“ดอกกระเจียวบานแล้ว” ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ชัยภูมิ

“ดอกกระเจียวบานแล้ว”  ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ชัยภูมิ

เรื่อง / ภาพ โดย สุเทพ ช่วยปัญญา

             จังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ขอเชิญร่วมงาน “หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว” งานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงามจังหวัดชัยภูมิ ประจำปี ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2556 ณ อุทยานป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ

งานบุญเดือน 6 ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อพระยาแล

            เดี๋ยว.......ก่อนที่ไปจะดู “ดอกกระเจียวบาน”  ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามผมขอพาไปดู งานบุญเดือน 6 ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อพระยาแล กันก่อนครับ

            ชัยภูมิ เมืองผู้กล้า พญาแล เป็นเมืองโบราณเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยทวาราวดี สมัยขอมเรืองอำนาจ ครั้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหน้าด่าน ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีพระยาแลซึ่งเป็นชาวเวียงจันทน์ ได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก ชาวชัยภูมิให้ความเคารพนับถือยกย่องเจ้าพ่อพระยาแลเป็นอย่างมาก จึงได้ร่วมกันสร้าง อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล) ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2518

            งานบุญเดือน 6 ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อพระยาแล เพื่อถวายบายศรีแด่เจ้าพ่อพระยาแล จะจัดขึ้นในวันจันทร์แรกของเดือนพฤษภาคมของทุกปี รวม 3 วัน 3 คืน ที่บริเวณศาลเจ้าพ่อพระยาแล หนองปลาเฒ่า ตั้งขบวนแห่บายศรีกันตั้งแต่บ่ายโมง เริ่มด้วยขบวนแห่เจ้าพ่อพระยาแลประทับบนหลังช้างเป็นขบวนแรก

             ตามมาด้วยขบวนม้า ขบวนของนายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิคนปัจจุบัน (พ่อเมืองทุกท่านที่มาครองเมืองชัยภูมิ ต้องเข้าร่วมงานบุญเดือนหกกันทุกคน แล้วต้องเดินให้ครบรอบมาจนถึงศาลเจ้าพ่อพระยาแล ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน) ขบวนบายศรีของอำเภอต่างๆที่ตั้งใจทำให้ยิ่งใหญ่และสวยงาม เพื่อนำมาประกวดกันหลังจากขบวนแห่ทุกเข้ามาที่ศาลเจ้าพ่อครบทุกขบวน

             ถึงแม้แดดจะร้อนปานใดก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะทุกคนมาด้วยจิตศรัทธาที่มีต่อเจ้าพ่อพระยาแล ขบวนออกจากที่ว่าการอำเภอเมือง ผ่านอนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล) กว่าจะมาถึงศาลเจ้าพ่อพระยาแลก็มืดค่ำพอดี นับเป็นขบวนแห่บายศรีที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม หาชมได้ยากมีที่ชัยภูมิที่เดียวในประเทศไทยครับ

“มอหินขาว” สโตนจ์เฮนด์เมืองไทย อุทยานแห่งชาติภูแลนคา

                มากันอีกที่ “มอหินขาว” สโตนจ์เฮนด์เมืองไทย อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ใครที่มาเที่ยวในจังหวัดชัยภูมิแล้วพลาดไม่ได้ครับ ต้องมาดูแท่งหินดึกดำบรรพ์อายุประมาณ 200 ล้านปี ไม่ต้องไปไกลถึง “สโตนจ์เฮนด์” ที่อังกฤษดอกครับ แล้วยังหาที่มาที่ไปไม่ได้ด้วยว่า ธรรมชาติหรือมนุษย์สร้างขึ้นมากันแน่ สู้ของเราไม่ได้ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาให้กับเราอย่างแน่นอน ต้องช่วยกันรักษาไว้ให้ดี ด้วยการช่วยกันมาดูมาชื่นชมตามธรรมชาติที่งดงามแปลกตา

         “มอหินขาว” ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูแลนคา บ้านวังคำแคน ต.ท่าหินโงม อ.เมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร อยู่บนเนินเขาประกอบไปด้วยแท่งหินดึกดำบรรพ์ จำนวน 5 แท่ง มีรูปทรงที่แตกต่างกันไป แล้วธรรมชาติจะบรรจงสร้าง ขอแนะนำว่าให้หายที่นอนบริเวณหน้าอุทยานฯ เพื่อจะได้มาชม “มอหินขาว” ในช่วงเช้ามืดมาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยจะดีที่สุด อากาศเย็นสบายถึงแม้จะเป็นฤดูร้อน เดินชมแท่งหินน่าอัศจรรย์ได้อย่างตื่นตาสบายใจ 

 “น้ำตกตาดโตน” อุทยานแห่งชาติตาดโตน

            ไหนๆก็มาถึง “มอหินขาว” แล้วก็แวะเที่ยว  “น้ำตกตาดโตน” เสียด้วยเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการเดินทาง เพราะอยู่ในเส้นทางเดียวกัน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 21 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติตาดโตน ต.ท่าหินโงม และกินพื้นที่อีกหลายตำบล อ.เมือง

          มาแล้วรับรองไม่ผิดครับ เพราะน้ำตกมีน้ำไหลตลอดทั้งปี ไม่เหมือนบ้างน้ำตกที่มีน้ำเฉพาะหน้าฝน ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่ามีการบริหารการจัดการน้ำที่ดี โดยจัดส่งน้ำมาจากเขื่อนลำปาว น้ำตกตาดโตนเป็นน้ำตกชั้นเดียวไม่สูงมากนัก ด้านบนมีธารน้ำกว้างไหลผ่านลานหิน แล้วแบ่งออกเป็น 2 สาย ในผาเดียวกัน ก่อนตกลงสู่แอ่งน้ำด้านล่าง ในอุทยานแห่งชาติตาดโตนนอกจากน้ำตกตาดโตนแล้วยังมีเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ให้ชมผีเสื้อหลากสี อีกด้วย

“ดอกกระเจียวบานแล้ว”  ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม

           ถึงเสียทีทุ่งดอกกระเจียวหลังจากไปเที่ยวงานบุญเดือน 6 มอหินขาว และน้ำตกตาดโตนมา “ดอกกระเจียวบานแล้ว” จริงๆครับ บานเต็มทุ่งเลย ดอกกระเจียวจะบานแค่ 3 เดือนในแต่ละปี คือตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมเท่านั้น นักท่องเที่ยวที่อยากมาชมดอกกระเจียวบานเต็มทุ่ง คงต้องรีบหน่อยครับ ก็ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมนี้แหละครับที่เป็นช่วงที่ดีที่สุดของการชมทุ่งดอกกระเจียวบาน

           “ทุ่งดอกกระเจียว” ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม บนเทือกเขาพังเหย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 800 เมตร ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ทุ่งหญ้าเพ็กเขียวขจี ตัดสลับด้วยดอกกระเจียวสีม่วงขาวระรานตา ที่อยู่ในม่านหมอกยามเช้า มาเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวบานต้องมาแต่เช้าครับ จะได้รับอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย เดินชมทุ่งดอกกระเจียวบาน ผ่านสายหมอกที่พัดมาเอื่อยๆ แหมช่างมีความสุขเสียนี่กระไร

“ลานสุดแผ่นดิน” หน้าผาสูง เสียว สวยงาม

           เดินดื่มด่ำธรรมชาติอันงดงามของทุ่งดอกกระเจียว มาเรื่อยๆตามทาง ผ่านป่าเบญจพรรณที่รกเรื้อ จนมาถึง “ลานสุดแผ่นดิน” หน้าผาสูง เสียว สวยงาม นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปท้ายความเสียวกันเกือบทุกคน มีทั้งแบบวัยรุ่น คู่รัก และแบบครอบครัว และแบบอื่นๆอีกมากมาย

           ที่ ”ลานสุดแผ่นดิน” สามารถนั่งรถรางของอุทยานมาได้อีกทางหนึ่ง จะทำให้เดินไม่ไกลนัก ลานสุดแผ่นมีอยู่สองหน้าผาซึ่งอยู่ติดกัน นั่งชมวิวป่าไม้เขียวทึบด้านล่างผ่านสายเมฆหมอก ที่พัดผ่านเข้ามาปะทะหน้าผาตลอดเวลา เลือกถ่ายรูปท้ายความเสียวกันได้ทั้ง 2 หน้าผา แต่ต้องระมัดระวังด้วยครับเพราะว่ามันสูง ถ้าตกลงไปแล้วไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาโพสต์ท่าได้ใหม่อีกนะครับจะบอกให้

 “ลานหินงาม” แท่งหินน่าอัศจรรย์ใจ

            อุทยานแห่งชาติป่าหินงามไม่ได้มีแต่ทุ่งดอกกระเจียวนะครับ ซื้อตั๋วเข้าอุทยาน 20 บาท ค่ารถรางอีก 20 บาท แล้วต้องใช้ให้คุ้มครับ จากทุ่งดอกกระเจียวนั่งรถรางมาที่ “ลานหินงาม” แท่งหินสร้างโดยทำธรรมชาติได้ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลกันนัก เดินขึ้นไปตามทางก็จะได้พบกับแท่งหินงามในรูปต่างๆ มากมายหลายแท่งจนน่าอัศจรรย์ใจ แล้วแต่ธรรมชาติจะจัดให้

หินฟีฟ่าเวิลด์คัพ

            ขึ้นมาอยู่ทางซ้ายมือเห็นเป็นแท่งแรก ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่าเป็น แท่งหินรูปถ้วยฟุตบอลโลก มองไปก็เห็นแล้วไม่ต้องใช้จินตนาการแต่อย่างใด ใช่เลยถ้วยฟุตบอลโลกหรือฟีฟ่าเวิลด์คัพแน่นอน ถึงแล้วก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย

มอหำตั้ง

            ทางขวาของหินปราสาท มีป้ายเขียนบอกไว้ว่า “มอหำตั้ง” มองดูแล้วก็เห็นว่าหินมันตั้งสมชื่อมอหำตั้งจริงๆ ถ้าจะเปรียบเทียบกับหินตาที่เกาะสมุย ว่าที่จะตั้งตรงสวยกว่ากันแล้ว อันนี้ผมว่าแล้วแต่ความชอบครับ

หินแม่ไก่ยักษ์

           มองต่อไปจากหินปราสาทก็จะเห็นหินแม่ไก่ยักษ์  แท่งนี้ง่ายครับมองไปก็เห็นเป็นรูปแม่ไก่ มีหัวหางและลำตัวอยู่ตรงกลาง คล้ายแม่ไก่ยักษ์กำลังกกไข่อยู่

หินราขสีห์

            คล้ายกับราชสีห์กำลังหมอบอยู่ แต่ต้องมองจากห่างไปหาหัวนะครับ ถึงจะเห็นได้อย่างราชสีห์หมอบอยู่ชัดเจน ด้านหน้าอาจจะมีพุ่มไม้บดบังอยู่บ้าง ก็ไม่เป็นปัญหากับการจินตนาการ ให้เห็นภาพราชสีห์กำลังหมอบอยู่หลังพุ่มไม้เท่าใดนัก

หินช้างเอราวัณ

ต้องเดินขึ้นเนินขึ้นมาอีกหน่อย ผ่านหินราชสีห์ก็จะมาเจอหินช้างเอราวัณ ค่อนข้างสมบรูณ์มีขาสี่มีหัวหางกลางลำตัวครบ แต่ช้างเอราวัณคือช้างสามเศียร ผมมองยังไงก็เห็นแค่เศียรเดียว ใครเห็นเป็นสามเศียรช่วยบอกผมที่ ว่ามาดูยังไง

หินจานเรด้าร์

            มาสุดทางแล้วที่หินจานเรดาร์ และเป็นจุดสุดท้ายสำหรับทริปนี้ด้วย ต้องมีอะไรพิเศษหน่อย อย่างนั้นต้องโดดครับ แอ็คชั่นยอดฮิตสำหรับการถ่ายภาพ จะได้ดูตื่นเต้นหน่อย ต้องโดดอยู่หลายรอบเหมือนกันจึงจะได้รูปนี้มา

             สุดท้ายจริงๆอยากให้มาเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียวบานกันมากๆครับ เหลือเวลาอีก 3 เดือน หนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้น และอย่าลืมเที่ยวไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอื่นๆ ของจังหวัดชัยภูมิด้วยนะครับ ไหนๆก็มาถึงถิ่น ชัยภูมิ เมืองผู้กล้า พญาแล ยินดีต้อนรับครับ

            ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา สนับสนุนการเดินทาง