โคลัมเบียน่าเที่ยว แม้ต้องเดินทางไกล 22 ชม.
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ANDELFO GARCIA เอกอัครราชทูตโคลัมเบีย
วันหนึ่ง ท่านเอกอัครราชทูต ANDELFO GARCIA ชวนไปดื่มกาแฟดังของประเทศโคลัมเบีย Café de Colombia EMERALD MOUNTAIN ท่านทูตเล่าว่ากาแฟโคลัมเบียเยี่ยมที่สุดในโลก และเมืองน่าท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสีสันของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของชนเผ่ามากมาย น่าตะลึงลาน แม้ต้องเดินทางไกลนานถึง 22 ชั่วโมงก็ตาม
กาแฟโคลัมเบียเป็นพันธุ์อาราบิก้า(Arabica) ปลูกโดยเกษตรกรรายย่อยชาวโคลัมเบีย ด้วยวิธีการแบบธรรมชาติ คุณภาพเหนือชั้นกว่าที่ใด เพราะปลูกบนพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,000-2,000 เมตร การเก็บและคัดเลือกทำด้วยคน ตำนานเรื่องกาแฟนั้น ฮวน วัลเดจ (Juan Valdez) ขี้ม้าลากกาแฟไปทั่วเพื่อการโฆษณา เมืองที่ปลูกกาแฟมากที่สุดคือเมืองคาล์ดัส(Caldas) ร้านกาแฟในเมืองท่องเที่ยวมีนักดื่มกาแฟนั่งกันเต็ม
ประเทศโคลัมเบียส่งออกกาแฟเป็นอันดับ2 รองจากประเทศบราซิล แต่กาแฟบราซิลใช้พันธุ์โรบัสต้า ดังนั้น เราต่างก็เป็นสุดยอดกาแฟแต่คนละพันธุ์ นอกจากนี้ประเทศของเรายังปลูกกล้วยหอม มะละกอ โกโก้(ช็อกโกแลต) ส่งออกไปยังประเทศอเมริกาและยุโรป ดอกไม้ส่งออกไปยังประเทศฮอลแลนด์ ช็อกโกแลตเป็นอีกชนิดหนึ่งที่อร่อยที่สุด กล่าวได้ว่า
ไร่กาแฟพันธุ์อาราบิก้า
กาแฟส่งออกเป็นอันดับ 2 รองจากบราซิล ดอกไม้รองจากเนเธอแลนด์ โกโก้ รองจากเอกวาดอร์ น้ำมันปาล์มอันดับ 4 ของโลก โคลัมบียผลิตน้ำมันได้วันละ 1 ล้านบาเรล และแทบไม่มีใครรู้เลยว่า เราส่งออกอัญมณีคือหยก ถึง 58% ส่วนพื้นที่การเกษตรกรรมทั้งประเทศกำหนดไว้ 14 ล้านเฮกแตร์ แต่ทำกันไปแล้วทั้งหมดเพียง 4 ล้านเฮกแตร์ ใครสนใจไปปลูกยางพาราหรือกาแฟไหม ท่านทูตเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มชาวไร่กาแฟ
สำหรับเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว ต้องยอมรับว่า โคลัมเบียห่างไกลจากประเทศไทยมาก นั่งเครื่องบินยาวนานถึง 22 ชม. ปริมาณนักท่องเที่ยวไม่มาก สถิติบอกว่ามีเพียงปีละ 50,000 คนเท่านั้น แม้จะตั้งคอนเซปว่า Visit Columbia เป็นการเชิญชวนก็ตาม มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเต็มร้อย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้ง ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและความเชื่อ แหล่งท่องเที่ยวทางโบราณวัตถุและโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติเช่นในอุทยานแห่งชาติต่างๆ โดยเฉพาะป่าอะเมซอน
เมืองแรกที่ต้องไปเที่ยวให้ได้คือเมืองหลวงโบโกต้า(BOGOTA) แนะนำให้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ Gold Museum (Museo Del Oro) ซึ่งเป็นศิลปหัตถกรรมของชนเผ่าพื้นเมือง เป็นผลิตภัณฑ์ทองคำหรือทองคำผสม วิจิตรงามตา
เมืองที่สองได้แก่ เมืองท่าคาตาเฮนา(Cartagena) ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกเมื่อปีพ.ศ.2527 จากองค์การยูเนสโก้ เป็นท่าเรือเก่าแก่ วิถีชีวิตชาวเรือ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของประเทศ ติดทะเลคาริบเบียน ห่างจากเมืองโบโกต้าเพียง 1.30 ชม.เท่านั้น ที่นี่ ไปแล้วต้องไม่พลาดชม กำแพงเมืองเก่า ถือเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่ง
เมืองที่สาม ได้แก่หมู่เกาะซานอันเดรส(San Andres) ตั้งอยู่ห่างจากโคลัมเบีย 700 กม.ในท้องทะเลที่คาริบเบียนและหมู่เกาะหลากหลาย เป็นเกาะสวรรค์ที่สวยงามที่สุด นิยมไปดำน้ำดูปะการัง ถือได้ว่าเป็นโลกกลางทะเลก็ว่าได้ อาหารทะเลสดและอร่อยมากๆ
เมืองที่สี่ได้แก่เมืองเมเดลิน(Medellin) นั่งรถยนต์ไปจากโกโบต้าเพียง 50 นาทีก็ถึงแล้ว เป็นเมืองเกิดของศิลปินชื่อดัง เฟอร์นันโด โบเตโร ผลงานของเขาจัดแสดงใน Museo of Antioquia ในเมืองนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ชวนชมยิ่งนัก
เมืองที่ห้าได้แก่การล่องแพในอุทยานแห่งชาติเซียร่าเดลามาคาเรน่า โดยเฉพาะการล่องแพในแม่น้ำคานโยคริสตัล
นอกจากนี้ยังมีเมืองคาลี นครแห่งเสียงดนตรี เมืองซานต้า มาร์ตา ชายทะเลคาริบเบียน ที่ถือว่าเป็นเมืองลับแล อายุกว่า 1,000 ปี หรือเรียกกันว่า The Lost City ชื่อเมือง Cuidad Perdida แต่ไม่ว่าจะย่างก้าวไป ณ แห่งในในโคลัมเบีย โปรดดื่มกาแฟที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลกของโคลัมเบียเด้อครับ
ท่านทูตกับผู้ช่วย
ท่านทูตกับเลขานุการ