ทางออกประเทศไทย
โดยนิรกาย
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่เกิดจากการอำนวยการเพลงของนายแพทย์ ประเวศ วะสีและพวกที่รับจ๊อบ “ปฏิรูปการเมือง” มาจากนายมารุต บุญนาค รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จนได้มาซึ่ง “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ในท่ามกลางความยินดีของพวกไร้เดียงสาทางการเมืองที่ตะโกนว่า “ประชาชนชนะแล้ว (ทั้งๆที่แพ้ แพ้เพราะรัฐธรรมนูญในระบอบเผด็จการก็คือเครื่องมือรักษาอำนาจเผด็จการไม่ว่าจะเป็นฉบับใดก็ตาม)
ไม่เพียงแต่ รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน “แพ้” เท่านั้นที่สร้างปัญหาให้ชาติ การร่างอย่าง “ผิดหลักวิชา” ของพวกอวิชาการยังไปทำให้ “นายกรัฐมนตรี” จาก “การเลือกตั้ง” ไป Dual Power กับประมุขของประเทศอย่างรุนแรง ท้ายสุดก็นำมาซึ่งการต่อสู้ของเหลืองVSแดงและสร้างความขัดแย้งอย่างหนักหน่วงขึ้นในชาติ ดังที่ขบวนการประชาธิปไตยเคยชี้ให้หมอประเวศ วะสี ดร.บวรศักดิ์ อุวรรโณ อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ก่อนจะได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเสียอีก
หลังจากเลือดตกยางออกแล้ว การรัฐประหารและการ “ล้อมปราบ” แบบเดียวกับ 6 ตุลาคม 19 ก็ได้สร้างแผลเป็นทางการเมืองให้แก่ชาติอย่างรุนแรง ท้ายสุดตะวันตกจึงต้องเข้ามาบังคับสภาพให้การเลือกตั้งมีขึ้น ผลของการล้อมปราบอันหฤโหดส่งผลให้ขบวนการแดงขึ้นมาเป็นรัฐบาลในท่ามกลางความเบื่อหน่ายและความหวาดกลัวการสู้กันเองของคนในชาติ
ได้รัฐบาลแดงแล้วปัญหาความขัดแย้งในชาติก็ยังไม่จบ เพราะเหลือง-แดงต่างฝ่ายต่างโทษกันว่าเอ็งนั่นแหละคือปัญหา ทั้งๆที่ทั้งคู่นั่นแหละคือปัญหา เพราะเป็นรัฐบาลของระบอบเผด็จการที่เป็นเหตุแห่งปัญหาชาติด้วยกัน
ตะวันตกและอีกหลายฝ่ายพยายามที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของทั้งคู่ด้วยมาตรการปรองดอง แต่การปรองดองที่พวกเขากระทำขึ้นเป็นการปรองดองระหว่างเผด็จการกับเผด็จการ ทั้งๆที่ปัญหาความขัดแย้งที่ดำรงอยู่จริงก็คือความขัดแย้งระหว่าง “ผู้ปกครองกับประชาชน” หรือในทางการเมืองเรียกว่าความขัดแย้งระหว่างระบอบเผด็จการ (ของผู้ปกครอง)กับระบอบประชาธิปไตย (ของประชาชน)
ในการแก้ไขปัญหาใดๆ สัมมาทิฐิคือปฐมบทแห่งการแก้ไขปัญหา ถ้าทุกฝ่ายไม่สัมมาทิฐิในปัญหาชาติว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในชาติจริงๆแล้วคือความขัดแย้งระหว่างระบอบเผด็จการกับประชาชน ไม่ใช่ระหว่างผู้ปกครองกับผู้ปกครองแล้ว การแก้ไขปัญหาก็จะตรงจุด ถ้าเรายังมิจฉาทิฐิคิดว่าปัญหาชาติคือความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองเหลือง-แดงแล้ว ยังไงก็แก้ปัญหาความขัดแย้งในชาติที่ดำรงอยู่จริงไม่ได้ไม่ว่าเราจะใช้วิธีการเลือกตั้งกันอีกสักกี่ครั้ง ปรองดองกันอีกสักกี่ร่าง แก้รัฐธรรมนูญกันอีกกี่ฉบับหรือแก้มาตรา 112 กันอีกกี่ยก
การแก้ไขปัญหาชาติไม่สามารถแก้ไขด้วยมาตรการทางกฎหมายใดๆ เพราะกฎหมายไม่มีหน้าที่สร้างแต่มีหน้าที่รักษา โลกนี้มีแต่นโยบายเท่านั้นที่ชาติต่างๆใช้สร้างชาติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส จีน อินเดีย เวียดนามหรือประเทศปฏิวัติอื่นใด นโยบายที่สามารถยุติปัญหาความขัดแย้งและสร้างชาติบ้านเมืองได้มีนโยบายเดียวคือนโยบายสร้างประชาธิปไตยในทางการเมือง นโยบายกระจายทุนในทางเศรษฐกิจ “แจกเบ็ด” ไม่ “แจกเงิน” เราเคยทดลองกระจายรายได้กันมาแล้วทุกรัฐบาลแต่ไม่เคยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสำเร็จเลยสักรับบาลเดียวแถมทำให้ประชาชนเป็นหนี้หนักขึ้นอีก
นโยบายกระจายรายได้กับนโยบายกระจายทุนดูเผินๆแล้วไม่ต่างกัน นักประชาธิปไตยมีนโยบายทำบริษัทครอบครัวของธนาคารพาณิชย์ให้เป็นบริษัทมหาชน นักการธนาคารก็บอกว่าข้าก็เป็นบริษัทมหาชนอยู่แล้ว แล้วจะเอาอะไรกันอีก
บริษัทมหาชนของฝ่ายประชาธิปไตยต่างกับบริษัทมหาชนของฝ่ายเผด็จการมาก แม้เนื้อนอกจะเป็นบริษัทมหาชนด้วยกันแต่เนื้อในรับใช้ผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน บริษัทมหาชนในระบอบเผด็จการรับใช้ผลประโยชน์ของคนส่วนน้อย แต่บริษัทมหาชนในระบอบประชาธิปไตยรับใช้ประเทศชาติและประชาชน
การกระจายรายได้โดยไม่กระจายทุนแท้จริงแล้วคือมาตรการสำคัญในการกระชับและรวมศูนย์ทุนให้รุนแรงยิ่งขึ้น มันเป็นมาตรการของนักการธนาคารที่ถือเอามาตรการทางการเงินมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะถือว่าเมื่อเงินปริวรรติมากๆแล้ว เศรษฐกิจก็จะขยายตัว แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นว่ายิ่งสร้างงานในชนบทมากเท่าไร กระจายรายได้ไปสู่ชนบทมากเท่าใด ความทรุดโทรมทางเศรษฐกิจและความยากจน คนเป็นหนี้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ไม่เชื่อไปดูตัวเลขการเป็นหนี้ของประชาชนที่มากขึ้นจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดูก็ได้
ปล.การรวมศูนย์ทุนคือการทำให้วิสาหกิจเส้นเลือดใหญ่ อันได้แก่อุตสาหกรรมหนัก การค้าต่างประเทศ การค้าส่งสินค้าหลักภายในประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ ธนาคาร “มีอำนาจ” ครอบงำวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉะนั้นต้องลดอำนาจการครอบงำและบงการดังกล่าวลงโดยทำให้ทุนกระจายไปสู่ประชาชนด้วยมาตรการปฏิรูปที่ดิน เปลี่ยนบริษัทครอบครัวของบริษัทเอกชนให้เป็นบริษัทมหาชน ใช้สหกรณ์เป็นเครื่องมือในการกระจายทุน รัฐเข้ามามีส่วนในการบริหารวิสาหกิจเอกชนเป็นต้น
การปฏิรูปที่ดินเป็นวิธีการกระจายทุนทางที่ดินไปสู่ประชาชนชาวไร่ชาวนาผู้สูญเสียที่ดินไปให้นายทุน ทั้งนี้เพื่อผู้สูญเสียที่ดินเหล่านั้นมีความสำนึกรักชาติด้วยตัวของเขาเองไม่ได้รักชาติด้วยการถูกกรอกหูให้รักชาติจากพวกเผด็จการ การปฏิรูปที่ดินจะเป็นปัจจัยอันดับแรกของความเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจแห่งชาติ ทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรมและการขนส่ง ด้วยการทำให้เกษตรกรรมสามารถสนองวัตถุดิบให้แก่อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมสนองเครื่องมือ วัตถุอุปกรณ์และการป้องกันภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกรรม เกษตรกรรมกับอุตสาหกรรมสนองตลาดให้แก่กันและกัน การปฏิรูปที่ดินจึงไม่ใช่เพียงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรม หรือชาวนาชาวไร่ให้มีที่ทำกินเท่านั้นแต่ยังเป็นไปเพื่อระบบเศรษฐกิจแห่งชาติทั้งระบบอีกด้วย
มาตรการทางการเมืองคือต้องสถาปนาประชาธิปไตย มาตรการทางด้านเศรษฐกิจคือการกระจายทุน นี่คือทางออกที่แท้ของชาติ!
ปล.ผมไม่เชื่อว่า 108 ศพที่ถูกฆ่าในซีเรียเกิดจากการกระทำของรัฐบาลซีเรีย เพราะหลายครั้งของความตายของคนที่นับถืออิสลามไม่ว่าจะเป็นชีอะห์หรือสุหนี่ “เกิดจาก” การกระทำ (เสี้ยม) ของ “มือที่ 3”