ในคมขวาน ๑๓
บ้านเชียง-คำชะโนด(๒)
โดย สาวภูไท เรื่อง-ภาพ
อำเภอบ้านดุง เคยเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอหนองหาน อุดรธานี จึงอยู่ไม่ไกลจากบ้านเชียงนัก บริเวณส่วนนี้ตั้งอยู่ในแอ่งสกลนคร แบ่งกั้นออกจากแอ่งโคราชแอ่งอู่ใหญ่ของอีสานประเทศด้วยเทือกเขาภูพานที่อยู่ด้านทิศใต้ เหนือขึ้นไปเป็นที่ลุ่มริมฝั่งแม่โขงที่ทอดยาวโอบล้อมตลอดทิศเหนือสู่ทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ที่ภูพานทอดยาววกลงใต้ไปบรรจบกับเทือกพนมดงรักในเขตอุบลราชธานี
จากบ้านเชียงสู่บ้านดุงมุ่งสู่คำชะโนดป่าศักดิ์สิทธิ์ เมืองพญานาค(วังนาคินทร์)แห่งอีสาน เป็นป่าแห่งตำนานพญานาคและเมืองลับแล พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ดอนสลับที่ลุ่มน้ำท่วมถึงในฤดูน้ำหลาก มีหนองน้ำใหญ่ ๆ และลำธารที่ไหลลงรวมสู่แม่น้ำโขงอยู่หลายแห่ง ป่าคำชะโนดนั้นก็เป็นดอนเล็ก ๆ เนื้อที่ยี่สิบกว่าไร่มีน้ำล้อมรอบ เต็มไปด้วยต้นชะโนดสูงชะลูดเสียดฟ้า ต่ำลงมาคือพืชตระกูลขิง-ข่าและเฟิร์นยอดกูดขึ้นกันหนาแน่นเบียดเสียด มีบ่อน้ำใสผุดพรายอยู่กลางดง นั่นคือที่ที่เชื่อกันว่าเป็นประตูสู่เมืองบาดาลของพญานาคนามศรีสุทโธ และเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานแห่งพญานาคศรีสุทโธที่อยู่มาคู่กับป่าคำชะโนดแห่งนี้
ต้นชะโนดเป็นไม้ในวงศ์ปาล์มพบในแถบใต้สุดและมาเลเซีย แต่ในแถบถิ่นแผ่นดินอีสานนี้ยังไม่เห็นในที่อื่น จึงดูแปลกและพิเศษ ว่ากันว่าเคยมีคนพยามยามนำไปปลูกแต่ไม่ได้ผล ตามความเชื่อก็ว่าทุกสิ่งจากแดนศักดิ์สิทธ์ห้ามเคลื่อนย้ายออกไปที่อื่นอยู่แล้ว จึงเกิดความขยาดเกรงมากกว่า และชะโนด ณ ที่นี้ก็มีต้นเล็ก ๆ รุ่นใหม่ ๆ แทรกแซมใต้ร่มเงาอันครึ้มเขียวอยู่ทั่วไปจึงน่าจะมั่นใจได้ว่ามันจะไม่สูญพันธุ์ไป
ถึงอำเภอบ้านดุงมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวาสู่ตำบลวังทอง เป็นเขตที่ตั้งวังนาคินทร์อันเป็นจุดหมายที่มุงไปในวันนี้
ถนนสีดำนำเราผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ ของอำเภอบ้านดุงสู่คำชะโนด เป็นหมู่บ้านที่ดูแล้วสบายใจสบายตาด้วยมองหาสิ่งรกตาแบบขยะนิยมของคนกรุงคนเมือง(เศษถุงพลาสติก)ไม่เจอ แต่กลับมีกระถางปลูกผักสีเขียวตั้งไว้ริมถนนแทนทุกบ้าน พวกเขาโชคดีกว่าเราที่ไม่ต้องบริโภคผักที่อาบโชคด้วยยาฆ่าแมลงและฟอร์มาลีนน้ำยาดองศพ
ใครที่เคยมาเที่ยวคำชะโนดเมื่อ ๒๐ ปีก่อนจะเห็นเลยว่าทางสายนี้เปลี่ยนไปมาก จากที่เคยเลื้อยไต่ผ่านไปตามคันนามีสะพานเล็ก ๆ ให้ข้ามลำธาร และอ้อมโค้งหลบหลีกที่ลุ่มริมหนองน้ำมาเป็นถนนอย่างดีที่สองข้างทางกลายเป็นสวนพืชเศรษฐกิจอย่างอ้อย ยางพารามีทุ่งให้เห็นอยู่บ้างเฉพาะที่ลุ่มต่ำกว่าระดับถนนลงไปมาก ๆ ยากแก่การถมพูนดินนั่นแหละ
ผู้เขียนเคยมาที่นี่ช่วงเปรตอาจารย์กู้กำลังดังหลังตำนานผีจ้างหนังไม่นาน ตอนนั้นหนุ่มอาร์ตคนพามาในวันนี้ยังตัวเล็ก ๆ อยู่ชั้นอนุบาล จึงจำไม่ได้ว่าที่ตรงนี้แน่เหรอที่เคยมาครั้งโน้น
ผีจ้างหนัง เป็นข่าวดังมากของป่าคำชะโนดเมื่อประมาณ๒๐ปีมาแล้ว ช่วงนั้นผู้เขียนเป็นครูอยู่อำเภอพรรณนิคม จังหวัดสกลนคร เล่ากันว่า วันหนึ่งมีหนังเร่ในอุดรเจ้าหนึ่งได้รับการว่าจ้างให้ไปฉายหนังบริเวณที่เป็นที่ตั้งคำชะโนด ซึ่งในเวลาโพล้เพล้ของวันที่นัดหมายก็นำรถยนต์ขนอุปกรณ์ฉายหนังไปตั้งตามที่ผู้จ้างบอก และสถานที่นั้นเวลานั้นดูเป็นลานโล่งมีผู้คนมานั่งเรียงรายคอยชมภาพยนตร์มากมาย เช่นกับเวลามีงานบุญงานวัดของชาวบ้านทั่ว ๆ ไปในแถบถิ่นนี้ แต่ที่แปลกคือมีข้อแม้ว่า หนังต้องเลิกและขนของกลับไปก่อนสว่าง แปลกอีกอย่างคือพวกเขาเหล่านี้ช่างสงบเสงี่ยม นั่งเงียบตลอดคืนไม่มีเสียงเอะอะอึงอนเช่นกับการรวมกันของคนหมู่มากทั่วไป แม้ภาพและเสียงที่ดำเนินไปบนจอตามเนื้อหาเรื่องราวจะขบขันสนุกสนาน หรือ บู๊โหดโลดโผนอย่างไร พวกผู้ชมทั้งหลายในคืนนั้นก็ยังนั่งชมอยู่นิ่ง ๆ ไม่ไหวติงกระทั่งฟ้าเริ่มสางพวกเขาก็หายไปแว๊บสิ้น ผู้ว่าจ้างก็จ่ายเงินตามสัญญาแล้วหายตัวไปเช่นกัน
เฮ้ย...เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน พระอาทิตย์ฉายส่องให้มองเห็นอะไรชัดเจน ลานโล่งที่ตั้งจอ ที่เคยมีผู้ชมนั่งอยู่เรียงรายกลายเป็นป่ารก
เฮ้ย...เงินที่กำอยู่ในมือเป็นฟ่อนกลับเป็นเพียงใบไม้
เหลียวมองรอบกายแล้วเหล่านักฉายหนังทั้งลูกน้องทั้งคนรถก็โกยอ้าว หลายคนเป็นไข้หัวโกร๋นไปเลย ว่ากันว่าบางคนกลายเป็นบ้าพูดจาไม่รู้เรื่องไปเลย (ยิ่งเล่าต่อกันไปมากรายละเอียดก็ยิ่งถูกเติมเพิ่มเยอะ)
เรื่องเล่านี้กระจายออกไปรันเอาผู้คนสนใจเดินทางสู่คำชะโนด คนตาแหกอย่างผู้เขียนก็ขนเอาลูกหลานขึ้นรถจากสกลสู่อุดรอำเภอบ้านดุงในทันทีนะซีคะ
วันนั้นกับวันนี้ผิดกันเยอะ
คำชะโนดแดนลึกลับ แดนแห่งตำนานกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว กลายเป็นส่วนหนึ่งของอารามที่มีสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตรุ่งเรื่องเฟื่องฟุ้งตามยุคสมัยนิยมวัตถุ สถานที่จอดรถคือลานซีเมนต์กว้างใหญ่ของวัด ใกล้กันนั้นคือส่วนที่จัดให้เป็นร้านค้าขายสินค้าของที่ระลึก ร้านอาหาร ขายของขบเขี้ยว น้ำดื่มเปรี้ยวหวาน น้ำชากาแฟ เรียงรายรุงรังและมีควันจากการปิ้งย่างลอยโขมงขึ้นฟ้าแข่งกับยอดชะโนดที่ขึ้นเป็นดอนอยู่คนละฟากฝั่งน้ำ
สะพานไม้ที่เดินไต่ไปเมื่อครั้งก่อนตอนนี้เป็นสะพานคอนกรีต พญานาคสองตนชูเศียรโดดเด่นเป็นสง่าน่าเกรงขามอยู่คนละข้าง ทอดตัวยาวเป็นราวสะพานไปจนจรดแดนศักดิ์สิทธิ์คำชะโนด
ศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธอร่ามเรืองอยู่เคียงข้างหน้าทางเดิน
เจ้าปู่ศรีสุทโธนี่แหละเจ้าของวังนาคินทร์คำชะโนดที่แท้จริง เป็นตัวแทนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ศูนย์รวมแห่งศรัทธา และเป็นที่พึ่งทางใจให้ผู้มาเยือนคำชะโนด เรื่องราวมากหลายที่เล่าสืบต่อกันไปล้วนสร้างความหวังให้ผู้คน
ในสภาพสังคมที่สับสนจิตใจคนไม่มั่นคง สร้างความอ่อนไหวไปจนอ่อนแออะไรเล่าจะเป็นหลักยึดไว้ได้หากไม่ใช่สิ่งศรัทธา
หลายสิ่งในโลกนี้ที่เราไม่รู้มองด้วยตาไม่เห็น ไม่ใช่ว่าจะไม่มีในโลกนี้
“ป้าเดินไปก่อนนะครับอาร์ตจะแวะไปกินข้าว”
เสียงหลานชายดังขึ้นเรียกให้ตื่นจากภวังค์ จึงโบกมือพยักหน้าให้หลาน แล้ว ก้าวเดินสู่เมืองแห่งพญานาคินทร์ ไปตามสะพานนาคราชที่ทอดยาวข้ามลำน้ำซึ่งตัดแบ่งคำชะโนด ให้เป็นคนละส่วนคนละดินแดน สวนทางกับผู้คนมากมาย ส่วนมากมากันเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มครอบครัว กลุ่มนักท่องเที่ยว นักศึกษา และนักบวช นักปฏิบัติธรรม หลายคนอุ้มลูกตัวแดง ๆ มาด้วย หลายคนเข็นรถคนแก่ หรือผู้ป่วย ต่างช่วยกันประคับครองผู้อ่อนแอกว่า เห็นสีหน้าแววตาอิ่มสุขของผู้ที่นั่งในรถแล้วอุ่นใจ ใต้เงาอันร่มรื่นของต้นชะโนดที่สูงชะลูดเสียดฟ้านี้อวลอบด้วยกลิ่นไอแห่งความอบอุ่น ให้ความหวังแก่ผู้มาเยือนด้วยศรัทธาเสมอ
๐๐๐๐