น้ำกลิ้งบนใบบัว
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
งานศพอาม่าผม จัดยิ่งใหญ่มาก มีลิเก งิ้ว ละครชาตรี ลำตัด หนังตะลุง ภาพยนตร์ ผมสึกจากการบวชหน้าไฟหัวโล้นเลี่ยน ได้สตางค์ค่าจ้างบวชจากแม่มายี่สิบบาท รวยโคตรเมื่อ 55 ปีที่แล้ว ผมเดินเอามือกำกระเป๋าสตางค์แน่น วนไปวนมา เพื่อหาดูในสิ่งที่ชอบและหากินตามร้านรวงเต็มลานวัด ผมได้อ้อยควั้นถุงหนึ่งก็ไปปักหลักดูลำตัด คณะอะไรจำไม่ได้ รู้และจำได้ว่า เขาร้องโต้ตอบกันระหว่างข้างชายและข้างหญิง มีสำนวนหนึ่งจำได้แม่น "แม่น้ำกลิ้งอยู่บนใบบอน" เท่านั้นเองเสียงฝ่ายหญิงก็ แว้ด ขึ้นด้วยคำว่า "แต่บอนก็แกงกินได้"
เน็บกันไปเน็บกันมา ว่าใครกันแน่ที่ไม่แน่ไม่นอนเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน ลามไปจนถึงนางวันทองสองใจ เป็นสำนวนที่หมายถึง ชายหรือหญิงที่ไม่นิ่งเหมือนน้ำกลิ้งอยู่บนใบบอน หรือใบบัว เหมือนว่าเป็นคนโลเล เอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่อยู่กับร่องกับรอย ไร้ความจริงใจ รักๆหลอกๆ เดี๋ยวรัก เดี๋ยวร้าย ผมฟังลีลาลำตัดมันหยดจนกินอ้อยควั้นเกลี้ยงถุงไม่รู้ตัว มันพะยะค่ะ แล้วผมก็เหมือนจะจำได้ว่ามีเพลงเก่าๆยุคสุนทราภรณ์ ที่กล่าวถึงคำว่า น้ำกลิ้งอยู่บนใบบอน สรุปว่า ยามฝนตก น้ำค้างลง บนใบบอนหรือใบบัวจะมีน้ำกลิ้งอยู่ทุกใบ
น้ำกลิ้งอยู่บนใบบัว
แต่ในทางวิชาการแล้ววิจัยจนรู้ว่า บนใบบัวหรือใบบอนนั้นมีหนามเล็กๆคล้ายขี้ผึ้งเคลือบอยู่ภายนอก และแรงดึงผิวของน้ำทำให้น้ำไม่กระจายตัว จากผลเช่นนี้ทำให้เกิดการวิจัยเพื่อหาสารที่เคลือบพื้นผิวของวัสดุต่างๆ เช่นสีทาไม้
ได้มีการทดลองโดยใช้เลเซอร์(Femtosecond Laser) ความถี่การปล่อยลำแสงสูงในระดับ 1000 ล้านส่วนของวินาที ยิงบนผิวโพลิเมอร์แนวตั้งฉากทำให้เกิดคุณสมบัติคล้ายใบบัว เป็นปฏิบัติการที่เรียกว่า "ไม่เปื้อนไม่เปียก" เปื้อนก็เช็ดออกได้ อะไรทำนองนั้น
ธรรมชาติของน้ำกลิ้งบนใบบอนหรือใบบัว กลายเป็นทิศทางการวิจัยที่เกิดประโยชน์อย่างอนันต์มิใช่เพียงให้คนโบราณใช้เป็นสำนวนเปรียบเปรยนักรักนักลวงแค่นั้นเน๊าะ
กรณีเดี๋ยวกับการ ไม่ปรองดอง เดี๋ยวจะปรองดอง นี่ก็เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบัว(บอน)
ปล.ภาพนี้ถ่ายขณะนั่งรอรถที่กลุ่มสารนิเทศน์และวิเทศสัมพันธ์ เพื่อเดินทางไปงานรวมพลังแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 17 พค.2555