเลี้ยงในช่วงสลัดน้ำผึ้ง ใช้ตัวผึ้งจำนวนมากกระพือปีกด้วยลมเย็นลดความชื้น ไม่ใช้สารเคมีป้องกันโรคผึ้งและลดฟองน้ำผึ้ง
แยกคอนน้ำผึ้งจากคอนเลี้ยงตัวอ่อนและไข่ เพื่อได้น้ำผึ้งที่บริสุทธิ์ปราศจากตัวอ่อนและไข่เน่าที่ตกลงไปปนในน้ำผึ้งที่สลัดแล้ว ซึ่งทำให้รา ยีสต์ และแบคทีเรียที่เป็นอันตรายไม่สามารถเจริญเติบโตได้
ค่าความชื้นของน้ำผึ้งควรประมาณ 18-20% โดยค่าที่ยอมรับได้ไม่เกิน 22% หากมากกว่าจะทำให้จุลินทรีย์เริ่มเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ และเกิดการหมักตัวจนเสีย
ปริมาณเอ็นไซค์จากระบบทางเดินอาหารของผึ้งถือว่าเป็นค่าที่เป็นตัวชี้วัดที่ดีของน้ำผึ้ง เพราะเอ็นไซค์เหล่านี้เปลี่ยนกลูโคสให้เป็นกรดอะมิโนชนิดที่เป็นประโยชน์โดยเฉพาะอินบีฮิน กลูโคสลิก และโปรลีน โดยค่าเอ็นไซค์ที่เปลี่ยนแปลงน้ำหวานเป็นน้ำผึ้งควรสูงกว่า 3%
ความสะอาดถือว่าเป็นปัจจัยหลักของน้ำผึ้งที่จะไม่เป็นโทษจากร่างกาย ดังนั้นขบวนการที่ถูกสุขลักษณะจะทำให้ได้น้ำผึ้งที่ไม่พบรา ยีสต์ และแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคร้าย
ดังนั้นน้ำผึ้งที่มีคุณภาพมีความเข้มข้นและกลิ่นหอมจะทำให้น้ำผึ้งไทยมีคุณภาพเปรียบเทียบได้กับน้ำผึ้งมานูก้าสุดยอดน้ำของนิวซีแลนด์