ไฟป่าไหม้สวนป่าไม้สนสามใบ เฉลิมพระเกียรติ
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ปีพ.ศ.2537-2541 ระยะเวลา 5 ปีที่นายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย ประกาศและจัดงานใหญ่โตเพื่อปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ เป็นปีที่ 50 พื้นที่จะปลูก 5 ล้านไร่ โดยให้เอกชน รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า ประชาชน และข้าราชการ บริจาคให้ไร่ละ 3,000 บาท แบ่งออกเป็นการปลูกป่าปีที่ 1 เป็นเงินไร่ละ 1,200 บาท ที่เหลือ2,800 บาทเป็นเงินบำรุงสวนป่าที่ปลูก 3 ปี
กรมป่าไม้แบ่งแปลงปลูกป่าออกเป็นแปลงๆ เรียกว่า แปลงปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรตื(Forest Plantation ตัวย่อว่า FPT.) เน้นแปลงปลูกป่าบนที่ดินเสื่อมโทรมในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าต้นน้ำ ป่าเสื่อมโทรมในป่าสงวนแห่งชาติ และริมถนน ริมคลองชลประทาน วัด และสถานศึกษา โดยปลูกแบบเปียก ห้ามถางและเผาป่าใช้แหวกปลูก แล้วปลูกต้นไม้ไร่ละ 100 ต้น
คลาดเคลื่อนไปจากหลักวิชาการปลูกสร้างสวนป่า
แต่ในความเป็นจริงการปลูกสร้างสวนป่าทั่วโลกเขาต้องทำตามหลักวิชาการป่าไม้ที่เป็นตำราการปลูกป่ามาช้านาน เช่นที่ป่าดำที่เยอรมันก็ปลูกใหม่จนกลายเป็นป่าดงเหมือนในอดีต เหมือนประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลกเขาก็ตัดไม้ออกไปพัฒนาประเทศแล้วก็ปลูกป่าขึ้นใหม่
แต่ประเทศไทยโดยรัฐสภาไทยได้แปรญัตติเรื่องการปลูกสร้างสวนป่าของกรมป่าไม้ว่า เป็นการคอรัปชั่น จึงยกเลิกคำว่า การปลูกสร้างสวนป่า และไม่ให้งบประมาณปลูกป่าอีกเลย ซึ่งผิดมหันต์
แล้วก็ขอให้เข้าใจเสียใหม่ด้วยว่า ถ้าจะกล่าวกันว่า ไม่ต้องปลูกป่าหรอก แค่ไม่รบกวนเขาก็ขึ้นเองได้นั้นก็จริงอยู่ แต่กว่าที่เขาจะเผชิญกับสภาพภูมิอากาศ ไฟป่า จึงไม่ง่ายที่จะเจริญเติบโตเป็นป่าได้
ผลการวิจัยของนายสมเพิ่ม กิตตินันท์ พ.ศ.2506 พบว่า กว่าที่ต้นสักจะงอกและเผชิญกับไฟป่าปีแล้วปีเล่า ถึงจะเติบโตพ้นไฟป่าได้ สูง 1.28 เมตร นั้นกล้าต้นสักต้องใช้เวลาสะสมอาหารในเหง้าใต้ดินทุกปี พอแตกหน่อขึ้นมาเจอไฟป่าก็ไหม้ แล้วก็แตกใหม่อีก เขาต้องใช้เวลาถึง 15 ปี แต่ถ้าเพาะกล้าต้นสัก 1 ปีแล้วนำไปปลูกและบำรุงรักษาตามหลักวิชาการป่าไม้ ปีเดียวเขาเติบโตได้กว่า 1.20 เมตร พ้นไฟป่า
สส.ทั้งหลายรู้ไหมว่า ด้วยหลักการนี้จะประหยัดเวลาในการปลูกป่าไปถึง 14 ปี เมื่อป่าเติบโตเพียง 12 ปี จะคืนสภาพเป็นป่าใกล้เคียงกับป่าดั้งเดิมทุกด้าน ระหว่างกรมป่าไม้คอร์รับชั่นกับท่านใช้เงินงบประมารไปนั้น ใครทำบ้านเมืองฉิบหายไปกว่ากัน คนละ 60 ล้านบาท/สส.1คน/ปี สส. 500 คนเท่าไรหรือ นี่คือรัฐสภาทำลายป่าไม้ของชาติ
ภาพที่เห็นอยู่ข้างบนนี้ ถ่ายมาจากแปลงปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง แปลงFPT 25/4 ปลูกโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เยี่ยมๆ ส่งมอบหลังโครงการให้กับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 รับมาดูแลต่อเมื่อปีพ.ศ.2550
ถ่ายมาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2555 ไฟไหม้สวนป่าไม้สนสามใบซึ่งติดไฟได้ง่ายเพราะว่ามีเชื้อไฟเป็นน้ำมันสนในเนื้อไม้ ถ้าเดินตลาดในภาคเหนือจะเห็นไม้เกี๊ยะวางขายเป็นมัดๆ เพื่อใช้เป็นเชื้อจุดไฟในครัวเรือน
ไม้เกี๊ยะก็คือไม้สนสามใบ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pinus kesiya Royle ex Gordon มีชื่อพื้นเมืองว่าไม้เกี๊ยะเปลือกแดง แต่ถ้าเป็นไม้เกี๊ยะชนิดสนสองใบ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pinus merkusii Jungh.&de Vriese เรียกว่า ไม้เกี๊ยะเปลือกดำ
ลงภาพนี้เพื่อเตือนให้รู้ว่า ปลูกได้ก็ตายได้ ถ้าไม่สามารถปลูกป่าในใจคนได้เสียก่อน
ถ้าไม่รื้อฟื้นระบบการปลูกสร้างสวนป่าออกมาบริหารจัดการให้ยั่งยืนเหมือนนานาประเทศเขา ป่าไม้เมืองไทยก็จะลดลงไปทุกปีๆ
การจัดสรรงบประมาณในสมัยก่อนนั้น แต่ละสวนป่ามีพื้นที่เท่าไร ในพื้นที่นั้นๆมีทั้งพื้นที่ป่าไม้ที่เหลืออยู่ต้องให้งบป้องกันรักษาป่าในส่วนนี้ พื้นที่ที่ถูกทำไร่เลื่อนลอยต้องให้งบปลูกสร้างและบำรุง 10 ปีเพื่อให้รอดตาย และพื้นที่ที่ปลูกพ้น 10 ปีแล้วต้องให้งบประมาณป้องกันรักษาสวนป่าด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะถูกลักลอบตัดไม้ไปขายอีก และพื้นที่ก็จะถูกแผ้วถางทำไร่เลื่อนลอยกันอีก
ไม่เชื่อก็ไปตรวจสอบได้ทุกสวนป่าไม้สักและกระยาเลยทั่วไป