ล่องเรือมาหารัก...........อยุธยา
โดย ป่าน ศรนารายณ์ เรื่อง-ภาพ
ก่อนลงเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ไปเดินชมเมืองเก่าในอดีตหลายแห่ง แดดร้อน อากาศอบอ้าว หิวน้ำมาก ดื่มน้ำแก้กระหายบ่อย ได้fnj,น้ำตาลสด หรือน้ำอ้อยสดแช่เย็นๆ ชื่นใจ ป่านก็เหมือนเพื่อนๆที่มาเที่ยวชมเมืองเก่าอยุธยาคราใด ไม่เพียงแต่เหนื่อยกาย แถมเหนื่อยใจ คิดถึงอดีตที่เคยรุ่งเรืองของชาติ ถ้าไม่ล่มสลาย ป่านนี้จะเป็นอย่างไรหรือ
เรือไอลากโยง
ใกล้ค่ำ อยากลงเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยายามราตรี เอาที่มีอาหารให้สั่งได้ ได้เรือท่าหนึ่งซึ่งมีร้านอาหารอยู่ด้วย เมื่อได้อาหารครบเซ็ทก็รวมตัวกันลงไปในเรือเอี่ยมจุ๊นดัดแปลง ซึ่งเคยเป็นเรือบรรทุกข้าวสารให้กลายมาเป็นเรือร้านอาหารลอยน้ำ และมั่นใจได้เรื่องความปลอดภัย เพราะเป็นเรือลำใหญ่ขนาดหลายสิบเกวียนบรรทุก ปรับพื้นเรือเลียบ ตั้งโต๊ะ เก้าอี้ นั่งกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มได้แบบสบายๆ
เขตอภัยทานหน้าวัดพนัญเชิง
จากท่าเรือของร้านอาหาร นายท้ายเรือพาไปชมวัดพนัญเชิงวรวิหาร วัดที่มีเรื่องเล่าถึงพระเจ้าสายน้ำผึ้งและพระนางเจ้าสร้อยดอกหมาก รักนิรันดรที่จบลงด้วยความตาย เพียงเพราะความไม่เข้าใจในกันและกัน เกินสถานะไปกว่าที่คาดถึง เวิ้งน้ำหน้าวัดนี้เป็นสามแยกแม่น้ำป่าสักไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เหมือนเป็นอ่าวหน้าเมือง
ป้อมเพชร
ในอดีตเป็นเวิ้งที่เรือสำเภาค้าขายจากทั่วโลกแล่นเข้าแล่นออก ป่านนึกถึงภาพในใจ คงวุ่นวายและดูอลังการ ใบเรือ 3 ใบ 7 ใบ จะดูเพลินสักเพียงไหน แต่อดีตงดงามเหล่านั้นได้ล่มสลายไปกับความพ่ายแพ้ในสงครามจากเพื่อนบ้าน เป็นยะถากรรมของชาวกรุงศรีอโยธยา เป็นครรลองที่ต้องเกิดและดับไปตามกาลเวลา
บ้านเรือนไทยชายน้ำ
เรือวนกลับขึ้นไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านชุมชนริมฝั่งแม่น้ำเป็นเรือนไทยโย้เย้ใกล้จะพัง และผ่านเรือนไทยโบราณที่ดูดี มีชีวิตที่เคลื่อนไหว ยังมีชาวบ้านใช้ประโยชน์จากน้ำสายนี้ อาบ อุปโภค และสัญจร ครั้นเรือแล่นผ่านวัดหรือมัสยิดหรือโบสถ์คริสต์ ไกด์ขุนพล อโยธยา บรรยายให้ฟังอย่างคนมีภูมิ ช่วยเพิ่มสีสันการล่องเรือ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า อะไรเป็นอะไร
วัดไชยวัฒนารามใกล้ชิงพลบ
ตะวันใกล้ชิงพลบ เรือแล่นขึ้นไปถึงวัดไชยวัฒนาราม แสงตะวันกำลังลาลับไปจากขอบฟ้าทางทิศตะวันตก แสงสีส้มอ่อนๆระโหยเต็มที เมื่อเรือผ่านไปถึงใต้น้ำวัดกษัตราธิราชจึงได้เห็นแสงไฟฟ้าสว่างโพลง เป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านเวลากลางวันและกลางคืน แสงไฟสาดใส่วัตถุเรืองไสว แม้แต่องค์พระเจดีย์ศรีสุริโยไทยริมฝั่งเมือง
วัดกษัตราธิราช
สิ้นสุดการเดินเรือ นายท้ายวนกลับเพื่อล่องตามน้ำกลับไปยังร้านอาหารที่ท่าเรือ ค่ำสนิท มืดมิดไปทั่ว เสียงเพลงล่องเรือมาหารักสักคนของยอดรัก สลักใจ นุ่มละไม ฟังแล้วอดใจคลอตามไม่ได้ แต่เหลียวหารักในเรือทั้งลำล้วนมีเจ้าของ เหี่ยว.......... เสียงเครื่องยนต์เรือไม่ดังมากนัก ระบบเก็บเสียงทำได้ดี ในเรือแม้มีจอคาราโอเกะ แต่กลับไม่มีใครใช้ประโยชน์
การดื่มด่ำถึงอดีตและสายลมที่โชยเฉื่อย ช่วยให้เกิดสุนทรีรมย์มากกว่าเสียงเพลงที่ดังกระฉ่อนท้องน้ำ วัดไชยวัฒนารามอร่ามเรืองด้วยแสงไฟที่แต่งแต้มอย่างมืออาชีพ ได้ภาพถ่ายชวนซึ้ง มีเรื่องเล่าถึงอดีตแสนเศร้า ป่านจึงไม่อยากจดจำ แค่ได้เห็นภาพงดงามยามราตรีก็พอใจแล้ว ชาวต่างชาติในเรือลำอื่นจะรู้สึกอย่างไรนะ โอเคไหม แต่สำหรับป่านแล้ว รื่นรมย์สมใจค่ะ
ล่องเรือครั้งใดก็อดคิดถึงเพลงอมตะของยอดรัก สลักใจ เอาเนื้อมาฝากค่ะ
วัดไชยวัฒนาราม หลังตะวันชิงพลบ
ล่องเรือหารัก
Cmดนตรี 6 Bars..4...5...
6.ล่องเรือมาหารักสักคน
รวยหรือจนให้ใจรักแน่
เจ็ดน่านน้ำ แหละร้อยลำแคว
สอดส่ายตาแล หาหญิงรักจริงหนึ่งนาง
พี่ซมซานหารักบ้านไกล
มีสาวใดให้ทานรักบ้าง
รูปไม่สวย ไม่รวยสตางค์
เชื่อเถิดนาง พี่นี้รักเดียวใจเดียว
น้ำ คู่เรือเสือยังคู่ป่า
ดาวคู่ฟ้า หินผาคู่ภูเขาเขียว
พี่เป็นหนุ่ม นอนกลุ้ม แดเดียว
ไร้คู่เกี่ยว กอดเรือ เหว่ว้า
หนุ่มชาวเรือผิวเนื้อกร้านลม
ทนระทมระทมน้อยหน้า
จอดท่าไหน สาวไม่ นำพา
วาสนา มีน้อยลอยไปตามเรือ