ปาท่องโก๋ ... มิติที่แตกต่าง
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
สำนวนไทยๆที่ชอบล้อคำ “ติดกันอย่างกับปาท่องโก๋” อันหมายถึงไปไหนไปด้วย ห่างกันแทบไม่ได้เอาเสียเลย แท้จริงล้อมาจากแป้งนวดจนได้ที่แล้วจัดคู่เคียงเรียงกันเท่าปลายก้อย ทอดในน้ำมันร้อนๆจนพองเหลืองน่ากิน เรียกกันว่า ปาท่องโก๋ ความหมายไปในทางที่ดีๆมีมงคล
ปาท่องโก๋มาจากการทำขนมแป้งทอดของชาวจีนโบราณ โน่นครับ มีมาตั้งแต่ราชวงศ์ซ่ง ด้วยสาเหตุมาจากจอมกังฉิน(คนขี้โกง คนชั่วช้า คนสารเลว)ชื่อว่า ฉินข้วย ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีเทียบเท่านายกรัฐมนตรีในปัจจุบันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นอำมาตย์ใหญ่ในแผ่นดิน ได้กลั่นแกล้งวีรบุรุษสุดที่รักของประชาชนชาวซ่งชื่อว่า “เยี่ยเฟย” บุรุษผู้หาญกล้าออกศึกไปทั่วเพื่อปกป้องแผ่นดินซ่ง
ด้วยความชั่วช้าของ ฉินข้วยและเมีย ได้ปลอมแปลงสารของพระเจ้ากรุงซ่ง เรียกเยี่ยเฟยที่กำลังสู้รบกับกับเผ่ากิม ปกป้องแผ่นดิน ให้กลับเมืองหลวงแล้วจับเข้าคุก แล้วลอบ”ฆ่า”เยี่ยเฟยและลูกชายจนตายไป แต่ความชั่วช้าของฉินข้วยกับเมียนั้นปกปิดไม่มิด ประชาชนชาวซ่งจึงโกรธแค้นฉินข้วย ได้ร่วมใจกันระบายความเคียดแค้นชิงชังด้วยการปั้นแป้งสองชิ้นติดกันแล้วนำไปทอดในน้ำมันเดือดๆเพื่อเคี้ยวกิน เป็นการล้างแค้น ฉินข้วยและเมีย กินกันไปทั่วด้วยความแค้นเคือง ทุกที่ที่มีคนจีนอยู่
ขนมทอดชนิดนี้มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น โหยวจ้าข้วย ซึ่งแปลว่าเอาไอ้ฉินข้วยและเมียมันทอดน้ำมัน คนกวางตุ้งและฮ่องกงเรียกว่า เหย่าจ้าไกว๋ แปลว่าน้ำมันทอดผี คนจีนในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นจีนแต้จิ๋ว มักเรียกขนมทอดชนิดนี้ว่า “ อิ๋วจ่าก้วย”
การเคี้ยวสองผัวเมียให้แหลกคาฟัน ด้วยความชิงชังรังเกียจ ต่อมา ชื่ออิ้วจาก้วยเพี้ยนไปเป็น ปาท่องโก๋ ไปไกลห่างกันมากๆครับ แต่ความหมายกลายเป็นเรื่องที่ดีๆไป ไปไหนไปด้วยกันอย่างกับปาท่องโก๋
ในประเทศไทย ขนมทอดปาท่องโก๋ ส่วนใหญ่ทอดโดยคนจีนในช่วงเวลาเช้าตรู่หรือเช้ามืด ลูกค้ามีทั่วไปแต่ที่พิเศษคือผู้ขายกาแฟร้อนมาซื้อปาท่องโก๋ไปวางให้กินแกล้มกับกาแฟร้อน บางร้านให้นมข้นหวานจิ้ม บางร้านให้สังขยาจิ้ม คนกินมีทั้งชาวจีนและชาวไทย มีทั้งคนรวยและคนจน ร้านกาแฟในเมืองเปิดขายตามตึกแถว แต่ถ้าเป็นบ้านนอกมักขายกาแฟที่ใต้ต้นไม้หน้าวัด
กระแสความเกลียดชัง ฉินข้วย นายกรัฐมนตรีของราชวงศ์ซ่ง ได้กลายเป็นขนมที่ได้รับความนิยม เกิดกระแสช่วยกันกินมันทั้งคู่ให้หายแค้นเคือง เป็นขนมทอดที่ได้รับความนิยมกินกันแต่เช้าตรู่ แต่วันนี้ ได้กลายเป็นขนมยอดนิยมกินกับนมถั่วเหลืองยามค่ำ เป็นว่าถ้าใครทำเป็นทั้งขนมทอดปาท่องโก๋ และนมถั่วเหลือง ก็จะช่วยให้อาชีพพิเศษนี้ทำเงิน
ผมไปเจอสองสามีภรรยาคุณอาทิตย์ ศรีสมบัติ ภูมิลำเนาดั้งเดิมอยู่ที่เมืองปง จังหวัดพะเยา เรียนมาทางช่างจนได้ไปทำงานถึงประเทศไต้หวัน เกาหลี ส่วนภรรยาชื่อคุณสีดา ภูมิลำเนาดั้งเดิมอยู่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เคยเรียนที่แม่จันวิทยาคม มหาวิทยาลัยรามคำแหงถึงปี3 แล้วก็ระเห็จไปทำงานที่เกาหลีพร้อมคุณอาทิตย์
“ถ้าไปเที่ยวเกาหลีน่าเที่ยว แต่ถ้าไปอยู่ไม่น่าอยู่ค่ะ” สาวสีดากล่าวยิ้มๆ รักเมืองไทยบ้านเกิดมากกว่าละมั้ง
“กลับมาแล้วก็อยากจะมีอาชีพสักอย่าง พอดีพี่ชายแฟนเป็นเจ้าของร้านน้ำเต้าหู-ปาท่องโก๋ ก็เลยไปฝึกงานอยู่เป็นปีๆ หนูเรียนการทำน้ำเต้าหู้ ส่วนแฟนเขาฝึกทำปาท่องโก๋ค่ะ อ๋อ ร้านพี่แฟนอยู่แถวๆตลาดสวนผัก บางกรวยน่ะค่ะ”
ด้วยแรงโฆษณางานเกษตรแห่งชาติของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม วันที่ 1-10 ธันวาคม ทุกปี ก็เลยมาเที่ยว ชอบดูต้นไม้ใบหญ้า และมองหาอาชีพที่ฝึกเรียนมา ก็เห็นว่าร้านค้าหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสนแห่งนี้ ยังไม่มีร้านขายน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ ก็เลยตัดสินใจขอแยกตัวมาตั้งตนเป็นเถ้าแก่ร้าน น้ำเต้าหู้-ปาท่องโก๋
อั้นแน่ ไปไหนไปด้วยกันยังกับปาท่องโก๋ แล้วเขาและเธอก็มาหาพื้นที่เช่าเพื่อทำตามความฝัน ได้หน้าร้านริมถนนมาลัยแมน เดือนละ 2,200 บาท แล้วก็หาห้องเช่าได้อีกห้องหนึ่งเดือนละ 2,100 บาท ขอรถเข็นขายน้ำเต้าหู-ปาท่องโก๋ มาจากพี่ชายของแฟน ก็มาอยู่ที่หน้าม.นี่ละ
เท่านี้ สองสามีภรรยาก็ได้เป็นเถ้าแก่ เจ้าของร้านเล็กๆแต่มีรายได้สม่ำเสมอ ถ้าไม่หยุดบ่อยๆ
น้ำเต้าหู้-ปาท่องโก๋ ร้านนี้ เปิดขายตั้งแต่เย็นๆไปจนถึง 23 น. ผลผลิตที่ขายก็คือ น้ำเต้าหู้มีทั้งทรงเครื่องและธรรมดา มีกระทั่งน้ำเต้าหู้ชาเขียว น้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง ขนมปังสังขยา และที่ขาดไม่ได้ก็คือปาท่องโก๋ ทั้งชนิดดั้งเดิมและชนิดเกลียว อย่าลืมแวะมาชิมรสน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องและชาเขียว แล้วรับประทานปาท่องโก๋ไปด้วย ร้านนี้ขายเฉพาะช่วงค่ำๆ ตรงกับสะพานลอยหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ้า