ไปขึ้นภูสอยดาวหนาวหน้านี้กันไหม
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ-นิวัตร เปาอินทร์
มีเรื่องเล่าขานกันถึงความสวยงามของป่าสนสามใบบนยอดภูสอยดาว อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2533 เล่ากันว่าไปเที่ยวหน้าฝน(สค-กย)จะได้ชมดอกหงอนนาค สร้อยสุวรรณา และหญ้ารากหอม สวยสม ถ้าไปเที่ยวหน้าหนาว(พย.-กพ.)จะได้ชมดอกกระดุมเงิน รองเท้านารีอินทนนท์ และต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนสีแดงส้มอลังการ
ดอกหงอนนาค
และมีเรื่องเล่าขานกันว่า ต้องเดินด้วยเท้าจากริมถนนสาย 1268 ข้างสำนักงานขึ้นไป 6.5 กม.ใช้เวลาเดินทาง 4-6 ชม.ขึ้นอยู่กับสมรรถนะของนักท่องเที่ยวแต่ละคน เพื่อขึ้นไปชมทุ่งลานสนสามใบกว้างใหญ่ไพศาลถึง 1,000 ไร่ ได้นอนเต็นท์ใต้ร่มสน ได้สัมผัสกับคำว่า “เหงื่อไหลไคลย้อย” แค่ฟังและอ่านเรื่องราวการเดินทางผมก็พับแฟ้มนี้ไปเลย
แต่แล้ว เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 ท่านผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ได้กรุณาส่งเทียบเชิญ www.thongthailand.com ให้ร่วมเดินทางไปกับสื่อมวลชนสายท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ระหว่างวันที่ 25-27 กรกฎาคม 2557 ผมใจสั่นระทึกด้วย”ความอยาก” แต่เมื่อพิจารณาสังขารของชายชราอายุ 66 ปีแล้วก็ตัดใจเตรียมปฏิเสธ
นึกขึ้นได้ น้องชายชื่อนิวัตร เปาอินทร์ ชายชราอายุ 61 ปี เดินเก่งไม่แพ้ฝีมือการถ่ายรูปจึงถามไปว่า จะกล้าหาญชาญชัยไปกับคณะเขาไหม นั่นแหละจึงได้เรื่องและภาพมาประกอบสารคดีชวนเที่ยวแบบหลงรักประเทศไทยในครั้งนี้ กลับมาแล้วจึงเล่าให้ฟังว่า เดินขึ้นอย่างเดียว ไม่มีลงเลย หน้าฝนเสียด้วย ทางเดินลื่นจนล้มกลิ้งไปสองที เฮ้อ ถ้าผมไปเองมีหวังได้หามลงจากดอย ต้องขอขอบพระคุณ ททท.แพร่และนิวัตร ที่เว็บไซต์นี้จะได้มีเรื่องภูสอยดาวเสียที
นิวัตรเล่าว่า ใกล้กันเป็นสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า มีผู้อำนวยการชื่อดร.สุญาณี เวสสบุตร และหัวหน้าสวนป่า นาวิน อินทกูล พร้อมนักวิชาการ ร่วมกันต้อนรับพร้อมอะโวกาโด้และอาติโช๊ค(แก่นตะวัน)ทอดกรอบ สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้านี้เกิดแต่พระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเมื่อปีพ.ศ.2542 สังกัดองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (มหาชน) เป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง 750-1250 ม.จากระดับน้ำทะเลปานกลาง พื้นที่ 1,385 ไร่ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองชายแดนไทยลาวอีกแห่งหนึ่ง
สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้ารวบรวมพรรณไม้ดอกไม้ประดับสวยงามจากทั่วโลก ดอกไม้ป่าเมืองไทยหายากและเป็นพืชถิ่นเดียวอย่างเช่น สร้อยสยาม อันเป็นไม้ตระกูลเสี้ยวอีกชนิดหนึ่ง หรือดอกดองดึงไม้เลื้อยขนาดเล็กที่ฝังหัวอยู่ใต้ดิน หรือกล้วยไม้ดินสวยแปลกตา และรองเท้านารีอินทนนท์ เป็นต้น
บนดอกรองเท้านารีอินทนนท์ล่างดอกดองดึง
รับประทานอาหารค่ำแล้วก็นอนที่พักแรม เตรียมความพร้อมที่จะเดินในเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนสื่อมวลชนคนทำข่าวท่องเที่ยวร่าเริง สดใสกันถ้วนทั่ว ตื่นตัวกันราวผู้พิชิต คึกคะนองอย่างจงอางลำพอง แต่ละคนแต่ละอิริยาบถ เห็นแล้วอิจฉา ทำไมตอนหนุ่มไม่มีโอกาสได้ไปมั้งเล่าหนอ ถ้ามีกระเช้าขึ้นเมื่อไร ค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน
ระหว่างการเดินเท้าอันแสนวิบาก นิวัตรเล่าว่าเดินไปแล้วลื่นไถลลงไปกองอยู่ข้างทางสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร พลังอี้หมึงยังตึงเปรี๊ยะ ก็เลยเดินขึ้นไปตามทางแคบๆจนถึงยอดดอย ลานต้นสนสามใบ 1,000 ไร่ กว้างใหญ่ไพศาล ทุ่งหญ้าเขียวขจี ดอกไม้ป่าที่คาดว่าจะดกดื่นกลับมาอย่างเบาบาง แต่ก็ได้ภาพสวยงามมาฝาก
ลูกหาบรอรับงานที่เชิงดอย
“ปลายฝนต้นหนาวที่จะถึงนี้จนถึงหนาวหน้า ดอกหงอนนาค ดอกกระดุมเงิน ดอกรองเท้านารีอินทนนท์ จะบานสะพรั่งพร้อมกับใบต้นเมเปิ้ลจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงส้มงดงามอลังการมากๆ” อ้อ หมายความว่า หนาวหน้าต้องมาเที่ยวให้ได้นะ สวยสมใจแน่นอน
ได้นอนเต็นท์ท่ามกลางหมอกฟุ้งกระจายแลพใต้ร่มต้นสนสามใบ
บนลานสนสามใบ ลีลาของต้นสนงดงาม โลมไล้ด้วยหมอกจางๆช่างมีเสน่ห์ตราตรึงใจ อากาศเย็นชื่นใจจนเกือบหนาว วี่แววของดอกไม้ดินท่าจะดกดื่นอย่างภาพที่เคยเห็นจากทีวีและนิตยสารการท่องเที่ยว ในแต่ละมุมมองของช่างภาพย่อมแตกต่าง บางคนชอบถ่ายทะเลหมอก บางคนชอบถ่ายภาพระยะใกล้(Macro) และบางคนชอบถ่ายรูปคนกับธรรมชาติ
ผอ.ททท.แพร่ งามจัด
สื่อหล่อจริง
ค่ำคืนที่เย็นฉ่ำไปกับหมอกจางๆ บนลานป่าสนสามใบที่สูงภายใต้เต็นท์นอนแสนโรแมนติก นิวัตรเล่าว่าไม่รู้ใครกรนบ้างไหมเพราะว่าหลับไหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เป็นงานหนักแต่เมื่อตื่นขึ้นตอนเช้าตรู ก็เกินคุ้ม หมอกกระจายไปทั่วลานสนสามใบ ได้ดื่มกาแฟและทานอาหารในสายหมอกที่หยอกเย้าแบบไม่เกรงใจ ได้เดินชมทุ่งดอกหงอนนาคและป่าสน
พนักงานพิทักษ์ป่าพร้อม
การเดินทางประสบความสำเร็จด้วยกำลังขาของชายหนุ่มเหลือน้อย ได้ภาพสวยงามตามแต่จะมีให้ถ่ายมาฝาก ได้สาระเรื่องเล่ามาให้เขียน และค้นหาจากอินเตอร์เน็ต กูเกิ้ล เจ้าปัญญา เป็นสารคดีที่คนเขียนไม่ได้ขึ้นไปเองแต่ได้ชมภาพจริงจากช่างภาพ แค่นี้ก็ช้ำใจเจียนตายแล้ว ทำไม เกิดนานไปนิด พอมีโอกาสจะได้ไปก็ไปไม่ไหวเสียแล้ว
จงท่องเที่ยว เมื่อท่านยังสามารถไปท่องเที่ยวได้ เมื่อไปไม่ไหวจะเสียใจอย่างผม ฮา
โอ้..พุง
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ประกาศจัดตั้งในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 125 ตอน 71 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 พื้นที่ 125,110 ไร่ ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,334.4 มม./ปี อุณหภูมิเฉลี่ย 9-35 องศาเซลเซียส ความสูงสุดยอด 2,102 เมตร ถือเป็นลำดับที่ 5 ของประเทศไทย ทรัพยากรท่องเที่ยวเป็นป่าสมบูรณ์กว่า 85 % ลานสนสามใบบนยอดภู 1,000 ไร่ ความสูงเฉลี่ย 1,633 เมตร
การเดินทางไปจากพิษณุโลกถึงอุตรดิตถ์ แล้วใช้ถนนสายไปน้ำปาด(1047) แยกเข้าสาย 1239 อีก 46 กม. ก็เลี่ยวเข้าถนนสาย 1268 อีกเพียง 19 กม. รวมระยะทาง 188 กมถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
โรแมนติก อิอิ