http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,007,068
Page Views16,316,101
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

สงขลา ฝั่งนที ตอน1. หาดทรายขาวยาวเหยียด โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

สงขลา ฝั่งนที ตอน1. หาดทรายขาวยาวเหยียด โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

สงขลา ฝั่งนที ตอน1. หาดทรายขาวยาวเหยียด 

โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

            โชคดีที่ได้ไปเยือนสงขลา แม้จะเป็นยามเมื่อฝนโปรยปราย ได้ไปเห็นอดีตเมืองสิงหนครที่เคยเรืองรองอันเป็นตำนานเล่าขานกันสืบมาก็น่าสนใจใช่ไหม สงขลาได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดชายทะเลอ่าวไทยที่มีหาดทรายขาวยาวเหยียดที่ปราศนาการสิ้นถิ่นร้านรวงที่รกรุงรังอย่างจังหวัดชายทะเลอื่นๆ เขาอนุรักษ์ชายหาดไว้ให้ประชาชนคนทั่วไปใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจเรือนแสน   มองออกทะเลไทยไปไม่ไกลนักมีเรื่องราวพิศดารพันลึกของเกาะหนูกับเกาะแมว ซ้ำโชคดีทวีคูณเมื่อได้นั่งเรือท่องเที่ยวท่องทะเลเกาะหนูเกาะแมวและหัวเขาแดง 

             ที่สุด ตำนานการแอบจับนมนางเงือกเพื่ออะไรหรือ ชิชะ


             ตั้งแต่เปิด www.thongthailand.com มากว่าสามปี ยังไม่มีเรื่องราวชายทะเลใดๆจากถิ่นใต้เลย เป็นความผิดมหันต์ที่ละเลย ข้าน้อยสมควรตาย แต่แล้วนางฟ้าก็มาโปรดเมื่องานเกษียนอายุของข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขจากทั่วประเทศนัดหมายกันไปจัดงานอำลาชีวิตข้าราชการกันที่ จังหวัดสงขลา ในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พรั่งพร้อมด้วยการแสดงสวยสดงดงามยิ่ง ตอกย้ำอดีตของสงขลาอู่อารยะธรรมแดนใต้ชายฝั่งอ่าวไทย ตามผมไปเยือนถึงถิ่นเมืองสิงห์กันเถอะแม้จะเพียงเสี้ยวหนึ่งซึ่งทรงคุณ 


เห็นลิบๆคือโรงแรมบีพีสมิหลาบีช

              ลงเครื่องบินที่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ นั่งรถตู้ไปถึงเมืองสงขลาราวๆ 28 กม. ถ้าเหมารถแท็กซี่ก็ราวๆ 300 บาท ถ้าถูกฟันหัวก็ 1,000 บาท แล้วแต่โชคและวาสนา เข้าเมืองสงขลา อะฮา เจริญตา ถนนหนทางสะอาด ป้ายโฆษณาจัดวางตามที่เทศบาลกำหนด ป้ายบอกทางชัดเจน เห็นแล้วรู้ว่าจะไปทางไหนได้ถูกต้อง เข้าพักที่โรงแรมชายหาดสมิหลา (บีพี สมิหลา บีช) โรงแรมเก่าแก่แต่ปรับปรุงใหม่ ตั้งอยู่ในเขตที่ดินราชพัสดุ โดยมีชายหาดทอดยาวไปถึง อนุสาวรีย์นางเงือก สัญลักษณ์หนึ่งของจังหวัดสงขลา 


ผักบุ้งทะเล 

              และแล้วก็เข้าสู่ภวังค์แห่งสิงหนคร อันมีตำนานผ่านพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาว่า เมื่อปีพ.ศ.1893 สิงหนครเป็นหนึ่งใน 16 หัวเมืองของขอบขันธเสมากรุงศรีอยุธยาราชธานี ตรงกับสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) แต่ชาวเมืองจากต่างแดนเรียกแปลกแยกกันไปตามสำเนียงที่ผิดเพี้ยน บ้างก็ว่าชื่อเมืองซิงกูร  ซิงกอรา  สิงขร  สิงหลา  อันแปลความได้ว่าชื่อเมืองสิงห์ ตำนานเล่าขานกันว่าแขกชาวเปอร์เซียและอินเดียเข้ามาจากทะเลหลวง เมื่อเห็นชายฝั่งก็เห็นเป็นรูปเกาะหนูและเกาะแมวเหมือนว่าสิงห์สองตัวหมอบเฝ้าทางเข้าฉะนั้นแล 


เจดีย์บนเขาตังกวน

              แต่คนสยามเรียกกันว่าเมืองสทิง แขกมาลายูเรียกว่า เซ็งคอรา ฝรั่งเพี้ยนไปเป็น สงขลา งานนี้ไม่บ้าแต่ท่าจะเมาทะเล กันไปเลย ฮา

              ปีพ.ศ.2228 สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พบว่ามีชื่อเมือง สงขลา อยู่ในแผนที่สยามประเทศซึ่งเขียนโดย ราชทูตพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ชื่อ เชอวาเลียเยร เดอ โชมอง

              ปีพ.ศ.2437 สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่่4 พระราชทานทุนทรัพย์ให้เจ้าเมืองสร้างเจดีย์บนยอดเขาตังกวน   

              ครั้นสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชวินิจฉัยว่า คำว่าสงขลาน่าจะมาจากคำว่า สิงหนคร 


หาดทรายขาวยาวเหยียด

              หน้าเมืองสงขลามีเกาะอยู่สองเกาะชื่อเกาะหนูกับเกาะแมว มีตำนานเล่าขานกันสนุกเชียว เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ 

              พ่อค้าชาวจีนเดินทางมาค้าขายกับชาวเมืองสิงหนครแล้วซื้หมาและแมว บรรทุกเรือสำเภาไปด้วย หมากับแมวปรึกษากันด้วยความระทมทุกข์ที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน จึงคิดจะหนี หมากับแมวรู้ว่าพ่อค้าจีนคนนี้มีดวงแก้ววิเศษที่ทำให้ไม่จมน้ำอยู่ จึงวางแผนกันให้หนูที่อยู่ในเรือไปขโมยดวงแก้ว โดยให้หนูเป็นผู้อมดวงแก้วขณะว่ายน้ำหนีกันไป


นางเงือก รูปปั้นสัญลักษณ์เมืองสงขลา

              หนูฉุกคิดได้ว่าถ้าถึงฝั่งหมากับแมวคงจะชิงเอาดวงแก้วไปเป็นแน่แท้ จึงว่ายน้ำหนีไปข้างหน้า ในขณะเดียวกับที่เจ้าแมวก็คิดจะชิงดวงแก้วเช่นกัน จึงพยายามว่ายตามหนูเพื่อชิงดวงแก้ว หนูเหลียวมาเห็นตกใจจึงทำดวงแก้วจมน้ำหายไป เจ้าหนูกับแมวจมน้ำตายกลายเป็นเกาะหนูกับเกาะแมว ดวงแก้งแตกละเอียดกลายเป็นทรายเม็ดละเอียดขาวๆอยู่ที่ชายหาดสมิหลา  ส่วนหมาก็ว่ายไปตายที่ชายหาดกลายเป็นเขาตังกวนอยู่ริมชายหาดสมิหลา ทะแลน ทะแลน ทะแลน


              และแล้วโชคดีก็เข้าข้างมนุษย์อย่างเรา ได้เรือล่องท่องทะเลของเทศบาลนครสงขลาพาไปล่องท่องเกาะแมวและเกาะหนู เรือเหล็กลำใหญ่มีสองชั้น พรั่งพร้อมด้วยอาหารว่าง ของขบเคี้ยวระหว่างเดินทาง พร้อมคอมพิวเตอร์คาราโอเกะและเครื่องเสียง ช่วงนี้แหละครับที่บรรดานักท่องเที่ยวจะได้สนุกสนานท่ามกลางลมทะเลพัดตึงๆ ผมเองแก่แล้วนั่งเงียบๆ ยิ้มเมื่อนักร้องร้องเพลงขำขัน หัวเราะเมื่อนักร้องหลุดจนอดฮาไม่ได้ ผมน่ะถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก จึงได้ภาพมาอวดละครับ ประกอบเรื่องนี้ไง

 

งานเลี้ยงอำลาชีวิตข้าราชการ รพ.พระนั่งเกล้านนทบุรี 

ร้องเพลงร่วมกัน

               เรือวนเข้าไปจนใกล้ส่วนหัวของพญานาคพ่นน้ำ ไกด์กิตติมศักดิ์บรรยายว่า มีปฏิมากรรมพญานาค 3 ส่วน ส่วนหนึ่งคือส่วนนี้ หัวพญานาคพ่นน้ำ ส่วนที่สองเป็นส่วนกลางลำตัวอยู่อีกชายหาดหนึ่ง และส่วนสุดท้ายปลายหางก็อยู่อีกที่หนึ่ง แต่วันนั้นได้เห็นเพียงส่วนหัว 555 พ่นน้ำ 24 ชั่วโมง ลิ้นเปียกทั้งวันทั้งคืน ถัดจากนั้นก็มีการแวะขึ้นไปถ่ายรูปบนเกาะเพื่อเป็นที่ระลึก ก็อย่างว่าไหนๆก็มาแล้ว แม้ไม่มีอะไรให้ชมมากกว่านั้น ก็ยังดีมิใช่หรือ ส่วนคนที่ไม่ลงก็ยังไม่ยอมวางไมค์ ร้องกันเพรียกอยู่อย่างเดิม ฮา


หัวพญานาคพ่นน้ำ


ร่วมร้องเพลง สนุกสนาน

               พอนักท่องทะเลลงเรือเรือก็บ่ายหน้าไปวนหัวเขาแดง แปลกแต่จริง ทำไมหัวเขานี้จึงแดง ทำไมหัวเขาอื่นจึงดำ เอ้อ เรื่องนี้ไม่มีตำนานเล่าขานกันเลย ผมก็เลยไม่มีเรื่องเล่าต่อ แฮะๆ 


               เรือวนกลับไปให้ได้เห็นว่าเกาะยอนั้นมีอะไรให้ชม แน่นอนต้องเป็นวิถีชีวิตของชาวเกาะยอส่วนที่ใช้ท้องทะเลสาบสงขลา จึงได้เห็นภาพคนทำประมงๆ ภาพเรือประมงใหญ่และประมงเล็ก 



ประมงชายฝั่ง 

               กลับขึ้นฝั่งที่ท่าเดิม เตรียมตัวไปชม รำมโนราห์และโขนตอนหนุมาณปักธง จากการแสดงของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสงขลา ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความแปลกใจให้กับผมมาก รำกันสวยขนาดนั้น กลับมิใช่เป็นมืออาชีพ ศิลปะรำมโนราห์และโขนต้องสิงสถิตย์อยู่ในวิญญาณชาวสงขลาเสียแน่แล้ว แต่ละวันที่เฝ้ารักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ค่ำคืนที่อยากอวดความเป็นชาวใต้ก็สามารถแสดงได้ในฉับพลัน โอ่ โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา มีน้ำภูเขาทะเลกว้างไกล 


มโนราห์ งามจริง

               ค่ำคืนที่ได้นอนอยู่ชายหาดแหลมสมิหลาชื่นมื่น ตื่นเช้าก็ออกไปเดินที่ชายหาดทรายขาวเม็ดละเอี๊ยด ละเอียด ท้องฟ้าสีครามยามมีฝนประปราย ก็ยังได้ภาพงามๆมาพอทำเนา มีพี่น้องชาวใต้บางคนเป็นพรานทะเล เงื้อแหเตรียมเหวี่ยงอยู่ชายหาด มีวัวชนเดินคู่มากับพี่เลี้ยง น่ากลัวตามความรู้สึกคนต่างถิ่น ผู้สูงอายุนั่งเล่นชายหาดบ้าง เดินไปกันเป็นคู่ๆบ้าง ที่ลงไปเดินวนๆรอบนางเงือกก็มีบ้าง เพื่อถ่ายรูปเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ตอนจาก แต่ที่เห็นไม่ทันก็ตอนที่หนุ่มๆแอบไปจับนมนางเงือก นี่ถ่ายไม่ได้เลย ฮา


               ไกด์ตวงมณฑ์ เล่าว่า ต้องเดินอ้อมไปด้านหลังนางเงือกแล้วล้วงมือเข้ามาแอบจับนมจะได้กลับมาสงขลาอีก ผมคงหมดสิทธิ์ละซิเนี่ย ไม่ได้ปฏิบัติตามตำนานเล่าขานกันมา  ผมไม่อยากกลับมาสงขลาอีกเลยถ้าไม่ได้มากับคู่ตุนาหงัน ฮา  

               เชื่อไหมว่า ผมเพียรค้นหาด้วยคำว่า ชายทะเลจังหวัดสงขลายาวเท่าไร หาไม่ได้เลยในอินเตอร์เนต ใครรู้ช่วยไขความโง่ให้ผมที 


อดีตพยาบาลรพ.พระนั่งเกล้านนทบุรี คนสงขลามารอรับเพื่ิอนๆ

               เพื่อนผมชื่อ วิบูลย์ เอกอุรุ นักวิชาการป่าไม้ในอดีต เล่าว่า "เมืองสงขลาตั้งเจตนารมณ์ว่าจะอนุรักษ์ชายหาดสงขลาไว้ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนคนทั่วไป จึงไม่อนุญาตให้มีการสร้างโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ภัตตาคาร รุกล้ำแนวถนนกั้นชายหาดไว้เด็ดขาด เป็นเมืองเดียวนี่แหละที่ประกาศแนวคิดอนุรักษืแน่วแน่และปฏิบัติจริง ในวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีชาวบ้านจากทุกสารทิศของสงขลามาใช้ชายหาดนี้เป็นที่นั่งพักผ่อน ลงเล่นน้ำทะเล และเตรียมอาหารพร้อมเสื่อสาดมาปูนั่งปิกนิคกันแบบครอบครัวเสียส่วนใหญ่ เชื่อไหม คนเป็นแสน" 


ชุดเหลืองสดภรรยาวิบูลย์ เอกอุรุ 


                ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม สงขลาจึงสงบเงียบ ไม่มีตึกสูงๆมากมายนัก โดยเฉพาะแถวชายหาดสมิหลา ผมเหลียวไปทางไหนซ้ายหรือขวาก็มองไม่เห็นเลย จึงมีเพียงโรงแรมเก่าแก่โรงเดียว 


พระสังกัจจายน์ องค์สวยบนเขาคอหงส์ 

                หลุดจากนี้ ยังได้ไปกราบนมัสการอธิษฐานกับหลวงพ่อพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่บนเขาคอหงศ์ และ เจ้าแม่กวนอิมปางยืนประทานพร ถ่ายภาพร้านกาแฟสถานีกระเช้าขึ้นยอดเขาคอหงส์ มองวิวโดยรอบ เห็นตึกสูงไม่กี่แท่ง โอ้ สงขลาฝั่งนที มีแต่ความงดงามที่เหลืออยู่ 


 

 

 

 

               

                           

   

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view