http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,957,407
Page Views16,263,717
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ดงดอกรัก ตอน2.มาลัยดอกรักโดย นิลมณี

ดงดอกรัก ตอน2.มาลัยดอกรักโดย นิลมณี

ดงดอกรัก ตอน2 มาลัยดอกรัก

โดย นิลมณี

            หลังพ่อจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ป๋องเหลือบ้านริมทางรถไฟหลังน้อยเป็นมรดก พรั่งพร้อมด้วยพืชผลที่เป็นอาหารให้ได้อิ่มท้อง แต่ป๋องก็ยังรู้สึกเหมือนพ่อยังอยู่ พ่อทิ้งแม่เป็นมรดกล้ำค่าไว้ห่มใจ ป๋องรู้สึกรักแม่มากยิ่งขึ้นไปอีกสองเท่า รักแทนพ่ออีกซ้ำหนึ่ง 

            แม่ยังไปทำงานโรงถ่านเหมือนเดิม บางวันแม่กลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนถ่าน ดำไปทั่วจนเหลือแต่ตาขาวๆ ถึงอย่างไรป๋องก็จำแม่ได้แม้เพียงเงาร่างที่แม่เดิน แม่ยังผ่ายผอมและยิ่งอดออมมากขึ้นเพื่อให้พอกินพออยู่ทั้งวัน ใช่ แม่มีรายได้เป็นรายวันเท่านั้น 

            ป๋องเดินเลาะริมทางรถไฟไปโรงเรียนบ้านโพธิ์หักเหมือนเดิม บางวันมีเพื่อนชื่อเปลี่ยนเดินไปด้วย บางวันเดินไปคนเดียว ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลนัก ป๋องจึงไม่รู้สึกเลยว่าลำบากขึ้น เพียงแต่ทุกวันที่เดินผ่านแปลงปลูกต้นรัก แปลงที่พ่อพูดถึงบ่อยเมื่อเดินผ่าน

            "หากพ่อมีที่ดินสักงานหนึ่ง พ่อจะปลูกดอกรักอย่างนี้บ้าง มันเป็นไม้ดอกที่ปลูกครั้งเดียวแต่เก็บเกี่ยวได้หลายปี"  ป๋องน้ำตาคลอขึ้นมาทันใด 

            "เฮ้ย เป็นไรวะ เดินเหมือนใจลอยเลยนิป๋อง" เปลี่ยนเพื่อนร่วมชุมชนทักขึ้น ป๋องเหลียวไปพูดเบาๆให้เปลี่ยนฟัง

            "พ่อเราชอบพูดว่า ถ้าพ่อมีที่ดินสักงานหนึ่ง พ่อจะปลูกต้นดอกรักเก็บดอกขาย" ป๋องพูดเสียงสั่นๆ

            "เป็นความใฝ่ฝันของพ่อเรา พ่อคงอยากมีที่ดินปลูกบ้านและทำสวนดอกรักนี่แหละ"

             ป๋องจบด้วยการเดินจ้ำเพื่อให้ก้าวพ้นเปลี่ยน เพื่อซ่อนน้ำตาที่กำลังจะหยด 

             "อ้าว เฮ้ย รีบไปไหนวะ โรงเรียนไม่หนีหรอก" แล้วเปลี่ยนก็ก้าวตามเร็วขึ้น 

             หลังโรงเรียนเลิก ป๋องรีบเก็บของใส่กระเป๋าใบเก่าแล้วออกเดินกลับทันที ไม่รอเปลี่ยนเหมือนทุกวัน

             "เฮ้ย จะรีบไปไหนวะ บ้านไม่หนีไปไหนหรอก" เปลี่ยนยังก้มหน้าเก็บของใส่กระเป๋า แต่ไม่ทันป๋องเสียแล้ว   

             ป๋องเดินกลับอย่างเร็ว แม้ผ่านดงดอกรักก็ไม่หันไปมอง เมื่อป๋องเดินถึงบ้านป๋องตกใจที่เห็นแม่นอนอยู่มุมห้อง ป๋องตกใจรีบเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าแม่แล้วเอามืออังที่หน้าผากแม่ ตัวแม่ร้อนจี๋ แม่หลับสนิท เสียงหายใจรวยรินสม่ำเสมอ แม่คงเหนื่อย หน้ายังเปื้อนผงถ่าน แม่คงรีบนอนจึงไม่ล้างหน้าล้างตาเหมือนเคย ป๋องมีแม่เป็นมรดกที่ห่มใจให้มีความอบอุ่นทุกนาที แม้แม่จะเป็นเพียงสาวชาวบ้านจนๆ และก็ไม่ได้สวยสะอะไร แต่กับป๋องแล้ว แม่สวยที่สุดในโลก

              ป๋องเดินไปเก็บกระเป๋าแล้วก็รีบไปที่ห้องครัว แม่วางห่อปลาทูไว้สามตัว ตัวเล็กๆเหมือนที่เคยได้กินกันสามคนพ่อลูก ป๋องติดเตาไฟใช้ฟืน ทอดปลาทูในน้ำมันเก่าจากถ้วยที่แม่เก็บไว้ ปลาทูหอมส่งกลิ่นอบอวล แม่สะดุ้งตื่น แล้วรีบลุกขึ้น

              "เดี๋ยวแม่ทำเอง ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียลูก" เสียงแม่พูดออกจากใจ เปี่ยมล้นด้วยความรักและห่วงใย

              "เสร็จแล้วครับแม่ แฮ่ แม่ตัวร้อนจัง นอนต่อเถอะ เดี๋ยวป๋องทำกับข้าวให้แม่กินนะครับ" ป๋องยกกระทะออก ช้อนปลาทูทอดกรอบใส่ในจานสังกะสีเก่าๆ วางบนชั้นกับข้าว แล้วเดินไปกอดแม่ แม่หอมกระหม่อมดังฟืดๆ

              "แม่ ผมจะไปเด็ดพริกขี้หนูมาตำน้ำพริก วันนี้จะอวดฝีมือเต็มที่เลย ยอดต้นแคกำลังแตกใหม่ๆอ่อนๆเลยแม่ ยอดตำลึงก็เขียวน่ากิน สองอย่างนะแม่" ว่าแล้วป่องก็รีบเดินออกไปที่รั้วข้างบ้าน แม่ยิ้มพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอนต่อ 

              แม่หลับไปเลย ไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนทุกวัน ไม่ได้กินข้าวด้วย ป๋องนึกในใจขณะห่มผ้าให้แม่ แม่คงเหนื่อย แม่นอนเถอะนะครับ ป๋องจะเฝ้าแม่เอง  ป๋องทำการบ้านจนเสร็จก็ดับไฟเข้านอนใกล้ๆแม่  

              ดึกสงัด ป๋องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงแม่ไอแล้วพยายามจะขากเสลดออกมาบ้วนทิ้ง ในความมืดเงาดำของแม่โยนด้วยแรงไอ เสียงไอลึกแบบเดียวกับที่พ่อเคยเป็น ป๋องรีบลุกขึ้นไปตักน้ำและหยิบกระป๋องมาให้แม่บ้วนเสลด ป๋องรู้สึกกลัว พ่อก็ไออย่างนี้ ไอแล้วก็พยายามขากเสลดออกทิ้ง แต่ช่างยากเย็น ถ้าแม่เป็นอะไรไปอีกคน ป๋องจะอยู่ยังไง คิดได้เท่านั้นป๋องก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ได้แต่ลูบหลังให้แม่

              "แม่คร๊าบ พรุงนี้ไปหาหมอนะคร๊าบ" ป๋องพยายามพูดปลอบโยน แม่พยักหน้าแต่ไม่ได้เหลียวมามองป๋อง ยังไอกระชากแรงๆอีกสี่ห้าครั้ง จึงล้มตัวลงนอน หมดเรี่ยวแรง ป๋องใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเก่าชุบน้ำแล้วเช็ดหน้าให้แม่ ขี้ผงถ่านดำๆติดออกมาจนเกลี้ยง ป๋องเช็ดลงไปจนถึงลำคอและท้ายทอย แม่หลับไปด้วยอาการอ่อนเพลีย ป๋องน้ำตารินอาบสองแก้ม 

               เช้าตรู่ แม่ปลุกป๋องให้ลุกมากินข้าวไข่เจียว แล้วห่อข้าวให้ไปกินโรงเรียนเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องป่วยกระทันหันแบบเมื่อคืนเลย ป๋องเดินไปโรงเรียนภายใต้แสงแดดอุ่นๆ ครุ่นคิดถึงเรื่องอาการไอของแม่ แล้วก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้แม่เป็นอะไรไปเลย 

               ในห้องเรียน ครูสอนเรื่องความปลอดภัยจากโรคร้ายใกล้ตัว พร้อมกับพยายามให้เด็กนักเรียนหาคำตอบที่ครูตั้งขึ้น 

               "สาเหตุของวรรณโรคปอด เกิดจากอะไรบ้างจ๊ะ" ครูสาวเสียงใสใจดีกว่าใครถาม

               "เปลี่ยน ยกมือตอบหน่อยสิ" เปลี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วตอบความ

               "เกิดจากสูบบุหรี่ครับ" ครูชวนทุกคนปรบมือให้เปลี่ยน  เปลี่ยนยิ้มหน้าระรื่น 

               "มีแค่นี้หรือใครจำได้อีก" นักเรียนนิ่งเงียบ ครูเคยสอนเพียงนี้ก็รู้เพียงนี้ 

               "ฝุ่นจากโรงงาน ฝุ่นจากโรงเลื่อย ฝุ่นจากโรงถ่าน" ครูเฉลยเพิ่มเติม ป๋องสะดุ้งตาลุกเพ่งมองบนกระดานที่ครูค่อยๆเขียนที่ละประโยค

               "ฝุ่นจากโรงถ่านด้วยหรือครับครู" ป๋องลุกขึ้นถามอย่างร้อนรน  ครูหันมามองแล้วตอบ

               "ใช่แล้วละป๋อง อ้อ พ่อแม่เธอทำงานที่โรงถ่านนี่นะ"

                เพื่อนนักเรียนในชั้นหันมามองป๋องเป็นตาเดียว ป๋องหน้าซีดปากสั่น

                "อาการของวรรณโรคคือ ไอ เสลดพันคอ มีเลือดปนออกมาด้วย หายใจไม่สะดวก แล้วก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง มักอ่อนเพลีย" ป๋องหน้าซีดลงไปจนแทบจะเหมือนไก่ต้ม ครูเห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้

                "เป็นอะไรไปหรือป๋อง อ้อ พ่อป๋องเสียไปนั่น ใช่โรคนี้ไหม" ครูถามด้วยเอะใจ

                "ผมไม่รู้ครับครู แต่พ่อไอจนเป็นเลือด ไม่ค่อยมีแรง หายใจไม่ค่อยออก" ป๋องตอบเสียงตื่นๆ ครูและเพื่อนๆมองไปที่เดียวกัน ใบหน้าซีดขาวของป๋อง

                 "ครูครับ แม่ผมก็ไอและขากเสลดออกมาดำปี๋ คงดำจากผงถ่านครับ"

                 "มีเลือดไหม" ครูหน้าตื่น

                 "ผมไม่ได้สังเกตุครับครู" เสียงอ่อยจนแผ่ว

                 "พรุ่งนี้ครูจะไปเยี่ยมแม่เธอนะ" 

                 แม่เอะใจ ขณะจะก้าวเท้าออกจากบ้านไปทำงาน ยกมือสวัสดีครูแล้วยืนรอ

                 "คุณแม่ ป๋องเล่าว่า ไอ มีเสลดเยอะ เหนื่อยง่าย หายใจไม่ค่อยออก ใช่ไหมคะ" ครูถามแล้วมองไปทั่วเรือนร่าง

                 "ค่ะ ผงถ่านมันเข้าไปเยอะ ก็ไอออกมาบ้าง" แม่ตอบเบาๆ

                  "มีอะไรหรือคะคุณครู" แม่มองหน้าครูสาว

                 "เกรงว่าวันนี้คุณแม่ต้องไปโรงพยาบาลกับครูนะคะ"

                 แม่มองหน้าครูครูก็มองหน้าแม่ แล้วก็ชวนกันเดินออกไปขึ้นรถครู ผลการตรวจแม่เป็นจุดในปอดเนื่องจากมีฝุ่นผงถ่านไปเกาะ หมอให้แม่หาทางป้องกันโดยใช้ผ้าคาดจมูกและปาก แต่ครูแนะนำว่าแม่น่าจะหางานอื่นทำ ถ้ายังอยากจะอยู่กับลูกไปนานๆ             

                 เย็นนั้น ป๋องรีบเดินกลับจากโรงเรียนเพื่อมาดูแม่ ซึ่งครูไม่ให้ไปทำงาน แม่ร้องว่าจะไป เดี๋ยวไม่มีเงินให้ป่องไปโรงเรียน แต่ครูก็ยืนยันว่า ให้ป๋องหัดใช้อย่างจำเป็นเท่านั้น

                 "แม่ หมอว่าเป็นอะไรครับ" ป๋องถามทันทีที่เห็นหน้าแม่ แม่ยิ้มระรื่น

                 "เป็นจุดในปอด แม่ต้องกินยาตามหมอสั่ง 30 บาทรักษาทุกโรค ครูอยากให้แม่เปลี่ยนอาชีพรับจ้างที่ไม่เสี่ยง" แม่ตอบไปยิ้มไปด้วย

                 "ครูป๋องน่ารักจังนะ ห่วงกระทั่งแม่นักเรียนจนๆ" แล้วแม่ก็ยกมือไหว้ท่วมหัว "ขอให้ครูเจริญๆเถอะ" ป๋องยิ้ม

                 "แล้วแม่จะทำงานอะไรล่ะครับ แต่ป๋องว่าจะบอกแม่ว่าป๋องจะทำงานหลังเลิกเรียนแล้ว" ป๋องทั้งถามและบอกเล่า

                 "งานอะไร ฮึ ป๋อง" แม่ถามเบาๆแฝงรอยยิ้ม

                 "หลังเลิกเรียนป๋องจะไปรับจ้างเก็บดอกรักที่ไร่ข้างสถานีรถไฟน่ะแม่ แม่ไปรับจ้างกับป๋องไหมจะได้ไม่ต้องเจอกับผงถ่าน" ป๋องชวนแม่แล้วสองแม่ลูกก็ตั้งเป้าหมายกันในค่ำนั้น ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตหนีภัย

                 "แม่ไปด้วย แม่ไม่อยากตายอย่างพ่อ แม่อยากอยู่กับลูก" แม่ลูกกอดกันกลม

                 สวนดอกรักข้างสถานีรถไฟโพธิ์หัก น่าจะกว่า 2 ไร่ ปลูกบนร่องสวนเป็นแถวเป็นแนว ดูสะอาดตาและน่าจะทำงานได้ไม่ยาก แม่ลูกพากันเดินไปหาเจ้าของไร่ แล้วก็ได้งานสมใจ ป๋องต้องไปเก็บดอกรักตอนหลังเลิกเรียนทุกวัน ไม่เว้นแม้วันหยุด ส่วนแม่ทำงานสองอย่างในวันเดียว เช้าถึงเย็นแม่ต้องไปดายวัชพืชให้ต้นรัก หลังงานเลิกแม่ต้องช่วยเก็บดอกรักแบบเหมากิโลกรัม ให้เริ่มงานได้เลยในวันนี้


                 ป๋องไปถึงโรงเรียน เดินเข้าไปกราบครูด้วยความเคารพ ครูยิ้ม ยกมือลูบหัวป๋องด้วยความเอ็นดู

                 "ครู ครับ แม่ฝากกราบขอบพระคุณคุณครูอีกครั้งครับ แม่กับผมไปสมัครทำงานในไร่ดอกรักข้างสถานีแล้วครับ"ครูยิ้ม 

                 "เวลาไปทำงานในสวนดอกรักมีข้อควรระวังก็คือ อย่าให้ยางต้นดอกรักเข้าตาหรือถูกผิวหนังหรือนิ้วมือนะ จะคันและกัดจนเป็นแผล เข้าตาๆก็อาจจะบอดได้ ต้องสวมถุงมือหรือสวมถุงพลาสติกขณะเก็บดอกรัก บอกแม่ด้วยนะป๋อง"

                 "ครับครู" ป๋องกราบลาครูไปด้วยหัวใจกระหยิ่ม พ่อคงชอบที่ป๋องและแม่ได้ทำงานในสวนต้นดอกรักซึ่งพ่อวาดหวัง อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสี่ยงกับฝุ่นจากโรงถ่าน ดงต้นดอกรักปกป้องแม่ไว้ได้ในคราวนี้ 

                  แม่ไปทำงานทุกวัน แม้จะดูอิดโรยในช่วงแรกๆที่ยังหายใจไม่สะดวกนัก แต่เพียงชั่วสัปดาห์เดียวแม่เปลี่ยนไป แม่มีใบหน้าเกรียมแดดแต่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แม่แค่ต้องดายวัชพืชไปทีละนิดๆ เหนื่อยก็นั่งพักตามเวลาที่เจ้าของสวนสั่งไว้ เพียงไม่กี่วันร่างกายของแม่ก็เข้าที่ ป๋องเลิกเรียนก็มาหาแม่แล้วก็ช่วยกันเด็ดดอกรักใส่ถุงพลาสติก ป๋องบอกแม่ให้ระวังตามที่ครูสั่ง สวมหมวกกันแดดแบบไอ้โม่ง เห็นแต่ช่องลูกกะตา แม่กับป๋องสวมถุงมือพลาสติกกันยางดอกรักกัด แต่ละวันทั้งแม่และป๋องมีรายได้รวมกันเกือบเท่าที่พ่อยังอยู่ 

                  "เสาร์อาทิตย์ ป๋องต้องไปช่วยส่งดอกรักที่ตลาดด้วยนะ เดี๋ยวป้าให้เงินเพิ่ม ได้ไหม" คุณป้าเจ้าของสวนเรียกไปถาม

                  "ไอ้ชดมันชอบเบี้ยว เข้าไปตลาดทีไรหายไปค่อนวัน ไม่รู้จักกลับมาช่วยงานป้าอีก" ชด หัวหน้างานคนเก่าแก่ แก่แล้วเป็นหนุ่มใหญ่แล้ว มีเงินพอสมควรแล้ว ต้องมีเวลาไปหาสาวๆหลังตลาด 

                   "ป๋องช่วยป้าหน่อยนะลูก ปั่นจักรยานไปแค่ 3 กิโลเอง" คุณป้าผู้มีเมตตาถาม รถจักรยานพ่วงท้ายขี่ได้ไม่ยาก แค่มัดถุงดอกรักไว้ก็แค่นั้น ป๋องมองสบตาคุณป้าแล้วยิ้มตอบรับด้วยความสมัครใจ 

                   "ป๋องทำได้ครับคุณป้า เฉพาะเสาร์อาทิตย์หรือครับ" ป๋องเริ่มงานในวันรุ่งขึ้น

                   วันแรกแห่งชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป แม่ยิ้มเมื่อป๋องเล่าให้ฟังว่า คุณป้าเพิ่มงานให้อีก ได้เงินเพิ่มด้วย วันที่โลกของเด็กผู้ชายวัยเพียง 12 ขวบเปลี่ยน วันที่ได้ก้าวพ้นไปจากชุมชนแออัดริมทางรถไฟ ได้ออกไปเห็นตลาดดอกไม้ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงรอบตัว ได้เห็นอีกหลากหลายวิถีที่ผู้คนเดินกันควักไขว่ ช่างน่าตื่นตาตื่นใจ ป๋องเหน็บกระดาษชื่อร้านดอกไม้และชื่อเจ้าของร้านนามนางป่วน ระหว่างทางที่ขี่จักรยานไปป๋องต้องค่อยๆถีบแล้วก็ยังต้องระวังหลัง กลัวถุงดอกรักจะหล่นหายกลางทาง

                    ป๋องเดินจูงจักรยานไปในตลาดดอกไม้ ถามหาชื่อป้าป่วนเจ้าของร้าน เด็กหนุ่มผิวคล้ำ ตาโต จมูกโด่ง และคิ้วเข้ม เดินไปถามทีละร้านๆ แล้วก็จูงจักรยานไปจนสุดตลาดดอกไม้ ป้ายร้านชื่อ "มณีทิพย์" เขียนไว้ด้วยแผ่นพลาสติกสีน้ำเงิน ตัวหนังสือสีทองเด่น  

                    ป๋องเดินจูงจักรยานไปหยุดหน้าร้านแต่มองไม่เห็นป้าป่วน  เห็นแต่เด็กผู้หญิงผมยาวสยายพริ้วไปกับแรงพัดลมข้างกาย ผิวขาวนวลเนียน เหมือนคนไม่เคยออกแดด สวมเสื้อสีเปลือกแตงโม นัยน์ตาดำขลับ ขนตางอนเช้ง ป๋องนึกในใจ อาหมวย แล้วยิ้ม 

                    "ร้านป้าป่วนหรือเปล่าครับ" ป๋องถามแล้วสบตานิ่ง เด็กสาวหันมามองแล้วก็สบตานิ่ง พลางเอื้อนเอ่ย

                    "ใช่จ้ะ มาส่งดอกรักหรือจ๊ะ" เสียงหวานใสอย่างน้ำแข็งใสใส่นมดังแจ้วๆ ป๋องยังไม่ทันตอบก็ได้ยินเสียงใสๆของเธอดังขึ้นอีก

                    "น้าชดไปไหนล่ะจ๊ะ" มองสบตาเหมือนรอคำตอบ

                    "ไม่ทราบครับ ป้าสั่งให้ผมมาแทน" แล้วก็ก้มหน้าหลบสายตายิ้มเยิ้มคู่นั้น

                    "มาทุกวันไหม" ถามอีกแล้ว โอย ไม่ได้ส่งดอกรักสักทีละนี่ ป๋องนึกในใจ

                    "ไม่หรอก เฉพาะเสาร์อาทิตย์ครับ" แล้วก็พยายามจะแก้เชือกมัดถุงดอกรัก

                    "วันธรรมดาไปโรงเรียนหรือเปล่า ชั้นอะไรล่ะ" เสียงใสๆถามเพิ่มขึ้นทั้งที่คำถามแรกก็ยังไม่ทันได้ตอบ  ป๋องเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยกถุงดอกรักจากรถจักรยานยนต์

                     "ยังไม่ซื้อ ยังตอบไม่หมดคำถามเลย" เธอว่าแล้วก็เสียงเข้มขึ้นเหมือนว่าขัดใจ

                     "ผมชื่อป๋อง เรียนป.6 ชั้น1/1 โรงเรียนบ้านโพธิ์หัก ใกล้สถานีรถไฟครับ" ตอบแล้วก็ยกถุงดอกรักยื่นให้   แต่เธอก็ยังไม่ยอมรับ มองหน้าแล้วก็ถามต่ออีก

                     "มีเพื่อนในตลาดนี้บ้างไหม"

                     "ไม่มีครับ"

                     "เพิ่งเคยเข้ามาหรือไง" โอย จะซักอะไรนักหนา ป๋องนึกในใจ แต่ก็อดกลั้นไว้ไม่กล้าพูด

                     "เพิ่งเคยเข้ามาครับ มาคนเดียวนะ แต่เคยมาพร้อมกับพ่อและแม่ตอนเด็กๆ จำไม่ได้แล้ว หลังพ่อตายไปแล้วก็เลยไม่ได้มากันอีกเลย" อยากรู้นักใช่ไหม จะตอบให้ฟังไม่ทันเลย 


                     "พ่อตายไปแล้ว แม่ก็ป่วยอีก ก็เลยเปลี่ยนอาชีพจากคนโรงถ่านมาเป็นคนงานถากหญ้าในไร่ดอกรักของคุณป้า ผมเองก็รับจ้างเด็ดดอกรักในไร่หลังกลับจากโรงเรียน ช่วยกันหาเงินไว้ใช้จ่ายและให้พอไปโรงเรียน นี่เป็นงานแรกที่ได้ทำวันเสาร์อาทิตย์เวลาปกติ เป็นแรงงานพิเศษแทนน้าชดครับ" อาหมวยนั่งฟังคอตั้งตาค้าง นึกในใจ เกิดอะไรเนี่ย เราไปจี้ต่อมอะไรเขาเข้าละเนี่ย พูดไม่หยุดเลย 

                     แต่เอื้อมมือมายกถุงดอกรักไปตั้งตาชั่งข้างๆตัว ยิ้มจนตาหยี ผมสยายยังปลิวไปตามแรงพัดลม หน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนกันนะ ป๋องนึกในใจ 

                     "20 กิโลกรัมนะ บอกคุณป้าด้วยนะจ๊ะ วันพระ เพิ่ม 30 กิโลกรัมเหมือนเดิม" อาหมวยบอกกล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วก็ถามอีก

                     "อายุเท่าไรจ๊ะ" ยิ้มสบตาหยี

                     "อายุ 12 ปี ยังไม่มีแฟน ถ้าคิดจะมีเมื่อไรจะมาบอก" ตอบแล้วก็ก้มหน้าจะหันหลังกลับ เสียงหวานจับใจดังขึ้น    

                     "แก่กว่ากันปีเดียวเอง เป็นเพื่อนกันได้ไหมล่ะจ๊ะ แต่ฉันไม่ได้เรียนหนังสือต่อแล้วนะ แม่ไม่มีใคร ต้องอยู่ช่วยแม่ "ร้อยพวงมาลัย"ป๋องนึกในใจ เราก็ไม่มีพ่อแล้วเหมือนกัน หัวอกเดียวกันหรือนี่ แต่พ่อเขาตายไปเหมือนกันหรือ สงสัยแต่ก็ไม่กล้าถาม

                     "เชื่อไหม ฉันไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย ถามแม่แม่ก็ไม่เคยตอบ ไม่มีรูปให้ดูต่างหน้าด้วยซ้ำนะป๋อง" เธอลากเสียงคำว่าป๋องยาว


                     เสียงที่แผ่วจนขาดหาย ทำให้ป่องต้องเงยหน้าขึ้นมองสบตา รู้สึกเห็นใจยิ่งกว่า ถึงอย่างไรป๋องก็ยังเคยเห็นหน้าพ่อ เคยอยู่เคยเดินไปเที่ยวไปหาของกินด้วยกัน นึกแล้วก็ยิ้มออก มองสบตาแม่ค้าพวงมาลัยด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

                      "เจอกันพรุ่งนี้นะป๋อง จะรอ" พร้อมกับยื่นเงินค่าดอกรักให้ป๋อง               

           

Tags : มรดก

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view