ถีบจักรยาน สองล้อเป็นก็ถีบจักรยานสามล้อเป็น
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
บ้านผมอยู่ห่างจากตลาดศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทองราวๆ 6 กิโลเมตร(บ้านห้วยคันแหลน) ในฤดูแล้งดินแห้งแหง๋แก๋ เตี่ยผมชอบถีบจักรยานสองล้อไปเยี่ยมพี่ชายคนโตที่ท้ายตลาดศาลเจ้าโรงทองแถวๆเหล่าตาฉู่ จักรยานของเตี่ยเป็นแบบสองล้อชาย เตี่ยชอบให้ผมนั่งด้านหน้าบนก้านตัวถัง ส่วนตะแกรงด้านหลังเตี่ยชอบเว้นไว้มัดของที่เอาไปฝากลุงและหาซื้อกลับจากตลาดฝากแม่ ความจริงแม่สั่งซื้อ ฮา
เช้ามืด เตี่ยปลุกให้ผมเตรียมตัว แล้วออกเดินทาง ถีบไปตามทางเกวียนที่เลาะไปตามคลองอีดูด แล้วลัดทุ่งไปตลาดศาลเจ้า ทางจักรยานเล็กแคบ เลี้ยวไปเลี้ยวมาตามสภาพท้องทุ่ง ไม่เรียบอย่างถนนลาดยาง เวลากระดกลงหลุม ก้นผมกระแทกกับตัวถังเหล็กโคตรเจ็บ แต่เตี่ยไม่เจ็บหรอกเพราะมี “อาน” นุ่มๆรองก้น เตี่ยปั่นจนเหงื่อท่วมตัว ส่วนผมเปียกไปทั้งหลังด้วยแดดร้อนก็ยังถีบไม่ถึงสักที เตี่ยถีบช้ายังกับเต่าคลาน 555
ผมหัดถีบจักรยานสองล้อก็รถของเตี่ยนี่แหละ คันใหญ่ หนัก แต่ผมตัวผอมกะหร่อง หัวโต ตาขาวหน้าดำ ญาติๆเพื่อนๆผมก็ถีบจักรยานกันได้ทุกคน พวกเราไม่ได้ขึ้นนั่งเบาะปั่น ขาสั้นเกินไป จึงถีบแบบ”ทแยงข้างถีบ” อาศัยการทรงตัวและหัวใจ ผมถีบได้ไม่ได้รู้สึกยากเลย แต่พี่สาวคนโตผมญาติสนิทมิตรสหายเหนื่อยหน่ายกันไปหมด เพราะว่าหัดให้สักเท่าไรก็ถีบไม่ได้ ได้แต่รอยฟกช้ำดำเขียวไปทั่วขาทั้งสองข้างแถมแขน ถีบล้มๆ จนครูฝึกหนีกันหมด
พ้นวัยเด็กก็แทบไม่เคยถีบจักรยานอีกเลย เพิ่งจะมาหัดถีบจักรยานอีกครั้งเมื่ออายุ 66 ปีเข้าไปแล้ว เหตุผลคือขายรถยนต์ส่วนตัวไปแล้ว เลิกขับรถยนต์มาหลายปีเต็มที มองเห็นรถจักรยานสองล้อเก่าๆจอดทิ้งไว้เฉยๆ ก็เลยลองจับมาหัดขี่ใหม่อีกครั้ง ไม่ง่ายเลย แต่ก็ถีบไปถีบมาในซอยบ้านริมทุ่งชายนา วันหนึ่งๆ ถีบไปมาแล้วรวมๆกันได้ระยะทาง 600-1,000 เมตร ก็รู้สึกเหนื่อยกับอาการ “หน้ารถวอกแหวก”ของแฮนด์และการทรงตัว มีความรู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่มั่นใจ ยิ่งเวลาหมาไล่เห่า ยิ่งเสียวจะล้มลง
แต่ด้วยว่าผมนี้คือเจ้าของเว็บไซต์ ท่องไทยแลนด์ ดอทคอม จึงเปิดเว็บไซต์ดู ดูไปดูมา สนใจรถถีบ 3 ล้อ คิดในใจ “น่าจะไม่ล้ม” ปลอดภัย มั่นใจ ได้มากกว่า ตัดใจซื้อมาคันหนึ่ง ขนาดล้อ 20 นิ้ว สีแดง ราคาพร้อมค่าส่งถึงที่ 5,400 บาท ได้การเลย ทั้งชีวิตก็เคยแต่นั่งสามล้อถีบ แต่คราวนี้จะถีบสามล้อถีบเสียเอง มันจะยากหรือง่าย ช่างท้าทายให้อยากลองถีบ
ผมได้สามล้อถีบมาแล้ว ก็อดนึกถึงเหตุการณ์เมื่อปีพ.ศ.2516 ตอนนั้น ผมเป็นนักวิชาการป่าไม้ตรี หนุ่มๆ หุ่นยังสะโอดสะอง หน้าตาดีไม่น้อย ทำงานทั้งปีมีแต่ป่ากับป่า อยู่ป่าจนเห็นควายยิ้มได้ หัวใจหนุ่มน้อยถวิลถึงแต่สาวรักที่ได้แต่เขียนจดหมายถึงกันและกัน อย่ากระนั้นเลย นัดพบที่หน้าอำเภอ เอ้ย นัดพบที่สถานีรถไฟพิษณุโลกเสียเลยเถอะ
ผมนั่งรถประจำทางจากสวนป่าห้วยทาก อำเภองาวไปยังจังหวัดลำปาง แล้วต่อรถไฟไปถึงพิษณุโลกด้วยหัวใจไหวหวั่น มั่นใจว่าเขียนจดหมายถึงกันอยู่ 2 ปีกว่าๆ รักกันแน่แล้ว พบกันแล้วก็อาศัยพาหนะไปกินข้าว ไปดูหนัง ด้วย”รถสามล้อถีบ”รับจ้าง ได้โอบเอวสาวคนรัก แต่ไม่ได้กลิ่นแก้มนางหรอกนะ ได้แต่กลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากสารถีตลบอบอวล เฮ้อ ....
ทุกครั้งที่ผมคว้ารถสามล้อถีบออกจากประตูบ้าน ผมถีบไปเรื่อยๆ ด้วยกำลังขาที่ไม่เร่งร้อน หายใจเข้าออกไปตามแรงที่ใช้ถีบ ผมยืดตัวให้ตั้งตรง ประคองหลังไม่ให้ “งอ” เมื่อยก้นก็กระดกขึ้นแล้วค่อยๆโหย่งลง แฮนด์รถสามล้อไม่ไว สองล้อหลังถ่วงๆ จะเลี้ยวขวาเลี้ยวซ้ายอาศัยการโยกตัวยักเอวรถก็จะหันไปตามจังหวะ ผมถีบด้วยความมั่นใจ
ไปครั้งแรกยาวได้ระยะทาง ราวๆ 1.5 กม.ก็ถีบกลับ ได้เหงื่อซึมๆ แต่ได้ความมั่นใจ “ไม่มีล้ม”
แต่ละวันผมคล้องคอด้วยกล้องถ่ายรูปคู่ชีพ ขาตั้งกล้องมัดติดกับเบาะซ้อนหลัง ตะกร้าหน้ารถใส่น้ำดื่มขวดเล็ก ถีบไปก็ร้องเพลงรักหวานๆไปตามประสาอารมณ์ดี มีหลายช่วงที่ถีบได้ยาวๆใจก็ลอยไปถึงสาวคนรัก ที่พิษณุโลกบ้าง ที่พะยาบ้าง อะฮ้า มีความหลังนั่งสามล้อถีบไปจีบพยาบาลสาวหน้าขาวๆด้วย
นึกถึงความหลังก็อดขำไม่ได้นะครับ หนุ่มวิศวกร กรมทางหลวงขับรถแลนด์โรเวอร์ไปจีบพยาบาล ไอ้หนุ่มป่าไม้นั่งรถเมล์จากป่าดงไปลงตลาดแล้วนั่งสามล้อถีบไปจีบสู้ บะเฮ่ย คิดถึงความรักแล้วหลับไม่ลง หวั่นใจพะวงว่ารักจะเก้อ เพราะความยากแค้นจนยาก ด้วยคำรับรักจากปากของเธอ คงทำให้เราเพ้อไปคนเดียว...............
ลมหายใจที่ผมถีบจักรยานสม่ำเสมอ สูดอ็อกซิเจนเข้าแล้วก็หายใจออกด้วยคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ปอดทำงานดี กำลังขาก็ดี โดยเฉพาะกำลังเข่าเคลื่อนไหวช้าๆ สม่ำเสมอๆ กล้ามเนื้อแขนและขาน่าจะทำให้ผมแข็งแรงขึ้น ผมถ่าย”อึ”ปกติวันละครั้ง อุจจาระก็ไม่เหนียวและแข็งเหมือนที่เคยเป็น ส่วนพุงที่ยื่นจะลดลงมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้วัดไว้ก่อน
ที่ได้แน่นอนก็มีความปลอดภัยจากการถีบสามล้อ หยุดถ่ายรูปนกหรือดอกไม้หรือวิวข้างทางได้ไม่ยุ่งยากเหมือนสองล้อถีบ ถีบไปทางไหนก็เป็นที่สนใจของผู้พบเห็น ได้หัวเราะและได้รำลึกถึงความหลังในวัยหนุ่ม บางทีก็ใช้มือถือโทรหาแล้วได้พูดคุยกันในขณะที่ถีบสามล้อไปช้าๆ อะไรจะดีปานนั้น สามล้อถีบ ไม่รับจ้างคันนี้ ฮา
สรุปว่า ผมถีบสามล้อนี่ดีกับลมหายใจ กำลังแขนกำลังขา กล้ามเนื้อก้นปอดๆและกล้ามเนื้อขาและน่อง หัวใจได้ปลื้มโทรหาแฟนเก่าๆที่เคยมีความหลัง เอ้ย หัวใจสูบฉีดโลหิตดี อารมณ์แจ่มใส สนุกสนาน เบิกบาน สำราญใจ ประหยัดตังส์ ไม่เปลืองเหมือนตีกอล์ฟหรือไปถีบสองล้อกับก๋วน ปลอดภัยไม่ล้มไม่เฉี่ยวชน หาถนนที่ว่างๆถีบไปสบายๆ สามารถอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่ก่อมลพิษใดๆ
เป็นวิถีชีวิตชายชราที่เรียบง่าย เรื่องนี้ เตี่ยไม่ได้สอนไว้ ผมคิดเอง ทำเอง
ปล.ภาพประกอบจากการปั่นจักรยาน 23 กม.ถนนสีเขียวรอบสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 8 มิถุนายน 2557