ท่องทะเลบัวแดงที่หนองหาน
อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
อนุสนธิจากการเดินทางไปท่องเที่ยวภาคอีสานกับสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวกองทัพบก และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) โดยนอนค้างที่จังหวัดขอนแก่น เช้ามืดจึงออกเดินทางไปท่องทะเลบัวแดงที่หนองหาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี โดยมีกำหนดการว่าต้องไปท่องทะเลบัวแดงระหว่างเวลา 07.00-11.00 น.เท่านั้น ถ้าไปช้ากว่านี้ ดอกบัวแดงจะหุบกลีบหมดงามทันที
นายธวัชชัย อรัญญิก รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
รถบัสทหารพาพวกเราไปถึงท่าเรือวัดพระธาตุบ้านเดียม แบ่งกลุ่มเพื่อลงเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์หางยาว ลำละ 5-7 คนอัตราค่าโดยสารลำละ 500-700 บาท ใช้เวลาในการแล่นไปชมดอกบัวแดง 1.30 ชม. เรือท้องแบนเหล่านี้ปักธงสารพัดสี มีหลังคาป้องกันแดดและฝนได้ นายท้ายเรือเป็นชาวบ้านพื้นถิ่น หนองหานกว้าง 22,500 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่น้ำสองตำบลคือตำบลเวียงคำและตำบลเชียงแหว ประกาศเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำของจังหวัดอุดรธานี
ทรัพยากรในหนองหานประกอบด้วยวัชพืชน้ำหลายชนิดเช่นต้นเทียนฤาษี สาหร่ายหางกระรอก ต้นพงต้นอ้อ จอก แหน ผักตบชวา และที่มีมากมายจนแทบตะลึงตึงๆคือ บัวแดงหรือบัวสาย ซึ่งมีหัวคล้ายเผือกอยู่ใต้น้ำในดินเลนหรือดินโคลน แตกก้านใบยาวจนพ้นเหนือน้ำ เช่นเดียวกับก้านดอกที่ชูขึ้นพ้นน้ำ แล้วเบ่งบานตระการตา เป็นดอกบัวแดง
พอเห็นดอกบัวแดงหรือดอกบัวสาย ผมก็อดนึกถึงเมื่อแม่ให้ไปเก็บสายบัวมาจากทุ่งนาหน้าน้ำ แล้วก็ต้องมานั่งลอกเยื่อจากสายบัวออกจนเกลี้ยง หลังจากนั้นก็เด็ดให้ขาดเป็นท่อนสั้นๆพอคำ เพื่อให้แม่แกงคั่วใส่ปลาตะเพียนบั้งก้าง หรือใส่กุ้งสด ถ้ามื้อไหนได้กินแกงสายบัวมื้อนั้นผมกินสองชาม อร่อยที่สุด
แต่วันนี้ผมนั่งเรืออกมากลางหนองหาน ท่ามกลางดอกบัวที่บานสะพรั่ง ไม่รู้ว่ามีกี่หมื่นกี่แสนดอก ขนาดว่ามีมากอย่างนี้ นายท้ายเรือยังบอกว่า เดือนหน้าจะมีมากยิ่งกว่า แต่ในเดือนมีนาคมก็จะไม่พบอีกเลย หากจะเดินทางมาชมทะเลบัวแดงจึงต้องมาระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ดีที่สุด เพื่อนร่วมเรือถ่ายรูปกันแทบไม่ได้หยุดพัก
เรือแล่นไปช้าๆ ฝ่าสายลมและแสงแดดอ่อนๆ ยังไม่เข้าหน้าหนาวเต็มที่ และแดดก็ยังส่องสว่างไร้หมอกเหมย การถ่ายรูปในแสงอย่างนี้จึงควรได้ภาพสดใสสวยงามไม่น้อย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตากล้อง แสงที่สาดส่อง กรรมวิธีในการถ่าย จุดที่ถ่ายรูปได้จังหวะหรือเปล่า องค์ประกอบภาพจะกำหนดได้งดงามหรือไม่ ที่แน่นอนเลย เรือนิ่งเพียงใด เพื่อนร่วมเรือนิ่งขนาดไหน ถ้าโคลงไปทางนั้นทีทางนี้ทีก็เอวัง ภาพอาจจะไหว
ขบวนเรือท่องทะเลบัวแดงวันนั้นมีมากกว่า 10 ลำ แรงเคลื่อนไหวของเรือทำให้เกิดแรงเขยื้อน บางทีกำลังจะกดชัตเตอร์ แต่เกิดเอียงขึ้นทันที ภาพที่ได้ก็อาจจะไหวหรืออาจจะเบลอ โดยเฉพาะภาพที่จะซูมมาจากระยะค่อนข้างไกล แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้กติกาแล้วจึงพยายามทำให้เคลื่อนไหวน้อยที่สุด
ถ่ายภาพกันจนหนำใจจึงยอมให้เรือเคลื่อนกลับ แต่นึกกังขาว่าทำไมเรือไม่แล่นเลยแพหนึ่งไป ได้ความว่า เป็นเขตพื้นที่ที่อยู่ในท้องที่ตำบลเวียงคำ ส่วนอีกส่วนหนึ่งอยู่ในเขตตำบลเชียงแหว แบ่งปันกันใช้ประโยชน์ จึงไม่ได้เลยเข้าไปจนสุดบึงหนองหาน ประชาชนสองตำบลนี้แบ่งพื้นที่บึงหนองหานตามขอบเขตการปกครอง เพื่อผลประโยชน์ของแต่ละตำบล
ข้อมูลจำเพาะ บัวสายหรือบัวแดง
ชื่อสามัญ : Water lily ชื่อวิทยาศาสตร์ :Nymphaea lotus L.
ชื่อวงศ์ : NYMPHAEACEAE
ตากล้องมือโปรเกิดคราวนี้ที่หนองหาน
ลักษณะทั่วไป
เป็นพืชน้ำ มีลำต้นใต้ดินคล้ายหัวเผือก ใบเป็นใบเดี่ยวรูปเกือบกลม ฐานใบหยักลึก ขอบใบจักแหลม ใบออกสลับถี่ลอยบนผิวน้ำเรียงเป็นวง ดอกเป็นดอกเดี่ยว
ขนาดใหญ่ มีก้านชูดอกยาว ดอกชูเหนือน้ำ มีกลีบเลี้ยง 4 กลีบ กลีบดอกรูปรีแกมไข่จำนวนมาก เรียงซ้อนกันหลายชั้น ผลกลมมีเมล็ดเล็ก ๆ จำนวนมาก บัวสายมีหลายชนิด มีชื่อ
เรียกต่างๆ กัน ตามสีดอก ขนาดดอก และลักษณะพิเศษอื่นๆ
พล.ต.ปวริศ แจ่มสว่าง ยิ้มเริงร่า
การปลูก
บัวสายเป็นไม้น้ำที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในโอ่งมังกร หรือในบ่อน้ำ วิธีปลูกทำได้โดยผสมดินและปุ๋ยคอกใส่ลงในกระถาง นำบัวลงมาปลูกในกระถาง ใช้
ดินเหนียวหรือดินท้องนากลบทับเพื่อป้องกันดินและปุ๋ยคอกลอยขึ้นมา หลังจากนั้นก็นำไปวางในโอ่งปากกว้างใส่น้ำให้เต็ม ในกรณีที่ปลูกในบ่อ/บึงหรือในท้องนา ต้องนำหน่อที่แยกออกมาปักดำลงไปในดิน บัวเป็นพืชที่ชอบแดด การใส่ปุ๋ยใช้ปุ๋ยสูตร 16-20-0 หรือ 15-15-15 ประมาณ 1 ช้อนชา ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์นำไปฝังบริเวณใกล้ราก โดยใส่ปุ๋ยประมาณ 2 ช้อนชาต่อเดือน
ดอกบัวแดงหนาแน่นไปทั่้ว
คุณค่าทางอาหารและยา
ในสายบัว 100 กรัม จะพบแคลเซียม 8.00 มิลลิกรัม วิตามินซี 15 มิลลิกรัม ที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันของเราให้แข็งแรง และมีสารเบต้าแคโรทีน ที่ต้านโรคมะเร็งในลำไส้ สรรพคุณยาไทย บัวสายมีรสจืด ช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกาย การปลูกสายบัวรับประทานเอง คงทำได้ยากเนื่องจากบัวกินสายต้องปลูกในน้ำลึกมาก ๆ จึงจะได้สายบัวอวบอ่อน น่ากิน บัวสาย
ตำนานโบราณเกี่ยวกับหนองหานที่เล่าขานกันมาตั้งแต่โบราณ กล่าวไว้ว่า
นางไอ่เป็นธิดาของพระราชาเมืองขอม ซึ่งมีสิริโฉมงดงาม เป็นที่หมายปองของเจ้าชายเมืองต่าง ๆ มีอยู่ปีหนึ่ง เมืองขอมประสบปัญหาฝนแล้ง เจ้าเมืองขอมจัดการแข่งขันบั้งไฟ และมีการจุดบั้งไฟเพื่อเสี่ยงทายขอฝน และหากบั้งไฟของใครขึ้นสูงที่สุด จะยอมยกธิดา คือนางไอ่คำ ให้เป็นภรรยา มีเจ้าชายจากนครต่าง ๆ เข้าแข่งขัน รวมทั้งท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง
บางจุดก็ขึ้นกระจายกันดี
ฝ่ายท้าวภังคี โอรสของพญานาค ในนครบาลดาล ทราบข่าว ก็ยกพลพญานาคปลอมตัวเป็นคนเข้ามา เข้าแข่งขันด้วย บั้งไฟของพญานาคภังคีไม่ชนะ แต่เมื่อภังคีได้ยลโฉมนางไอ่คำก็ไม่สามารถจะถอนใจรัก ได้จึงปลอมตัวเป็นกระรอกเผือกมาในสวนดอกไม้ของนางไอ่คำ ด้วยเคราะห์แต่ชาติปางก่อน นางไอ่คำเกิดคิดวิปริต ต้องการบริโภคเนื้อกระรอกเผือก จึงสั่งให้นายพรานตามล่ามาปรุงอาหาร และนายพรานก็ยิงกระรอกเผือกได้ ก่อนตายได้อธิษฐานว่า ใครก็ตามที่ได้บริโภคเนื้อของตนจงจมน้ำตายในบาดาล นางไอ่คำได้นำเนื้อกระรอกมาปรุงอาหาร และแจกจ่ายเนื้อกระรอกไปทั้งเมือง ในคืนนั้นเองเกิดพายุฝนแผ่นดินไหว น้ำท่วมพัดพาผู้คนลงสู่หนองหานและท้องบาดาล ท้าวนาคราชบิดาของภังคี โกรธที่โอรสถูกฆ่า จึงพานาคจากเมืองบาดาลมาอาละวาดถล่มเมืองขอมจนสิ้น ส่วนท้าวผาแดง เมื่อเห็นเมืองขอมถล่มได้พานางไอ่คำขึ้นม้าควบหนีไปทางทิศเหนือ หนีน้ำและบรรดาพญานาคที่ตามพ่นไฟไล่หลังมา วิญญาณแค้นของภังคีได้วนเวียนมาทวงความแค้นกับผาแดงนางไอ่ตลอดมาทุกชาติ ๆ
บริเวณที่พวกนาคถล่มจมพื้นบาดาล ได้กลายเป็นหนองหาน ณ ปัจจุบัน อยู่ในจังหวัดอุดรธานี เป็นต้นลำน้ำปาว มีเกาะต่าง ๆ ที่เหลือจากการล่ม คือ เกาะเกษ ดอนสวน ดอนเตา ดอนดินจี่ ดอนแอ่น และดอนหลวง มีสถานที่เป็นทางผ่านของผาแดง นางไอ่ เช่น ห้วยพ่นไฟ ห้วยสามพาด ห้วยน้ำฆ้อง ห้วยกองสี ฯลฯ
ประชาชนรอบ ๆ หนองหาน ได้สร้างเจดีย์ วัด และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณผู้ที่ประสบเคราะห์กรรมจมน้ำตายในครั้งนี้ ได้แก่ พระธาตุเชียงแก้ว พระธาตุดอยหลวง พระธาตุบ้านเดียม พระธาตุจอมศรี พระมหาธาตุเจดีย์(พระธาตุดอนแก้ว) ศาลท้าวผาแดง เป็นต้น