อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์(ถ้ำธารลอด)
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ก่อนถึงอุทยานฯ
เดิมชื่ออุทยานแห่งชาติถ้ำธารลอด ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นอุทยานแห่งชาติปีพ.ศ.2523 ลำดับที่ 17 ของประเทศไทย ต่อมาปีเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี เปลี่ยนชื่อเป็นอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ปีพ.ศ.2525 พื้นที่รับผิดชอบ 36,875 ไร่ เท่าเดิม มีแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นคือถ้ำธารลอดน้อยและถ้ำธารลอดใหญ่
ผมตัดสินใจเดินทางด้วยรถยนต์ไปตามถนนสายลาดหลุมแก้ว-บางเลน-กำแพงแสน-พนมทวน-บ่อพลอย-เลาขวัญ-สิ้นสุดที่อำเภอหนองปรือ จ.กาญจนบุรี ระยะทาง 210 กม. มีป้ายบอกทางไปอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์(ถ้ำธารลอด)อีก 22 กม. จอดรถปุ๊บก็เดินขึ้นไปเติมพลังด้วยข้าวผัดสองจาน(สองคน) ก่อนจะเดินชมถ้ำ
ผีเสื้อดอมดมดูดกินน้ำหวาน บินกันว่อน
ดอกไม้ต่างถิ่น get out
ที่อุทยานแห่งชาตินี้มีร้านอาหารบ้านๆขาย ลานจอดรถกว้างขวาง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีเจ้าหน้าที่บริการแจกแผ่นพับและนำชมภาพที่ประดับบนผนัง ใกล้ๆกันมีห้องสุขาโคตรโก้เลย สวยงามด้วยสวนหย่อมที่เน้นต้นพนมสวรรค์ดอกเป็นฉัตรสีแดงอมส้ม ผีเสื้อบินดูดกินน้ำหวานกันว่อน ถือว่าเป็นสุขาที่สวยที่สุดในบรรดาสุขาอุทยานด้วยกัน(เท่าที่ผมพบ)
ณ ลานดอกไม้ประดับสุขา ผมเฝ้าถ่ายรูปผีเสื้อหลากพันธุ์ แต่ได้มาพันธุ์เดียว ไม่รู้ด้วยว่าผีเสื้อชื่ออะไร ใครรู้ช่วยเม้นท์เข้ามาที นอกจากดอกพนมสวรรค์ซึ่งเป็นนางแย้มชนิดหนึ่งของไทยเรา ก็ยังมีหลงดอกไม้ประดับจากต่างถิ่นเสริมมาด้วย(น่าเอาออก) แต่ก็ต้องขอชมละครับว่า ตกแต่งได้สวยงามและโดดเด่นเชียว
เฟิร์นประดับเสาไฟฟ้า
ที่น่าประทับใจอีกก็คือเสาไฟฟ้าข้างๆศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เขาทำให้เสาแข็งๆกลายเป็นนุ่มขึ้นด้วยเฟิร์นปลูกประดับ ตรงข้ามเป็นป้อมยามตรวจบัตรเข้าอุทยานฯ อันเป็นการตรวจสอบป้องกันการทุจริตของเจ้าหน้าที่ที่ดีและดูน่าเชื่อถือ ตรงนี้เข้าไปอีกเพียง 60 เมตรถึงลำธารที่ลอดถ้ำ อันเป็นไฮไลท์ของการมาท่องเที่ยวถ้ำธารลอด ไม่ให้รถยนต์เข้าไป
ผมเดินชมการติดป้ายบอกชื่อต้นไม้ ป้ายสื่อความหมายอธิบายสั้นๆ ว่าเป็นต้นอะไร ชื่ออะไร วงศ์ไหน จนถึงสรรพคุณทางสมุนไพรไทย การเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ถูกต้องตามหลักวิชาการทางพฤกษศาสตร์ สีของป้ายเขียวแปลกตาน่าจะคิดว่าจะให้กลมกลืนกับสีเขียวของต้นไม้มั้ง อีกด้านเป็นป้าสื่อความหมายการย่อยสลายของวัสดุเหลือทิ้งต่างๆ เตือนว่าอย่าทิ้งกันนะครับ มันย่อยสลายยาก ใส่ในถังขยะเจ้าหน้าที่จะได้เก็บไปทำลายต่อไป เอ้า ช่วยกันนหน่อย
ต้นไม้ใหญ่หลายชนิดแผ่กิ่งก้านและเรือนยอดกว้าง ให้ร่มเงาที่ร่มรื่น เดินชมพันธุ์ไม้สองข้างทางได้สบายๆแม้เป็นวันที่แดดจัด ผมเห็นเขาปลุกประดับด้วยต้นพนมสวรรค์ เอื้องหมายนา ชูดอกสีขาวสวย เลยไปใกล้ลำธาร มีซุ้มประตูสะพานข้ามลำธารน้ำใสๆ ซ้ายมือเป็นเส้นทางเดินไปชมน้ำตกธารเงิน 1.5 กม. แต่ผมไม่ได้เข้าไป เวลาน้อย
พนมสวรรค์
บอนป่า
ขวามือสะพานนี้มีบ้านพักรับรองริมลำธารหลังหนึ่ง มี 3 ห้องนอน หลังนี้จองผ่านคอมพิวเตอรืไม่ได้ต้องผ่านหัวหน้าอุทยานแห่งชาติครับ ส่วนบ้านพักหลังอื่นๆติดต่อจองเข้าพักผ่านออนไลน์ www.dnp.go.th บ้านรับรองหลังนี้ปลูกประดับด้วยพันธุ์ไม้ไทยๆพื้นๆ เช่นต้นพนมสวรรค์ ว่านนางคุ้ม ว่านค้าวคาวหรือต้นนีระพูสี
ดอกเอื้องหมายนา
นีระพูสีหรือว่านค้างคาวดำ
พอข้ามสะพานลำธารเล็กๆไปแล้วจะได้เห็นลานกว้างๆ มีต้นไม้ใหญ่ๆสองสามต้น ศาลาเอนกประสงค์อีกหลัง จุดนี้กางเต็นท์พักได้ บนเนินสูงเป็นที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ใกล้ๆกันเป็นบ้านพักแรมนักท่องเที่ยว ผมเดินผ่านดงไม้ใหญ่มาก ซึ่งเชื่อว่าทุกวันนี้แทบหาไม่เห็นกันแล้ว ใต้ต้นตะเคียนทองมีเครื่องเซ่นบูชา ลำต้นสูงใหญ่ถูกพันรอบด้วยผ้าหลากสี
ความเชื่อเรื่องเจ้าแม่ตะเคียนทองกับมนต์ขลังยังเชื่อกันอยู่ ส่วนจะเป็นใครเอาผ้าสีไปพันและบูชาเครื่องเซ่นไม่ได้ถาม แต่ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ
ผมเดินลงไปจนถึงสะพานข้ามลำธารที่ลอดมาจากถ้ำ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปด้วยสะพานไม้เก๋เท่ห์ระเบิด น่ารัก และน่าจะเป็นแบบอย่างให้ทุกอุทยานหรือป่าอนุรักษ์ใช้เป็นต้นแบบ ดูในรูปนะครับว่าเขาทำด้วยวัสดุธรรมชาติ มีความสวยงามและเหมาะสมกับการจัดการอุทยานเพียงไหน ขอชมครับ
ใต้ปากถ้ำเป็นลำธารเล็กๆมีหาดทรายไม่มาก แต่มีความหมายสำหรับนักท่องเที่ยวเขตร้อน ซึ่งนิยมลงไปนั่งเล่นชายน้ำ พาลูกๆลงไปสัมผัสทรายและน้ำใสๆ บนฝั่งมีป้ายบอกให้ระวังหากมีน้ำขุ่นข้นไหลลงมา ต้องรีบขึ้นเพราะแสดงว่าน้ำป่าไหลทะลักลงมาจากเขาสูงอันเป็นป่าต้นน้ำแห่งนี้ อันตรายถึงชีวิตได้
ก่อนจะเดินเข้าถ้ำมีป้ายชื่ออุทยานขนาดใหญ่ วางขวางด้วยท่อนซุง เน้นเลยว่าให้ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกกันตรงนี้ สีสันของป้ายถูกต้องตามหลักการใช้สีในป่าอนุรักษ์ประเภทอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ขวามือเป็นป้อมพนักงานให้นักท่องเที่ยวลงชื่อและเบอร์โทรไว้ เพื่อป้องกันการสูญหายหรือแก้ไขปัญหาหลังหมดเวลาทำการ
ถ้านักท่องเที่ยวคนไหนลอดถ้ำไปแล้วหายไปเลย หมดเวลาทำการเจ้าหน้าที่จะตรวจเช็ค ถ้ามีนักท่องเที่ยวหลงเหลือไม่กลับออกมา จะส่งทีมช่วยเหลือเข้าไปตามหา การท่องเที่ยวผจญภัยเล็กๆ หรือใหญ่ๆ หลักความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ แต่ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ก็ได้รับคำตอบว่า ปกติจะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังปลายทางด้วย เยี่ยมเลย
ขณะนี้ ทางเดินในถ้ำได้รับงบประมาณทำเป็นทางเดินถาวร ใช้ปูนปูให้เดินได้สะดวกและปลอดภัย ประกอบกับเวลาใกล้จะหมด ผมตัดสินใจเดินเข้าไปถ่ายรูปในถ้ำนิดเดียว แล้วก็กลับออกมา ได้เห็นเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ได้สอบถามเรื่องราวต่างๆ และได้เห็นต้นดาหลาไม้ป่าไทยที่มีดอกสวย พุ่มใบสวย แถมหน่อดอกอ่อนๆต้มจิ้มน้ำพริกอร่อยมีคุณค่าทางสมุนไพรด้วย
ต้นดาหลา ปล฿กประดับสวยงาม
ผมไม่ได้พักแรมที่อุทยานแห่งชาติถ้ำธารลอด แต่เล็งเอาไว้แล้วว่า หนาวหน้าถ้ามีเวลาจะมานอนสักคืน ภายใต้ร่มเงาแมกไม้ต้นใหญ่ๆ แม้จะเป็นบนเนินเขาที่สูงเพียง 350-450 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ก็อยากจะสัมผัสดู ความหนาวเย็นน่าจะไม่แตกต่างจากเขาสูง ประการสำคัญผมยังไม่เคยได้ไปถึงถ้ำธารลอดใหญ่ และไม่ได้ชมศิลปะชาวกระเหรี่ยง “รำเต็ง” เลย หนาวหน้าอาจต้องพยายาม
เขื่อนชลอน้ำ(Check Damp)
ขอขอบคุณพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกคนที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวระดับเที่ยวฟรี เพราะว่าผมพยายามจะควักบัตรข้าราชการเกษียนให้ดู แต่เจ้าหล่อนเหลือบดูสีผมบนหัวผม แล้วก็บอกเสียงค่อยๆว่า เสียเฉพาะรถ 30 บาทกับคนขับรถ 40 บาทค่ะ
คนแก่ฟรีค่ะ
โวย ๆๆ ตอกย้ำได้ไงกัน คนแก่ยิ่งคิดมาก กลัวตายไว ฮา
ติดต่ออุทยาน โทร. 034-547020 ติดต่อจองออนไลน์ www.dnp.go.th หรือโทร.0-2562-0760 ไปเที่ยววันเดียวกลับก็ได้ไม่ไกลเลย
ป้ายแต้มสีสันสกปรก ลบทิ้งเถอะ