ล่องแพแม่กลองเมื่อปลายฝนต้นหนาว
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
คนอุ้มผางช่างโชคดี มีทรัพยากรป่าไม้สร้างสรรค์ให้ธรรมชาติสวยงาม ทำให้เกิดน้ำตกใหญ่ที่สุดในประเทศไทยชื่อ ทีลอซู มีทะเลหมอกให้ชมได้ที่ดอยหัวหมดใกล้ๆเพียง 10 กม. มีแม่น้ำแม่กลองใช้ล่องแพยางได้ตลอดปี มีท่าลงแพยางห่างเพียง 1.5 กม. นอกจากนั้นยังมีผู้คนที่เป็นชนเผ่ากะเหรี่ยงซึ่งรักความสงบ ซื่อสัตย์ มีภาษาพูด ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและความเชื่อที่งดงาม
บรรยากาศปลายฝนต้นหนาวหมอกเริ่มโรยตัวตอนเช้าๆ
ด้วยทรัพยากรท่องเที่ยวอันล้ำค่าดังกล่าว จึงทำให้เกิดการท่องเที่ยวขึ้นในพื้นที่ที่เคยมีแต่ป่ากับป่า มีผู้คนเดินทางเข้าออกอุ้มผางไม่เว้นแต่ละวัน เกิดธุรกิจที่พักแรมทาง แรกก็สร้างกันง่ายๆด้วยวัสดุที่หามาได้ตามชนบท เมื่อความต้องการมีมากขึ้นก็ต้องพัฒนาการกันเพิ่มขึ้น แม้การเดินทางมาถึงอุ้มผางได้ต้องฟันฝ่าหนทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดถึง 1,219 โค้ง
หาดทรายใช้เป็นท่าปล่อยแพยาง
ในที่สุดคำว่าอุ้มผางกลายเป็นความรู้สึกท้าทาย บ้านป่าเมืองดอยแสนไกล ถนนหนทางไปยากเดินทางแต่ละเที่ยวเหนื่อย แต่เมื่อไปถึงแล้วได้ไปท่องเที่ยวตามรายการยอดฮิตติดอันดับนั่นคือ เช้ามืดไปเฝ้ารอบนยอดดอยหัวหมดเพื่อชมทะเลหมอกสวยๆ หลังอาหารเช้าไปล่องแพยางที่ต้นแม่น้ำแม่กลองที่ไหลพาดผ่าน ขึ้นจากแพยางก็เดินทางต่อไปชมน้ำตกทีลอซู อลังการสวรรค์สร้างให้กับชาวอุ้มผาง
แต่ขวดเหล้าเบียร์เหล่านี้มนุษย์ขี้เหม็นสร้าง
ในที่นี้จะกล่าวเพียงการล่องแพยางทั้งๆที่เคยล่องมาแล้วเมื่อเดือนมีนาคมฤดูร้อนแล้งที่ผ่านมานี่เอง แต่ครั้งนี้ได้มากับเพื่อนกลุ่มใหม่ ได้มาในช่วงเวลาที่แตกต่างคือปลายฝนต้นหนาว ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างคือมีปริมาณน้ำในแม่กลองมากกว่า น้ำจึงไหลแรงกว่า สภาพป่าไม้สองข้างทางเขียวครึ้มไปตลอดการท่องล่องแพยาง อากาศเย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าวอย่างคราวก่อน
แพยางซ้อนบนรถกระบะนำเที่ยว
เสียงหัวเราะ ใบหน้าที่แย้มยิ้ม อาการตื่นเต้นเห็นชัดเจน ด้วยว่านักท่องเที่ยวค่อนข้างมีอายุ ส่วนใหญ่วัยเกษียนราชการแล้ว มีนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษามาจากโรงเรียนในท้องถิ่น ครูพามา ดูจะสงบเสงี่ยมกว่ากลุ่มไหนๆ เจ้าของรีสอร์ทที่พักแรมยังจ้างรถยนต์ขนแพยางและนักท่องเที่ยวมาลงท่าเดิม แต่บรรยากาศรายรอบมีหมอกลงจางๆเปลี่ยนไปจากหน้าร้อนจ้า
คณะครูดอยหลอกเด็กดอยมาล่องแพยางกลางน้ำ 55
ผมเห็นคณะครูยืนเข้าแถวริมชายหาดก็อดเย้าไม่ได้ว่า นี่เองครูหลอกเด็กบนดอยมาลงน้ำอันหมายถึงมาล่องแพ เพียงประโยคเดียวคณะครูและนักเรียนก็หัวเราะขำกัน น่ารักด้วยบรรยากาศที่สดใสหัวใจเริงร่า อยากท้าทายกับการลงล่องแพยางครั้งแรกของนักเรียนชาวกะเหรี่ยงจากบนดอย 5555 ผมดีใจที่เห็นพัฒนาการของโรงเรียนช่วยให้ประสบการณ์แก่เด็กๆจากของจริง ที่ไม่เคยสัมผัสก็ได้สัมผัส เด็กๆดูตื่นเต้นแต่มีความสุข
ดูเอาเถอะรุ่นไหน ฮา บางคนพกลูกมาด้วย
พอแพยางลำแรกไหลออกจากท่าเสียงโห่ฮาป่าก็ดังขึ้น เรือยางของกลุ่มเพื่อนอำนวยศิลป์ของผมเอง เกษียนราชการกันหมดทั้งแพอายุเฉลี่ย 64 ปี หัวเราะเต็มๆด้วยใบหน้าสุขสม ใช่ว่าแก่แล้วจะสนุกไม่ได้ ทุกคนยังมีอารมณ์รื่นเริง มีความว่องไวเคลื่อนไหวได้กระฉับกระเฉงที่สำคัญทุกคนมีเงินมากพอที่จะไปท่องเที่ยว(กลุ่มนี้ใหญ่มากๆ) ดูรูปเอาเถอะครับ
เพื่อนร่วมรุ่น อนศ.ของผมที่มาพบกันที่นี่
นายท้ายเรือและหัวเรือยางยังเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายของโรงเรียนอุ้มผางวิทยาที่อยากทำงานหารายได้ในวันว่างวันหยุด เป็นเด็กหนุ่มที่ผมเคยสัมผัสมาแล้วแต่คนละคนกัน อุ้มผางมีประสบการณ์ด้านอาชีพสั่งสอนให้เยาวชนคนขยันได้เรียนรู้ ได้เงินช่วยตนเองและครอบครัว ต่อไปอาจกลายเป็นอาชีพนำเที่ยวก็เป็นไปได้ไม่ยาก
แพยางไหลล่องไปตามกระแสน้ำที่ไหลแรงกว่าหน้าร้อนแล้ง แพจึงเคลื่อนไปค่อนข้างเร็วโดยนายท้ายและนายหัวเพียงช่วยกันคัดแพ แล้วก็เล่าให้นักท่องเที่ยวฟังว่าถึงตรงไหนเรียกว่าอะไร “โน่นคือผาตั้งครับ ที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะหน้าผาตั้งฉาก 90 องศา” ผมอดหัวเราะไม่ได้ ก็ใช่ซิ หน้าผามันตั้งจริงๆ
พอถึงหน้าผาที่เรียกว่าทีลอเล นายท้ายก็ชี้ชวนให้ดูตะไคร่น้ำเกาะแผ่นผาเขียวขจีแสดงว่ามีน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสม่ำเสมอ เฟิร์นขึ้นดกรกจนงามตา แต่ชั่วพริบตาแพยางก็ไหลเลยไป ไม่ทันจะได้ถ่ายรูปซ้ำอีกสักสองสามรูป ผมพยายามจะหันหลังกลับไปถ่ายแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว นายท้ายเรือชี้ให้ชมเบื้องหน้าต่อไป 5555
สายน้ำ ใบไม้ แสงแดด โขดหิน ตะไคร่น้ำ งามเน๊าะ
เบื้องหน้าเป็นน้ำตกที่มีเพียงสายน้ำเป็นริ้วๆแผ่กระจายไปตามแมกไม้ แสงแดดที่ส่องกระทบทำให้เกิดเงาสลับกับใบไม้เขียวสดใสภายใต้แสงเช่นนี้ ถ่ายรูปออกมาจึงสวยสมใจ มีแพยางลำหนึ่งไหลไปตามน้ำเกือบเข้าไปในรัศมีที่น้ำตกลงมา ผมรีบกดชัตเตอร์ได้ภาพนี้มาอวด แม้จะไม่ได้จังหวะที่”เป๊ะ”
แพยางล่องลอยตามน้ำจนถึงจุดที่เป็นไฮไลท์ที่สวยสุดๆ นั่นคือ”น้ำตกทีลอจ่อ” เป็นหน้าผาที่รกเรื้อไปด้วยเถาวัลย์พันธุ์ไม้ป่านานาชนิด แต่มีน้ำตกไหลพรูลงมาแตกกระจายเป็นพรายน้ำ แสงแดดช่วงสายของวันนั้นตกกระทบจนเกิดเป็น”สายรุ้ง” เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่าน้ำตกสายรุ้งนั่นเอง วันนี้โชคดีแดดดีมีรุ้งสองเส้นให้แปลกตา เสียงคุยดังด้วยความตื่นเต้นและตื่นตา
นายท้ายยางแต่ละลำเทียบกันจอดเอให้นักท่องเที่ยวได้ชมน้ำตกสายรุ้งนานกว่าที่อื่นๆ ใบหน้าแต่ละคนยิ้มร่าด้วยความสาสมใจ
“สวยจังโว๊ย” เพื่อนรุ่นหนุ่มตะดกนขึ้น
“สวยจริงๆ” เป็นเสียงผู้หญิงหวานใสใบหน้าผ่องผุดอุทานขึ้น
“โอ้โฮ ไม่เคยเห็นที่ไหนเลยในโลกนี้” ท่าทางจะเคยไปเที่ยวมาทั่วโลก
“น้ำตกสายรุ้งจะเกิดช่วงเช้าถึงสายจัดๆครับ แต่ถ้าแดดไม่สวยก็จะไม่เกิด วันนี้โชคดีมากๆเลยครับเกิดรุ้งสองสาย” นายท้ายอธิบายรายงานเสียงเจื่อยแจ้ว เสียงกดชัตเตอร์ดังแช๊ะๆๆ ผมเองก็ไม่สนใจใคร ถ่ายแต่รูปและเหลียวไปดูสภาพแวดล้อมเพื่อเก็บอารมณ์ของนักท่องเที่ยวเก็บบรรยากาศมาเล่าสู่กันอ่าน ไม่เชื่อผมก็ต้องลองไปสักครั้งหนึ่งในชีวิตพิชิต1,219โค้งจ้า
ผ่านนาทีที่แสนสวยไปแล้วก็ใช่ว่าจะหมดไปซะทีเดียว ผ่านหน้าผาที่ชะโงกง้ำเข้ามาในลำน้ำแม่กลอง ผมเห็นสายน้ำตกลอดลงมากระทบแสงแดด แต่ไม่มีรุ้งกินน้ำมีแต่รากไม้ไหลลงมาตามพรายน้ำใสๆ ตัดกับเงาดำทึมๆของเพิงผา ก็ได้รูปมาอวดอีกมิติหนึ่ง บางทีถ้าท่านผ่านจุดนี้แล้วมีแพยางลอดสักลำ องค์ประกอบภาพก็จะสมบูรณ์ขึ้น
คุณวี-แจน สองสามีภรรยามาเที่ยวก็สุขสมใจ
แพยางล่องไปตามสายน้ำ สองฝั่งเป็นป่าเขาต้นยางต้นตะเคียนใหญ่ๆยังมีเหลือให้เห็น ต้นไผ่ขึ้นรกไปทั่ว ไม้เลื้อยระโยงระยางค์ รู้จักเพียงบางชนิดเช่นเถากระไดลิง หรือเถากวาวเครือแดง ใบย่อยสามใบไต่พันไปตามกอไผ่ แมกไม้ที่เห็นในฤดูนี้เขียวขจีไปทุกต้น เพราะว่าเป็นฤดูปลายฝนต้นหนาวนี่เอง
ความสุขหลังเกษียนของเพื่อนๆ
นายท้ายคัดแพเข้าเทียบท่า “ถึงแล้วครับครึ่งทาง ขึ้นไปกินไข่เผา น้ำขิงร้อนๆและถ่ายปัสสาวะครับ อ้อ ไปแช่น้ำอุ่นได้ด้วยครับ”
เหมือนได้เข้าปั้มไปผ่อนคลายหลายๆอย่าง เสียงหยอกล้อกันว่ามี“เซเว่นป่า”แต่พอขึ้นไปแล้วก็ได้เห็นห้องสุขาที่ใช้ไม้ไผ่สร้าง รอคิวกันตามระเบียบ คนที่เรียบร้อยก็เดินไปที่เซเว่นป่า เลือกชิมเลือกซื้อดื่มกินกันด้วยอารมณ์รื่นเริง เสียงหัวเราะเคล้าด้วยรอยยิ้มดูช่างมีความสุข ของว่างมีทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง”ม้ากระทืบโรง” “น้ำขิงร้อนๆ” และไข่ต้มสุก นอกจากนั้นก็มีมันเผือกเผาหอมกรุ่น ทุกอย่างดูเป็นบ้านป่าเมืองดอย ชวนสัมผัสเชียว
แดดสวยคนสวยขอถ่าย อิอิ
ได้เวลานายท้ายมาเชิญไปลงเรือ แล้วก็ลอยไปตามกระแสน้ำ บรรยากาศป่าๆเหมือนเดิม แต่มีนักท่องเที่ยวที่เป็นสาวต่างชาติ ก็รู้สึกว่าน่ารื่นรมย์ขึ้น ได้ทดสอบภาษาอังกฤษกันเล็กน้อย รอยยิ้มของสาวออสเตรียดูมีความสุข แพยางไหลไปเรื่อยๆแต่อารมณ์ของคนนั่งไม่ได้เรื่อยๆตามไปหรอกหยอกล้อต่อกระซิกกันไป ข้ามไปยังเรือลำอื่นเอาด้วย
ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าผาเลือด แพยางเทียบท่า นักท่องเที่ยวเดิยขึ้นฝั่งบ้างก็เดินเลยไปยังลาดกางเต็นท์ของหน่วยบ้างก็ยังอ้อยอิ่งถ่ายรูปกันสนุกสนาน มีแต่เด็กนักเรียนที่เงียบอาจจะนึกในใจ “เฮ้อ โล่งอกรอดตกน้ำตายแล้วฮา” อยู่หรือเปล่า หรือว่ากลัวครูจะดุ หรือว่ากะเหรี่ยงเขาไม่มีอารมณ์ขำขัน ผมน่ะอยากเห็นรอยยิ้มและฟังเสียงหัวเราะตามวัย เลยงง!!
ชมภาพและอ่านเรื่องเล่าจากชาวดงคนนี้แล้ว ตัดสินใจกันเสียว่า อยากจะไปล่องแพยางที่แม่น้ำแม่กลอง อำเภออุ้มผาง พิชิต 1,219 โค้งกันไหม หน้าหนาวอากาศเย็นสบายดี มีทะเลหมอกดอยหัวหมดทุกวันรอท่านอยู่และแพยางที่ใช้เวลา 2 ชั่วโมงสุขสันต์
อ้อ การเดินทางไปครั้งนี้ผมไปกับททท.ตากร่วมกับบริษัทฟูจิทัวร์ เขาพาไปพักแรมที่ อุ้มผางบุรี รีสอร์ท นะจ๊ะ นะจ๊ะ
โชคดีได้พบ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวอุ้มผาง คุณสมาน หงษ์ยิ้ม เจ้าของอุ้มผางแคมปิ้งท่องเที่ยว ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ขอให้มาเที่ยวอุ้มผางหนาวนี้กันเยอะๆ มาล่องแพยางชมน้ำตกสายรุ้ง เช้าๆไปทะเลหมอกดอยหัวหมด และไปดูความอลังการธรรมชาติสร้างของน้ำตกทีลอซู รับรองไม่ผิดหวัง ตามนิสัยและพฤติกรรมของสื่อ เจอแหล่งข่าวละก้อเหมือนเจอเนื้อสมันเชียวแหละคร๊าบ