นกยูงอินเดีย
ชื่อสามัญ Indian peafowl, Blue peafowl
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pavo cristatus Linnaeus,1758
ชื่อวงศ์ PHASIANIDAE วงศ์ไก่ฟ้าและนกกระทา
ถิ่นอาศัย ในต่างประเทศ พบตั้งแต่อินเดีย ปากีสถาน เนปาล บังคลาเทศ ภูฎาน และศรีลังกา เมียนมาร์ เวียดนาม กัมพูชา ลาว มาเลเซีย ในประเทศไทย ส่วนใหญ่นำเข้ามาเลี้ยง
สถานภาพ พบบ่อย เป็นนกนำเข้า เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
ลักษณะทั่วไป
เป็นนกขนาดเล็กกว่านกยูงไทย ปากยาวสีเทา ขนหงอนรูปพัดจึงแตกต่างจากนกยูงไทยซึ่งเป็นกระจุก หนังหน้าสีขาวและมีสีดำคาดบริเวณตา ขนคอและอกสีน้ำเงิน ขนปีกลายสีขาวสลับสีดำ ขนตามลำตัวเขียวอมน้ำเงิน ขนหลังเป็นเกล็ดคล้ายใบไม้ ตัวเมียขนาดเล็กกว่าตัวผู้ ขนตามลำตัวสีน้ำตาล ขนคอและหลังสีอ่อนกว่าตัวผู้
พฤติกรรม ตัวผู้ในช่วงฤดูผสมพันธุ์จะมีขนคลุมหางยาว 2 เท่าของลำตัว ราวๆ 150 ซม.โดยมีขนสองชุดคือ ขนที่มีวงกลมเรียกว่า “แววมยุรา”จำนวน 170 เส้น และขนที่อยู่ขอบ ไม่มีแววมยุรา จำนวน 30 เส้น เรียกว่า “T Feathers” เป็นขนที่เรียกว่า นกยูงรำแพน บนลานโล่งที่ใช้เกี้ยวนกยูงตัวเมียช่วงเดือน พฤศจิกายน-เมษายน ไข่ครั้งละ 5-6 ฟอง ฟักไข่ 28 วัน
บันทึกผู้เขียนและผู้ถ่าย
นกยูงอินเดียชุดนี้ ถ่ายมาจากวัดดีสลัก อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และวัดเขาจีนแล อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนนำไปปล่อยไว้ ด้วยสภาพวัดเป็นป่าเขาและอุดมสมบูรณ์ด้วยอาหาร แมลง สัตว์เลื้อยคลาน รอบพื้นที่วัด มีป่าไม้-ป่าไผ่ ให้หลบภัยและออกหากิน จึงขยายพันธุ์มากขึ้นมายนับร้อยๆตัว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการจัดการอย่างนกยูงของเมืองสิบสองปันนา ประเทศจีน ที่ใช้เป็นทรัพยากรท่องเที่ยวโด่งดังไปทั่วโลก