ก่อน Revolution
โดย จำลอง บุญสอง
การทำสงคราม “ไร้เดียงสา” ของ “ขบวนเผด็จการเหลือง” ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่จะยัง “ความพ่ายแพ้” ให้เกิดขึ้นแต่ฝ่ายนั้นอย่างซ้ำซากเท่านั้น แต่ความพ่ายแพ้ดังกล่าวยังไป “ต่ออายุทางการเมือง” ให้กับ “ฝ่ายชนะ” ให้มากขึ้นอีก
แต่ “ความไร้เดียงสา” ในการ “ทำสงคราม” ของเหลือง ก็หาได้เป็น “ปัจจัยหลัก” ในความพ่ายแพ้ของพวกเขาไม่
ความ “ล้าหลัง” “กว่าประชาชน” ต่างหาก ที่ทำให้ค่ายเหลืองต้อง “แพ้แล้ว แพ้อีก” ไม่ว่าจะสู้ “นอกสภา”หรือ “ในสภา”
เพราะถ้าไม่ล้าหลังกว่าประชาชนแล้ว การใช้ “ทหารอาวุโส” มา “กวักมือเรียก” “ทหารในกองทัพ” ก็ย่อม “ได้ผล” การไปเรียกร้องให้ “ประชาชน” ออกมา General Strike ก็ต้องมี “มวลชน”ออกมาร่วมมากมาย แต่ 2 วิธีที่เคยหลอกมวลชนได้ หลอกทหารได้ กลับไร้การตอบสนอง ซ้ำร้ายยังถูกชาวประชามองว่าการกระทำดังกล่าวเป็น “ตลกร้าย” เป็นเรื่อง “น่ารำคาญ” เป็นเรื่องว่า “ทำไม” พวกเขาต้องร่วมการต่อสู้เพื่อให้ (เทพเทือกและอภิสิทธิ์) กลับมามีอำนาจอีก!
นั่นแหละความหมายของคำว่า “ล้าหลังกว่าประชาชน” ล้าหลังเพราะการทวงคืนอำนาจอธิปไตยคนส่วนน้อย (เผด็จการ) มาปกครองในขณะที่ประชาชนต้องการอำนาจอธิปไตยปวงชนเพื่อให้เกิดการแบ่งปันรายได้แห่งชาติอย่างเสมอภาค ต้องการความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมายฯลฯซึ่งเป็นความต้องการการปกครองแบบประชาธิปไตยนั่นเอง
เมื่อ “ความล้าหลัง” เป็น “ปัจจัยแพ้” ของเหลือง ด้วยเหตุนี้ “ชัยชนะ” ของ “แดง” ซึ่งเป็นขบวนการทางการเมืองที่ล้าหลัง “ร่วมสมัย” กับเหลือง (แต่ก้าวหน้า” กว่า “เหลืองนิดหน่อย) จึงเป็นได้แค่ การ “ชนะ” เพื่อรอ “แพ้”
ไม่ใช่รอแพ้ “เหลือง” แต่รอแพ้ “ประชาชน” เพราะไม่วันใดก็วันหนึ่ง ประชาชนย่อมจับได้ว่าแดงคือบรรษัทค้าการเมืองอีกบรรษัทหนึ่งที่เข้ามาแสวงหากำไรบนความทุกข์ของประชาชนที่ไม่ต่างกัน และเมื่อถึงวันนั้น “แดง” ก็จะ “ประสบชะตากรรม” เช่นเดียวกับ “เหลือง”
วันนี้ประชาชนกำลังตระหนักได้ด้วยตัวของพวกเขาเองแล้วว่า ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะขึ้นมาถือครองอำนาจ (อธิปไตย) ก็ตาม “การเมืองน้ำเน่า” ของทั้งคู่ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตของคนยากคนจนดีขึ้น มีความเสมอภาคขึ้น ผู้ที่กวาดผลประโยชน์เอาจากการเมืองชนิดนี้ไปร่ำรวยบนความยากจนของราษฎรได้ก็มีแต่ “นักการเมือง” และ “บรรษัทค้าการเมือง” เหลืองแดงและพันธมิตร 2 หัวเท่านั้น
และก็ไม่เพียงแต่ประชาชนทั่วไปเท่านั้นที่เห็น ประชาชนอาชีพรักษาความมั่นคงของชาติหรือทหารก็ตระหนักได้เช่นกันว่า ไม่เพราะการปกครองเผด็จการเหลือง-แดงหรอกหรือ ที่ทำให้ “ทุนผูกขาด” “รวยติดอันดับโลก” ในขณะที่ประชาชนทั่วไป “ทำงานหนัก” แต่ “ไม่พอกิน” จนต้องปล้นจี้ฆ่า ค้ายากันจนคุกไม่พอขังคนจน การ “กดขี่” ของผู้ปกครองเหลือง-แดงไม่ใช่หรือที่ทำให้ประชาชนต้องจับปืน “สู้” กันอย่างไม่เกรงกลัวต่ออำนาจรัฐ และทำให้ทหารลูกหลานประชาชนต้อง “ไปตาย” เพื่อให้ชนชั้นผู้กดขี่และชนชั้นผู้ขูดรีดอยู่กันอย่างสุขสบาย!
เรียนว่าทั้งขบวนเหลืองและแดงต่างก็มีฝ่ายก้าวหน้าและล้าหลัง1.ฝ่ายอนุรักษ์ (เหลือง) และฝ่ายทุนผูกขาด (แดง) “ล้าหลัง” เพราะต้องการ “ผูกขาด” อำนาจเอาไว้ “ทำนาบนหลังคน” ด้วยกัน
2. “ผู้นำมวลชน” ซึ่งหลอกมวลชนมาตลอดว่า พวกเขา “มีจุดยืนประชาชน” แต่การที่พวกเขาไปอุ้ม “เผด็จการ” ตัวหนึ่งเพื่อ “โค่นเผด็จการ” อีกตัวหนึ่ง จึงทำให้ประชาชนสัมผัสได้ว่า คนเหล่านั้นเป็นได้แค่ “หัวหน้าทาส” ที่หลอกทาสไป “ตายให้นาย” เพื่อให้นายเอ็นดูและจ่ายเงินโบนัสให้เท่านั้น
ส่วน 3. “ประชาชนเหลือง”ที่รังเกียจ “นายทุนแดง” “ประชาชนแดง” ที่รังเกียจ “ฝ่ายอนุรักษ์เหลือง” ล้วนแต่ก้าวหน้า เพราะเป็นมวลชนที่ไม่ต้องการเผด็จการทั้งคู่
แต่เป็นความก้าวหน้าที่ “เห็นผิด ในถูก” หรือ “เห็นถูก ในผิด”
“ถูก” ที่สู้กับ “เผด็จการตัวหนึ่ง”
“ผิด” ที่หลงไปช่วยอุ้มเผด็จการอีกตัวหนึ่ง
คำตอบที่ไม่ต้องให้ใครถามก็คือ “ประชาชนเห็นผิด” กับ “ผู้นำมวลชนเห็นผิด” ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร คำตอบคือประชาชนเห็นผิดแล้ว “จน เจ็บ ตาย ติดคุก” แต่ผู้นำมวลชนบางคนเห็นผิดแล้วกลับ “ร่ำรวย” รวยอยู่บนซากศพของประชาชน!
ปล.1.แม้เดินแนวทางปฏิวัติอินโดจีนที่ก้าวหน้ามาก่อนแต่ระยะหลัง “ฮุนเซ็น” กลับเดินแนวทางเผด็จการด้วยการสร้าง “ราชวงศ์ฮุน” ขึ้น เพื่อสืบทอดอำนาจ ผลของการกระทำ (แบบเดียวกับยุคถนอม-ประภาส) ฮุนเซ็นจึงถูกประชาชนและ “พวกเดียวกัน” ยืมมือ “สมรังสี” ที่ “ตะวันตกส่งประกวด” มา “สั่งสอน”
ปล.2 มวลชนอียิปต์ไม่เอา “เผด็จการทหาร” แต่ดันไปเดินแนวทาง Constitutionalism เพื่อให้ได้มาซึ่ง “เผด็จการพลเรือน” แบบไทย ถ้าประชาชนอียิปต์ยัง “เห็นผิดเป็นชอบ” อีกไม่นานสภาวะอนาธิปไตยก็จนนำไปสู่ Revolution ส่วนว่าจะรุนแรงหรือไม่รุนแรง นอกจากลักษณะจำเพาะของชนชาติแล้ว ยังขึ้นกับแนวทางปฏิวัติของพรรคปฏิวัติอีกต่างหาก
ปล.3.วิชาการเมืองบอกไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองถึงขั้น Revolution จะเริ่มเมื่อใด ก็ดูได้ที่มีการแยกขบวนเผด็จการ ขบวนคอมมิวนิสต์ ขบวนประชาธิปไตยออกมาอย่างชัดเจน ประเทศไทยวันนี้การแยกขบวนชัดขึ้นๆทุกวัน! ส่วนเรื่องที่เดลินิวส์พาดหัวว่า “บิ๊กจิ๊วไม่ยอมตกขบวน” (ปฏิรูป) ที่รัฐบาลแดงตั้งขึ้น โดยไม่ชี้ชัดได้ว่าเป็น “ขบวนอะไร” ขอฟันธงว่า.ขบวนการทางการเมืองที่ “บิ๊กจิ๋ว “ไม่ยอมตก” ก็คือ “ขบวนเผด็จการ” เช่นเดียวกับฝ่ายเปรม สุจินดา ชวน จะต่างกันก็แค่ขบวนเผด็จการเหลืองหรือแดงเท่านั้น!