นกแสก :นกปราบหนูยามราตรี
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ชื่อสามัญ Barn Owl
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tyto alba Scopoli,1769
ชื่อวงศ์ TYTONIDAE
ถิ่นอาศัย ในต่างประเทศ พบทั่วโลก อเมริกาตอนใต้ ยุโรป อัฟริกา เอเชียกลาง อินเดีย เมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม และออสเตรเลีย ในประเทศไทย พบทุกภาค ตามพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ใกล้เมือง ตามวัดและสิ่งก่อสร้าง ที่ราบถึงความสูง 1,220 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
สถานภาพ เป็นนกประจำถิ่น พบไม่บ่อย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
นกแสก
ลักษณะทั่วไป
เป็นนกขนาด 34 ซม. วงหน้ารูปหัวใจสีขาวขอบน้ำตาลแดง ตาสีน้ำตาลแดงคล้ำ ลำตัวด้านบนขนสีน้ำตาลแกมเหลือง แซมด้วยสีเทา มีจุดขาวและน้ำตาลเข้มกระจาย ลำตัวด้านล่างขนสีขาว มีจุดสีน้ำตาลกระจาย คอสั้น ปีกยาว หางค่อนข้างสั้น แข้งและนิ้วแข็งแรง มีขนคลุมแข้งเกือบถึงนิ้ว ปลายนิ้วเป็นกรงเล็บ จับหนูได้ดีเยี่ยม ปากเรียวแหลมและจะงอยปากเป็นแบบปากขอ ขณะบินจะเห็นใต้ปีกขาว ตัวผู้ตัวเมียคล้ายคลึงกัน
เสียงร้อง “แสก-แสก” แหลม ลากเสียงยาว ก้องกังวานจนน่ากลัว
พฤติกรรม นกแสกเป็นนกที่หากินกลางคืน สว่างจึงจะกลับมาเข้าที่อยู่อาศัย มักพบเป็นคู่ เป็นครอบครัว หรืออาจโดดเดี่ยว ชอบอยู่ใกล้มนุษย์ซึ่งได้แก่การอาศัยหลบตามมุมหลังคาอาคารต่างๆ อาหารหลักคือหนู กินทั้งตัว แล้วขย้อนกากออกมากองไว้ในรัง จะจับคู่ผสมพันธุ์กันระหว่างเดือน กันยายน-พฤศจิกายน นกแสกทำรังตามโพรงไม้หรือมุมอาคาร ไข่ครั้งละ 4-7 ฟอง กลมสีขาวเกลี้ยง เฉพาะตัวเมียฟักไข่ 32-34 วัน พ่อแม่เลี้ยงต่ออีก 5 สัปดาห์จึงจะบินแยกไปหากินได้
บันทึกผู้เขียนและผู้ถ่าย
ตอนเด็กๆ แม่เล่าว่า ถ้านกแสกบินผ่านหลังคาบ้านใคร บ้านนั้นจะมีคนตาย เหมือนเป็นนกแห่งภูตผี พวกเรากลัวกันมาก ในหนังไทย ในละครวิทยุ ในเรื่องเล่าขานกันล้วนแต่กล่าวถึงนกแสกไม่ดี น่ากลัว
ตอนโต จึงรู้ความจริงว่าก็แค่เป็นนกที่หากินกลางคืนชนิดหนึ่งซึ่งชอบกินหนูเป็นอาหาร เป็นสัตว์กำจัดศัตรูพืชของชาวนา ชาวสวน และชาวสวนปาล์ม
ตอนแก่ ได้ความรู้จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ว่า สามารถเพาะเลี้ยงเพื่อให้ขยายพันธุ์ในสวนปาล์ม ที่มีปัญหาเรื่องหนูกัดกินผลปาล์มจนผลผลิตน้ำมันปาล์มกระทบกระเทือน จึงได้ใช้นกแสกขจัดปัญหา หายโง่งมงายแล้วจ้า