สวนป่าเกริงกระเวีย2.
แสงอรุโณทัยที่ปลายสะพาน
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
เวลา 04.10 น.รถตู้ออกจากบ้านพักบนดอยสูงของสวนป่าเกริงกระเวีย มุ่งหน้าไปยังอำเภอสังขละบุรี เพื่อไปชมแสงอรุโณทัยที่ปลายสะพานไม้ หรือสพานมอญ ฝั่งตลาดสังขละบุรี อากาศยามเช้ามืดเย็นสบายแต่ลมแรงจึงต้องเปิดแอร์รถยนต์ ระยะทาง 67 กม.ใช้เวลาเดินทางราวๆ 1ชม 15 นาที ไม่ไกลที่จะไปเยือน
ทำวัตรเช้า(มืด)วัดเสด็จ สังขละบุรี
ก่อนเลี้ยวเข้าตลาดสังขละบุรี มีวัดเสด็จตั้งอยู่ริมถนน พระสงฆ์และสามเณรกำลังทำวัตรเช้ากันอยู่ เห็นแล้วก็รู้สึกประทับใจ จึงขอลงไปถ่ายรูปเก็บไว้ พี่น้องชาวรามัญ หรือชาวมอญ เคร่งศาสนาพุทธมากเป็นพิเศษ เป็นความงดงามที่หาได้ยากจากหลายๆชนเผ่า ใช้เวลาราวๆ 10 นาที จึงเดินทางต่อไปยังปลายสะพานไม้ฝั่งสังขละบุรี
มุมเจดีย์และหน้าจั่วโบสถ์ในม่านหมอก
รถตู้ต้องจอดหน้ารีสอร์ทสามประสบ แล้วเดินลงไปตามทางลาดเทถึงลานแคบๆที่คอสะพาน มีร้านขายกาแฟตั้งอยู่ 2-3 ร้าน ร้านขายอาหารชุดสำรับใส่บาตรพระสงฆ์อีก 2 ร้าน
ถามแม่ค้าว่า“พระสงฆ์จะเดินมาจากทางไหน” ก็ได้คำตอบว่า วันปกติพระจากวัดกระเหรี่ยงจะเดินมาทางสะพานไม้โน่น แล้วก็ชี้ให้เห็น
สะพานมอญ(ไม้)ในช่วงเวลาแสงทไวไลท์(แสงสีน้ำเงิน)
“ส่วนพระมอญจากวัดวังวิเวกการาม จะออกบิณฑบาตบนสะพานมอญหลวงพ่ออุตตะมะ ต้องเป็นวันนักขัตฤกษ์ทางพุทธศาสนาเท่านั้น” ฟังแล้วก็รู้ว่าชวดแน่ ไม่ได้พระสงฆ์เป็นองค์ประกอบภาพสะพานมอญที่ทอดยาวเบื้องหน้าแน่แล้ว
ครั้นถามว่า “พระจะออกบิณฑบาตตอนไหนล่ะจ๊ะ” ก็ได้คำตอบว่า “เมื่อมองเห็นลายมือ” ยามนั้นเวลา 05.25 น. อีกไม่กี่นาที ท้องฟ้าจะเปลี่ยนสีที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่กล้องถ่ายรูปสามารถบันทึกไว้ได้ แสงสีน้ำเงิน แสงทไวไลท์ ยามรุ่งอรุโณทัย
สะพานมอญในแสงอรุโณทัยในนาทีแสงสีน้ำเงิน
“มาแล้วๆ” แซงค์ ธนะชัย ศรีแสง บก.นิตยสารดารายุคใหม่ เซียนเรื่องถ่ายรูปแสงทไวไลท์ ร้องบอกกล่าว ทุกคนตั้งกล้องจดจ้องถ่ายรูปกันตามแต่มุมมองของแต่ละคน องค์ประกอบภาพตามประสงค์ เป็นช่วงเวลาเพียง 10 นาที เท่านั้นที่เกิดปรากฎการณ์เช่นนี้ อันเป็นจุดมุ่งหมายหลักในการเดินทางมาเยี่ยมเยือนสะพานมอญเช้านี้
ภาพปลายนาทีแสงทไวไลท์
พอพ้นช่วงเวลา 10 นาทีทอง ก็หันไปสั่งกาแฟร้อนๆมาดื่มกัน บนสะพานมอญทอดยาวสุดขอบฝั่งแม่น้ำซองกาเรียนี้ พี่น้องมอญจากบ้านวังกะบ้าง จากฝั่งตลาดสังขละบุรีบ้าง เดินข้ามไปมากันเหมือนเป็นชีวิตประจำวันของเขา บางคนเดินมาหาซื้อเครื่องใช้ไม้สอย บางคนมาเดินออกกำลังกาย บางคนเทินหัวด้วยถาดดอกไม้แล้วเดินไปขายของที่ตลาด
ภาพหลังนาทีแสงทไวไลท์
“พระมาแล้วจ้า” แม่ค้าขายกับข้าวถุงพลาสติกร้องบอก ท่านเดินมาจากปลายสะพานไม้อีกสะพานหนึ่ง นักท่องเที่ยวในคราบนักบุญเตรียมจตุปัจจัยใส่บาตร เป็นวัฒนธรรมสวยงามของชาวพุทธ ทั้งพี่น้องมอญอพยพและพี่น้องไทยกลางที่เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองสังขละบุรี
สะพานไม้พระกระเหรี่ยง
สาธุ
หลังจากถ่ายภาพพระบิณฑบาตแล้ว ก็นั่งสั่งกาแฟมาดื่มกันต่อ ภาระกิจการเดินทางมาถ่ายรูปที่ปลายสะพานไม้ หรือสะพานมอญ จบสิ้นลง ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป ก็จะไปหาอาหารเช้ากินได้ที่ตลาดแล้วท่องเที่ยวต่อได้ แต่ด้วยว่าพวกเรานั้นเป็นกลุ่มสื่อมวลชน จึงมีนัดกินข้าวต้มบนดอยกลางพงไพร ก็เลยจำใจต้องจากลา
สะพานมอญหรือสะพานไม้หลวงพ่ออุตตะมะ
ร้านกาแฟริมลานแคบๆคอสะพานมอญ
จากคอสะพานมอญ (ไม้) ฝั่งตลาดนี้ ได้เห็นเรือนแพลอยฟ่องอยู่กลางสายน้ำ จะกี่สิบกี่ร้อยแพไม่ได้นับจำนวน แต่ดูจากสภาพแล้วน่าจะเป็นแพอยู่อาศัยของพี่น้องชาวมอญที่หากินด้านการประมง บนแหลมฝั่งตรงข้ามจะมองเห็นบ้านเรือนปลูกเต็มพื้นที่ โดยมีองค์มหาเจดีย์พุทธคยาตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ซึ่งพระเกจิอาจารย์ชื่อดังชาวรามัญ หลวงพ่ออุตตะมะ เป็นผู้สร้างขึ้น ให้เป็นประหนึ่งตัวแทนของเจดีย์พุทธคยาแห่งอินเดีย เป็นพุทธบูชาที่ยิ่งใหญ่อลังการ
ได้เห็นมหาเจดีย์พุทธคยาเด่นเป็นสง่า
ราวๆ 07.30 น. รถตู้ก็ออกเดินทางกลับ ขากลับนี่เองได้ภาพบ้านอิงดอยในม่านหมอกมาฝาก แล้วก็ได้ภาพพระสงฆ์ชาวรามัญออกบิณฑบาตรไปตามถนนหนทาง เมื่อรถไปถึงสวนป่าเกริงกระเวีย ทันไปรับประทานอาหารเช้าบนดอย แสงแดดยามเช้ายังอ่อนระแน้ ชวนให้นั่งตากแดดอุ่นๆได้ต่อไป
ทิวทัศน์จากศาลาที่คอสะพานฝั่งตลาด
วิถีชีวิตพี่น้องมอญอพยพบนสะพานมอญ
หลังอาหารและสัมภาษณ์หัวหน้าสวนป่าเสร็จสิ้น ก็ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม ด้วยการถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน เป็นหลักฐานว่ามีใครมาร่วมงานครั้งนี้บ้าง แต่ละคนมีหน้าที่อย่างไร จะได้ติดตามถามหาเรื่องและรูปที่ไปเขียนลงหรือโพสท์ลงในเว็บไซต์ ใดๆ
บ้านอิงดอยในม่านหมอก
ภาพอย่างนี้ที่สังขละบุรีมีทั้งเมือง
ถ่ายตอนเช้าบนดอยสวนป่าเกริงกระเวีย
คณะสื่อมวลชนที่นำโดย นพ.สุวิทย์ เกียรติเสวี (เดลินิวส์)
สวนป่าเกริงกระเวีย มิใช่มีแต่สวนป่าไม้สักปลูก แต่มีที่พักแรมทางให้นักท่องเที่ยวได้มาแรมคืนได้ พร้อมอาหารบริการ(ถ้าสั่งล่วงหน้า) ติดต่อได้ที่ 034-683450 หรือ www.fio.co.th แหม ได้ไปนอนบนดอยกลางดงพงไพรชื่นใจในบรรยากาศเสียจริงๆ อาหารที่พนักงานสวนป่าทำให้กินแต่ละอย่างอร่อยจริงๆๆ
ประการสำคัญ สามารถไปเที่ยวสังขละบุรี หรือด่านเจดีย์สามองค์ได้ แล้วก็กลับมานอนพักที่นี่ ดียิ่งกว่ารีสอร์ทเสียอีก อีกเดือนกว่าๆก็เข้าช่วงปลายฝนต้นหนาว ไปพักก้ไ้อีกบรรยากาศหนึ่ง แต่ถ้าไปในหน้าหนาวๆ ก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง เลือกได้ตามใจชอบครับ กย-กพ. ดีกว่าหน้าไหนทั้งสิ้น