ก่อนค่ำที่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
จ.กาญจนบุรี
โดย ป่าน ศรนารายณ์ เรื่อง-ภาพ
บนเส้นทางสวยงามของกาญจนบุรี
ตะวันขึ้นโด่งเกินกว่า 10 โมงเช้าแล้ว แดดแรงตามฤดูกาลแห่งเดือนมีนาคม แต่การเดินทางด้วยรถยนต์ติดแอร์เย็นฉ่ำทำให้ไม่รู้สึกรำคาญ เต็มเปี่ยมด้วยหัวใจระเริงที่จะไป แน่นอนว่าต้องไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง ความรู้สึกเหมือนไก่จะบิน เป้าหมายคือไปเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ในอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี 200 กม.ใกล้แค่นี้เอง
เสี้ยวดอกขาว มิใช่มีเพียงแจ้ซ้อน-เชียงราย
ระยะทางจากกรุงเทพ-กาญจนบุรี 120 กม.ขับรถไปทางอำเภอศรีสวัสดิ์ถึงน้ำตกเอราวัณ 40 กม.แล้วเลยไปตามถนนลาดยางถึงอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อีก 40 กม. ที่จอดรถยนต์กว้างขวาง บ่ายวันศุกร์ด้วยซิ จึงมีรถยนต์จอดกันประปราย เต็นท์กางแล้ว 4-5 หลัง ดูโล่ง โหวงเหวงชอบกล เจ้าหน้าที่เล่าว่าก่อนนี้เมื่อหนาว แน่นไปทุกตารางฟุต
เป็นลานกางเต็นท์ที่อยู่บนเนินเขา มองไกลไปข้างหน้าโล่งเลี่ยน ถ้าอากาศดีๆจะเห็นน้ำเหนือเขื่อนสีน้ำเงิน แต่เวลานี้มีแต่หมอกควันไฟจากการเผาไร่อ้อย จึงขาวโพลนไปทุกมุม เสน่ห์ของลานกางเต็นท์ที่นี่อยู่ที่ชายขอบ มีต้นไม้ป่าเหลืออยู่ เกี่ยวก่ายกันไปด้วยเถาวัลย์สารพันชนิด โยงใยของเขาดูงดงาม ห้อยเป็นชิงช้าให้ห้อยโหนได้
ไม้ผลัดใบแต่ให้ความสวยงามไปอีกมิติ
เก้าอี้ไม้ปีกแผ่นเดียว เพิ่มความสวยงามเมื่อมีนักท่องเที่ยวนั่งฟังเสียงน้ำตกและสรรพสัตว์รอบกาย
ม้านั่งปีกไม้ให้ความสุข
ป่านเพิ่งเคยมาที่นี่ มีความรู้สึกเหมือนว่าช่างไกลแสน แต่ความจริงแล้ว ใช้เวลาเดินทางแค่ 3 ชั่วโมงแบบแวะพักไปตามใจฉัน ขอบอกต่อ ใครยังไม่เคยไปก็ไปเสีย รถเก๋งวิ่งได้สบายใจไม่มีหลุมบ่อเลยจ้า
แม่ลูกสองครอบครัวนี้ ยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจ
มีทางเดินศึกษาธรรมชาติริมน้ำตก มีรั้วกั้นกันตกลงไป เพราะว่าน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นชั้นนี้เป็น “โตรกผา” สุ่มเสี่ยงที่จะตกลงไปได้ เป็นน้ำตกชั้นที่ 4 มองเห็นความชุ่มฉ่ำจากมุมสูง และลืบชั้นน้ำตกสวยงาม แต่เนื่องจากเวลากับฤดูกาลที่ไป แสงไม่ทำให้น้ำตกสวยไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ยังเป็นมุมที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการมาเยือนค่ะ
มุมสวยน้ำตกชั้น 3 ฉัตรแก้ว
เส้นทางศึกษาธรรมชาติได้ทำเป็นขั้นบันไดให้เดินลงอย่างสะดวก คนเฒ่าคนแก่เดินลงไปได้ไม่ลื่นไถลเพราะว่ามีราวจับ ณ น้ำตกชั้น 3 ชื่อว่า ฉัตรแก้ว มีต้นไม้ใหญ่ๆให้ร่มเงา มีเวิ้งน้ำใต้น้ำตกให้ลงเล่นได้ น้ำตกที่ไหลลงมาเหมือนว่าจะเป็นรูปฉัตรแก้วจริงๆ เป็นอีกน้ำตกหนึ่งที่นิยมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ถัดจากนั้นลงไป เป็นน้ำตกชั้นที่ 2 และชั้นที่ 1 ชื่อว่า ดงว่าน นักท่องเที่ยวที่ลงไปเล่าให้ฟังว่า เป็นน้ำตกที่มีจำนวนชั้นมากที่สุด สวยที่สุด แต่ป่านหมดแรงจึงลงไปไม่ไหว ฝากไว้ก่อน หากมีโอกาสได้กลับมาอีก จะได้ลงไปพิสูจน์ความจริงกันว่า สวยจริงดังปากว่าหรือไม่ เฮ้อ ยิ่งเวลายืดยาวไปมากเท่าใด กำลังขาก็แปรผันไปตามนั้น สังขารไม่เที่ยงจริงแท้
ลายไม้แก่นที่สวยงาม
ตะวันรอนลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว แสงที่เหลืออยู่ยังสว่างโพลง แต่เป็นแสงเหลืองอ่อนๆ ต้นไม้ทิ้งใบโกร๋นหน้าบ้านพักเชิงดอยให้ภาพความสวยงามไปอีกมิติ สนามหญ้าโล่งเลี่ยนเกลื่อนด้วยใบไม้ที่ร่วงหลาน “ฤดูผลัดใบ” เพื่อการคายน้ำของต้นไม้ในป่าโปร่ง เด็กๆนอนลงไปเกลือกกลั้วด้วยความรู้สึกว่ามันน่านอนมองท้องฟ้า
อีกความรู้สึกที่สัมผัสได้กลางป่า
กับภาพที่เห็นกันจนชินตาในเฟสบุ๊ก ต้องบันทึกภาพลีลาการกระโดดลอยตัวไว้เป็นที่ระลึก ตรงป้ายบอกว่านี่คืออุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ แต่กว่าจะจับภาพได้ต้องใช้เวลาไม่น้อย เพราะว่าการกระโดดลอยตัวนั้น ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ บางคนอ้วนเกินไป บางคนกระโดดแล้วกลัวๆก็ยังยื่นขายาวๆแหย่ไว้ จึงดูเหมือนกระโดดไม่พ้นดิน ฮา
กระโดดไม่ไหว อ้วนเกิน
นักท่องเที่ยวที่มาเช่าเต็นท์ของทางอุทยานฯ นั่งทำครัว ประกอบอาหารกันอย่างตั้งใจ เป็นครัวกลางแจ้งที่ให้ความรู้สึกงดงาม ภาพที่ถ่ายได้มีความหมาย ความสุขของการพักผ่อนกลางแจ้งและทำกินกันเองอย่างสามัญ ไม่มาเที่ยวอย่างนี้ ก็ไม่ได้บรรยากาศหรอกนะคะ ป่านสงสัยว่า คืนนี้ ในกลางฤดูร้อน นอนในเต็นท์กลางแจ้งจะร้อนหรือไม่ และเมื่อเวลาดึกดื่นค่อนคืนอากาศกลางแจ้งอย่างนี้จะเย็นยะเยียบไหม ต้องลองสักครั้ง
นั่งทำอาหารกันกลางแจ้ง
พ่อแม่สูงวัยกับลูกสาวสาวน้อย
แสงแดดอ่อนแสงลงไปอีก บอกเวลาว่า วันเดียวเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนี้ ไม่เข้าทีเลย ต้องนอนค้างสักคืนหนึ่งจึงจะสาสมใจ ได้บรรยากาศชวนฝัน ได้เวลาช่วงที่จะได้นั่งเสวนาหลังอาหารค่ำมื้อพิเศษ แล้วก็จะได้รู้ว่า ตกดึก นึกกลัวไหม อากาศกลางป่าดงพงไพรจะเย็นลงแค่ไหน ตื่นเช้าขึ้นมา จะได้สัมผัสแสงแดดยามรุ่งอรุโณทัย ไฉไลเพียงไหน “ช่างค้างคาใจ”
นักเรียนปิดเทอม นี่คือรางวัลของความหมั่นเพียร
มุมหนึ่งซึ่งสวยงาม
ข้างหน้าโน้นไง น้ำในเขื่อนศรี
เถาวัลย์ระเกะระกะตามธรรมชาติ