จันทบุรีเที่ยวได้ทั้งปีจริงหรือ
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
บอกตามตรงว่า ผมไปจันทบุรีปีหนึ่งหลายครั้ง ไปทีไรก็เที่ยวแค่ที่น้ำตกพลิ้ว กินอาหารทะเลริมชายหาดอ่าวยาง แวะเข้าไปเยี่ยมยามผืนป่าชายเลนที่อ่าวคุ้งกระเบน แล้วก็เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร โดยไม่ลืมแวะซื้อผลไม้แถวๆตลาดริมทางเนินสูง แต่บางทีก็เลยไปเที่ยวถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ไปเล่นน้ำตก 15 ชั้นแล้วก็ถ่ายรูปผีเสื้อสวยๆ แล้วเลยทะลุไปกลับทางปราจีนบุรี
ครั้งนี้มีมัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์ จากหนุ่มสาวทัวร์โดยคุณธนวัฒน์ ทองเพิ่ม เลยได้ไปเที่ยวแปลกแตกต่างไปกว่าที่เคยไป
แน่นอนการเดินทางไกลในรูปทัวร์ท่องเที่ยวต้องมีจุดนัดหมาย ผมไปตามนัดแล้วก็เริ่มออกเดินทางตั้งแต่เวลา 09.00 น. ด้วยรถตู้แอร์เย็นฉ่ำ ใช้เวลาอยู่บนรถตู้กว่า 2 ชั่วโมงถึงร้านอาหารหมูเลียงพระยาตรัง โซ้ยกันไปคนละสองชามจนอิ่มแปร้ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปตามกำหนดการ นั่นคือ ไปบ้านไหนเมืองไหนละก็ หากมีศาลหลักเมืองก็จะต้องไปกราบไหว้เพื่อเอาสิริมงคลใส่กระหม่อมเสียก่อน
ศาลหลักเมืองจันทบุรี
แต่เนื่องจากใกล้ๆกันนั้นมีศาลพระเจ้าตากสินอยู่ด้วย ก็เลยได้ไปกราบเสียสองศาล ศาลหนึ่งเป็นศาลหลักเมืองจันทบุรี แต่อีกศาลนี่ซิสำคัญนักเพราะว่าพระองค์ท่านเป็นพระผู้กู้ชาติกู้แผ่นดินจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ให้กับพม่าคืนมาให้พวกเราได้อยู่อาศัยเย็นทั้งใจและเย็นทั้งกายตราบเท่าทุกวันนี้
เจ้าพ่อศาลหลักเมืองจันทบุรี
ศาลหลักเมืองจันทบุรีสร้างเป็นมณฑปจตุรมุข ภายในศาลประดิษฐานหลักเมืองงามตา และยังมีรูปเจ้าพ่อศาลหลักเมืองรูปลักษณ์แบบเทพเจ้าจีน กลิ่นควันธูปจากผู้มาเคารพกราบไหว้ฟุ้งกระจายไปทั่ว หอมชวนดม ภายนอกศาลประกอบด้วยศาลาหอระฆังยักษ์ รูปแบบสถาปัตยกรรมจีน ข้างๆกันเป็นสถูปจุดประทัดเพื่อส่งเสียงถึงเทพเจ้าต่างๆได้รับรู้และมารับส่วนบุญ นอกจากนั้นมีเสาตะเกียงจีนสูงตระหง่าน งดงามด้วยลายมังกรพันเสา สีสันฉูดฉาดตามแบบศิลปะจีน เบื้องหน้าสุดเป็นประติมากรรมปูนปั้นผลไม้ต่างของเมืองจันทบุรี
ประติมากรรมผลไม้เมืองจันทบุรี
ผมเดินข้ามไปถึงศาลพระเจ้าตากสิน อันมีรูปลักษณ์เฉพาะคือ หลังคาศาลเป็นรูปหมวกพระเจ้าตากสิน ภายในมีรูปปั้นพระเจ้าตากสินประดิษฐานอยู่ เบื้องหน้าเป็นองค์ประกอบศาลเจ้าทั่วไป เช่นเสาตะเกียง สถูปจุดประทัด ช่องว่างระหว่างศาลทั้งสองเป็นถนนทางเข้าค่ายตากสิน ทหารหาญของชาติกำลังเตรียมเปลียนผลัดลงไปสู้รบยังแดนใต้สามจังหวัด
และแล้วก้ได้เข้าไปเยี่ยมชมการเจียระไนพลอย การฝังตัวเรือน ณ บริษัท เวิลด์แซพไฟร์ ได้ฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ของบริษัท จึงได้ทราบว่า ณ วันนี้เหลือพลอยจันทบุรีน้อยเต็มที พลอยที่นำมาเจียระไนนั้นเป็นพลอยที่นักธุรกิจจันทบุรีเดินทางไปเก็บงำมาจากทั่วโลก โดยเแพาะพลอยอัฟริกา ศรีลังกา อินเดีย พม่า คาแมรูน ฯลฯ จันทบุรีจึงยังเป็นแหล่งที่มีพลอยมากที่สุดในโลกเหมือนเดิม
หลุดจากโลกน่าพิศวงวงการพลอยก็ได้เดินทางไปชมวัดมังกรบุปผาราม "เล่งฮั้วยี่" ถือกันว่าเป็นส่วนหางของมังกร แต่การกราบไหว้เอาสิริมงคลสมบูรณ์ต้องไหว้ให้ครบทั้งสามส่วนคือ ส่วนหัวมังกรอยู่ที่วัดเล่งเน้ยยี่ เยาวราช กรุงเทพมหานคร และส่วนท้องมังกรคือวัด เล่งฮกยี่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ดังนั้นเมื่อเมืองจันทบุรีแล้วจึงควรได้ไหว้ส่วนหางมังกรสะสมบุญไว้ก่อน มีโอกาสจขึงไปไหว้ให้ครบถ้วน
วัดมังกรบุปผาราม
ผมเดินถ่ายรูปสถาปัตยกรรมจีนจนแทบจะอ่อนแรง แต่ละมุมมีเรื่องราวให้สนใจ แต่ละมุมล้วนสวยงามตามรูปแบบเอกลักษณ์หนึ่งของความเชื่อและความศรัทธาของชาวจีนแต่โบราณกาล ผมชอบมากที่สุดคือได้เห็นการติดกระเบื้องสีสันสดใสให้เป็นรูปมังกรอย่างวิจิตรตระการตา แต่ละมุมของอาคารมีทั้งรูปวาดบนฝาผนังและรูปปั้นเทพเจ้าสำคัญของจีน
ถัดจากนั้นก็เดินทางต่อไปยัง โอเอซิส ซีเวิลด์ ที่ปากแม่น้ำแหลมสิงห์ เพื่อชมความน่ารักน่าชังของเจ้่าปลาโมาหัวบาตร กับโลมาสีชมพูปากแหลม(อิระวดี) ได้เห็นความสามารถของครูฝึกปลาโลมาทั้งสองชนิด ผลัดเปลี่ยนกันแสดงหลากหลายรูปแบบเช่น สวัสดี เต้นระบำ เตะฟุตบอล กระโดดลอดห่วง ฯลฯ เรียกรอยยิ้มได้เป็นระยะ
ปลาโลมาอิรวดี สีชมพู น่ารัก
ออกจากโอเอซิส ซีเวิลด์ ก็ตะวันชิงพลบพอดี แสงสีทองที่สาดส่องกระทบริ้วคลื่นในท้องทะเลเป็นสีทอง อดใจกันไม่ไหวทั้งรถตู้ จึงขอลงไปถ่ายรูปวิถีชีวิตการทำ "โป๊ะ" อันเป็นกิจการประมงแบบพื้นบ้านชาวจันทบุรี นอกจากนั้นยังได้เห็นเรือประมงเล็กๆ จอดเทียบท่าเรืออยู่อย่างเงียบสงบสมใจ
ค่ำแล้วก็ต้องไปหารับประทานอาหารตามกำหนดการทัวร์ที่ร้านดังชื่อร้านนี้คือ ร้านจันทรโภชนา ซึ่งถือกันว่าเป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งของจังหวัดจันทบุรีด้วยอาหารอร่อยเช่นแกงหมูชะมวง เส้นจันท์ผัดไทยใส่กุ้งสด ลอมาจู ซึ่งเป็นต้มรวมมิตรทะเลตามแบบอย่างวัฒนธรรมการกินของชาวญวน จ้าหย่อ ปลาเส้น แกงหมูขิงแห้ง ถั่วฝักยาวผัดกะปิ อิ่มจนแอ้
แกงหมูชะมวง
ผัดไทยเส้นจันท์
ค่ำลงก็เข้าพักแรมที่ KP grand โรงแรมดังหนึ่งเดียวของจังหวัดจันทบุรี มีดนตรีให้ฟังในห้องคาเฟ่กว้างขวางมากอีกด้วย
หลับสายไปกับแอร์เย็นฉ่ำ เช้าตรู่รับประทานอาหารในโรงแรม ไกด์นำทางบอกว่าจะพาไปเดินชมชุมชนริมน้ำจันทบูร อันเป็นแหล่งอารยธรรมสามชนชาติซึ่งไดแก่พี่น้องไทยเชื้อสายจีน คนไทยพื้นถิ่น และชาวเวียดนาม(ญวน) ถนนแคบๆที่สองฝั่งมีบ้านเรือนแบบเก่าๆ ทั้งเป็นตึกและเป็นบ้านไม้ ฉลุลวดลายไม้ประดับประดาสวยงาม
คุณอภิรดี ศิริวิจิตรกุล(เสื้อดำ)และคุณธนวัฒน์ ทองเพิ่ม (เสื้อลายฟ้า)
เดินแวะซื้อหาขนมโบราณไปเรื่อยๆ จนถึงร้านขายยาสมุนไพรไทยจีนญวนเช่น ยาลดพุงกะทิ ยาแก้ไข้ ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีใบมะรุมตากแห้งอยู่ริมถนนหน้าบ้าน เพื่อใช้ประกอบตามตำรา
ติดใจกันมากก็ร้านขายก๋วยเตี๋ยวทะเล ราคาถูก วัสดุที่ใช้สด ใหม่ และน่ากิน แต่ไม่ได้กิน บางคนถึงกับกล่าวตคำอาฆาตเอาไว้เลยทีเดียว มาครั้งหน้าต้องไม่พลาด
ร้านขายยาสมุนไพรในถนนคนเดินริมน้ำ
บนถนนสายเก่าแก่แห่งริมน้ำจันทบูรแห่งนี้มีวัดญวนให้ชมศิลปะการประดับมุกที่ประตูและบานหน้าต่างของอุโบสถ แล้วก็ยังได้เดินไปชมแม่น้ำจันทบุรีที่ไหลผ่าน ข้ามสะพานไปชมอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ซึ่งมีอายุกว่าร้อยปี และได้ชื่อว่าเป็นอสนวิหารที่สวยที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ชมรูปหล่อเงินแท้บริสุทธิ์ประดับด้วยอัญมณีแซฟไฟร์ถึง 20,000 กว่ากะรัต กว่า 200,000 เม็ด
ประตูอุโบสถวัดญวนประดับมุก
รูปปั้นพระแม่มารีอานิรมล
หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับกรุงเทพมหานครโดยไม่ลืมที่จะแวะซื้อหาผลไม้ดังๆของจันทบุรีที่บ้านเนินสูงริมถนนสายจันทบุรี-แกลง วันนี้โลกวิวัฒนาการไปไม่หยุดยั้ง จากระกำเปรี้ยวอมหวานกลายเป็นสละเนินวงศ์รสกหวานอมเปรี้ยว
แต่วันนี้เป็นสละสุมาลีรสหวานหอมชวนกินไปเสียแล้ว สนนราคาสมกับเดินทางมาชิมจนถึงเมืองจันทบุรีนั่นแล