ทุนทันสมัย ทุนล้าสมัยและ CSR
โดย นิรกาย
CSR ย่อมาจาก Corporate Social Responsibility หรือความรับผิดชอบของบริษัทที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม บริษัทใหญ่ๆมักนิยมทำ CSR เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร เพราะนายทุนถูกใครต่อใครโจมตีให้เข้าใจว่าการขูดรีดเป็นสิ่งเลวร้ายและนำมาซึ่งความขัดแย้งในชาติ นายทุนทั้งหลายจึงพยายามที่จะเป็นนายทุนที่ปราศจากการขูดรีด อยากจะสร้างภาพลักษณ์องค์กรของตนเองว่าตัวเองก็ทำเพื่อสังคม
อย่างไรก็ตามนายทุนก็คือนายทุนคือต้องขูดรีด ไม่ขูดรีดก็ไม่ใช่นายทุน เพราะนายทุนกับการขูดรีดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแยกจากกันไม่ได้
มีความเข้าใจผิดว่าการขูดรีดเลวร้ายไปหมด ทั้งๆที่ความจริงแล้วการขูดรีดมีทั้งดีและไม่ดี ถ้าโลกไม่มีการขูดรีดป่านนี้โลกก็ยังป่าเถื่อนอยู่ ที่โลกเจริญก้าวหน้าอย่างน่าอัศจรรย์อย่างปัจจุบันได้ก็เพราะการขูดรีดนั่นแหละ ดังนั้นอย่าได้ปฏิเสธการขูดรีดแต่จงปฏิเสธการขูดรีดที่ไม่ดีและรับเอาการขูดรีดที่ดีเอาไว้ ถ้าเราทำลายการขูดรีดหมดบ้านเมืองก็ไม่เจริญ ดูยุคแก็งค์สี่คน ยุคพอลพตที่ทำลายชนชั้นนายทุนเพื่อสร้างสังคมนิยมที่บริสุทธิ์เป็นตัวอย่าง พวกเขาทำลายนายทุน ปัญญาชนลงไปด้วยการปฏิวัติวัฒนธรรมในจีน ขับไล่ปัญญาชนไปสลายความเป็นชนชั้นด้วยการให้ทำนาในเขมร คนไม่เคยทำก็ทำไม่ไหวพวกคอมมิวนิสต์กัมพูชาก็เลยฆ่าคนตายกันเป็นล้านๆคน
การขูดรีดที่ดีคือการขูดรีดที่ทันสมัย การขูดรีดที่ไม่ดีคือการขูดรีดที่ไม่ทันสมัย การขูดรีดที่ทันสมัยคือการขูดรีดที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย การขูดรีดที่ล้าสมัยคือการขูดรีดที่อยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการ ระบอบเผด็จการคือคนส่วนน้อยเข้าไปถืออำนาจอธิปไตยแล้วเอาอำนาจอธิปไตยที่พวกเขาถือ ไปทำธุรกิจการเมืองให้กับตัว พวกตัวกันเป็น Generation ต่อ Generation นั่นเอง ประเทศใดมีสภาผัว สภาเมีย สภาตระกูลโน้นสภาตระกูลนี้นั่นแหละคือมีการปกครองแบบเผด็จการ
มีวิธีเดียวที่จะทำให้การขูดรีดที่ทันสมัยเกิดขึ้นได้ก็คือการ “กระจายทุน” การกระจายทุนไม่ใช่การ “กระจายรายได้” อย่างที่รัฐบาลทุกๆรัฐบาลชอบทำ (แต่ไม่ชอบธรรม) (และก็ไม่ใช่การทำ CSR ภายใต้ระบอบนี้โดยเด็ดขาด) เพียงแต่การกระจายทุนจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อชาติมีการปกครองแบบประชาธิปไตยแล้วเท่านั้น การปกครองแบบเผด็จการไม่มีทาง!
การเมืองไทยวันนี้ เรามีการต่อสู้กันระหว่างระบอบเผด็จการ (จากทั้งขบวนเหลืองและแดงซึ่งตอนนี้เจ้าของกำลังฮั้วกันอยู่) กับประชาชนที่ต้องการประชาธิปไตย ในทางเศรษฐกิจก็มีการต่อสู้กันระหว่าง “การกระจายรายได้” ของรัฐบาลเผด็จการกับ “การกระจายทุน” ของฝ่ายประชาธิปไตย
การกระจายรายได้เป็น “วิธีการ” อย่างหนึ่งของพวกเผด็จการ แต่การกระจายทุนเป็นทั้ง “วิธีการและจุดมุ่งหมาย” ของฝ่ายประชาธิปไตย
ใน “ระบบทุนนิยม” นั้น “รายได้” เกิดจาก “ทุน” และ “ขึ้นต่อ” “ทุน” เสมอ คนไม่มีทุนจึงไม่มีรายได้ เมื่อรวมศูนย์ทุนก็เท่ากับรวมศูนย์รายได้ให้ไปอยู่กับพวกใดพวกหนึ่ง รัฐบาลหรือนักวิชาการบ้าๆบอๆไปกระจายรายได้ทั้งๆที่มีการรวมศูนย์ทุนอยู่มันก็แย้งกันอยู่ในตัวเอง ท้ายสุดการกระจายรายได้กลายเป็นมาตรการรวมศูนย์ทุนให้นายทุนผู้ขายสินค้าเครื่องอุปโภค บริโภค ซึ่งอยู่เบื้องหลังนักการเมืองในระบอบเผด็จการไทยนั่นเอง นี่เป็นวิธีการผันเงินรัฐ (จากภาษีของประชาชน) ไปสู่อุ้งมือผู้ประกอบการซึ่งเป็นทุนผูกขาดอย่างแยบยล!
เขียนมานี่ก็ไม่ได้ต้องการให้พวกซ้ายไร้เดียงสาไปทำลายหรือต่อต้านทุนผูกขาดของบ้านเรา เพราะทุนผูกขาดไทยเหล่านั้นไม่ได้เป็นปฐมเหตุแห่งปัญหา ปฐมเหตุแห่งปัญหาก็คือระบอบเผด็จการ ถ้าสถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาได้แล้วก็เอาระบอบประชาธิปไตยนั่นแหละไปกระจายทุนไปให้ประชาชนเพื่อให้ประชาขนแข็งแรงขึ้นมีภูมิคุ้มกันตัวเองมากขึ้นโดยไม่ต้องไปทำลายทุนผูกขาดที่มีอยู่ในปัจจุบัน นี่เป็นวิธีการทำให้ “ทุนล้าสมัย” กลายเป็น “ทุนทันสมัย” ทำให้คนอิ่มท้องด้วยตัวของประชาชนเองแบบเดียวกับ “แจกเบ็ด” ไม่ “แจกเงิน” (กระจายรายได้ไม่กระจายทุน อันเป็นการกระทำเพื่อให้คนไทยอ่อนแอ ต้องพึ่งพาการสงเคราะห์ของรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจ เพื่อให้คนที่ได้รับการสงเคราะห์เหล่านั้นกลับมา “ภักดี” เป็นการตอบแทนโดยไม่อัตตาหิอัตโนนาโถนั่นเอง) และเมื่อผู้คนแข็งแรงด้วยตัวของเขาเอง ศักยภาพแห่งความเป็นมนุษย์ก็เกิด ศักยภาพของประชาชนในชาติเกิด ศักยภาพของชาติก็เกิดเป็นอิทัปจยตา ถ้าการปกครองทำได้อย่างที่ผมว่าจริงก็จะไม่มีประชาชนมา “ออ” รอโค่นรัฐบาล สั่นไหวผู้ประกอบการใหญ่อย่างซีพีหรือองค์กรอื่นๆกันอย่างทุกวันนี้
ปัญหาชาติแก้ไม่ยากแต่ที่แก้ไม่ตกก็เพราะอวิชชาของนักวิชาการ ของสื่อ ที่เอาสถานภาพของตัวเองไปรับใช้ทุนผูกขาดและระบอบเผด็จการเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าอีหร็อบเดียวกับสงฆ์หลายรูปที่กำลังหาเงินเข้ากระเป๋า อันเป็นการทำร้ายพระศาสนา ทำร้ายตัวเองและทำร้ายประชาชนแบบเดียวกัน
อย่าไปโทษทุนผูกขาด เพราะทุนผูกขาดมีหน้าที่ขูดรีดตามกฎของทุนนิยมอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า เราจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อเอาประชาธิปไตยที่เกิดไป “กระจายทุน” ไปสู่อุ้งมือประชาชน สร้างความแข็งแรงให้กับคนเล็กคนน้อย จนทำให้คนในชาติแข็งแรง เมื่อคนในชาติแข็งแรงก็จะมีเสรีภาพ มีความเสมอภาคตามมา ทำให้ปัจเจกบุคคลกลายเป็น Partner กับทุนใหญ่ในชาติ ไม่ใช่ สาวกหรือทาสอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ถ้าการเมืองไทยทำให้ประชาชนไทยได้อย่างนี้ทุนผูกขาดจากต่างชาติที่จะเข้ามาพร้อมกับเออีซีก็ทำอะไรคนไทยไม่ได้ แต่ถ้าเปิดเสรีกันในวันที่ประชาชนไทยอ่อนแอจากการทำร้ายประชาชนด้วย Regime แบบนี้ ก็คงมีทุนผูกขาดชาติและทุนผูกขาดจากต่างชาติเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้
แค่การปกครองเผด็จการไทยที่ครอบงำอยู่ประชาชนก็อ่อนแอแย่แล้ว ยังจะให้ต่างชาติเข้ามาดูดเลือดอีกมันจะไหวหรือพี่!