ยลสองช่อง ท่องอารยธรรมขอม

“ยลสองช่อง  ท่องอารยธรรมขอม” ATTA จับมือ ททท.อีสาน

ร่วมกันจัดประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สัญจร ที่บุรีรัมย์ สำรวจเส้นทาง แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ของอีสานใต้ 

   เรื่อง/ภาพ สุเทพ ช่วยปัญญา

   

     สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) จับมือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคตะว้นออกเฉียงเหนือ ร่วมกันจัดประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สัญจร  ครั้งที่ 1/2557 วันที่  1 – 3  สิงหาคม  2557 ตอน “ ยลสองช่อง  ท่องอารยธรรมขอม ” ( กรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ – สุรินทร์ – นครราชสีมา ) มีวัตถุประสงค์เพื่อประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สัญจร แล้วยังให้สมาชิกได้สำรวจเส้นทาง แหล่งท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ภูมิภาคตะว้นออกเฉียงเหนือ เสนอเป็นทางเลือก เพื่อนำไปทำเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ มาเที่ยวภาคอีสานให้เพิ่มมากขึ้น โดยมีผู้ประกอบการและสื่อมวลชนร่วมเดินทางไปด้วยประมาณ 150 คน

    

     วันที่ 1 ออกเดินทางที่โรงแรมเอเชีย ราชเทวี เวลา 7.00 น.

  นายเอนก ศรีชีวะชาติ อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว พร้อมกับ นางสมฤดี ชาญชัย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคอีสาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำคณะสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ภูมิภาคตะว้นออกเชียงเหนือ และสื่อมวลชน ออกเดินทางโรงแรมเอเชีย ราชเทวี ในเวลา 7.00 น. มุ่งหน้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์ แวะพักทานอาหารเที่ยงที่ร้านลักษณาขาหมู สาขา 2 ร้านอาหารชื่อดังของจังหวัดบุรีรัมย์ เมนูแนะนำก็คือขามหมู ชื่อร้านเขาก็บอกแล้วว่า “ลักษณาขาหมู” มาที่นี่ไม่ทานขาหมูถือว่าผิด

    

      ศึกษาอารยธรรมของปราสาทเมืองต่ำ

   ปราสาทเมืองตำ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแรกที่คณะของเรามาเยี่ยมชม เพื่อศึกษาอารยธรรมของปราสาทเมืองต่ำ มีไกด์ท้องถิ่นมาบรรยายเรื่องราวของปราสาทเมืองตำ่ให้ฟังอย่างละเอียด ซักถามข้อมูลเชิงลึกได้อย่างมาก ไกด์มีข้อมูลแน่นจริงๆเก่งมากครับ

    ไกด์เล่าให้ผมฟังว่า “ปราสาทเมืองต่ำ เป็นปราทสาทหินทรายของอารยธรรมขอมโบราณ มีลักษณะแบบปาปวน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 - 17 เพื่อใช้เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ภาพสลักส่วนใหญ่เป็นภาพเทพในศาสนาฮินดู” ผมมาที่ปราสาทเมืองตำ่นี้ก็หลายครั้งอยู่ มาครั้งใดก็มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจมาเที่ยวชมเยอะเหมือนกับทุกครั้งที่ผมมาเยือน

     

       เดินเที่ยวเพลินๆที่ เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์  

    เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุดที่ได้รับความนิยมจาก

นักท่องเที่ยว ของจังหวัดบุรีรัมย์ในปีนี้ ภายใน เพ ลา เพลิน จะเป็นบรรยากาศ แบบสบายๆ มีการจำลองมรดก

โลก สิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของโลก เช่น กำแพงเมืองจีน หอไอเฟล สะพานทาวเวอร์บริดจ์ หอเอนเมืองปิซา สโตน

เฮนจ์ รวมถึงห้องพักที่ออกแบบโดยใช้พื้นฐานของวัฒนธรรมประเทศต่างๆ กว่า 20 ห้อง

    นอจากนี้ยังมีดอกไม้ ดอกกล้วยไม้ นานาชนิดจัดแสดงตามฤดูกาลให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันอีกด้วย อย่างเช่น

ตอนที่คณะของเราไปเยี่ยมชม เป็นช่วงที่ดอกกระเจียวกำลังบาน ก็มีการจัดแสดงดอกกระเจียวทุกสีสันหลากสาย

พันธุ์ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามของดอกกระเจียวกันอย่างเต็มอิ่มอีกด้วย

     

       ร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขาย Table Top Sale

   ช่วงเย็นเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขาย Table Top Sale กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่  จ.บุรีรัมย์

และ ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้ง 7 สำนักงาน ณ ห้องอำเภอเมือง โรงแรมเทพนคร โดยมี นายเสรี

ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวต้อนรับและมอบของที่ระลึกให้กับขณะเรา จากนั้น นางสมฤดี ชาญชัย

ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท. นำเสนอศักยภาพสินค้าทางการท่องเที่ยวของภาคตะวันออก

เฉียงเหนือ (Product Briefing) จากนั้นร่วมรับประทานอาหารคำ่ และชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของ

อีสานใต้

     

        วันที่ 2 ยลช่องหนึ่ง ที่ด่านชายแดนช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์

    ตื่นขึ้นมาแปรงฟันล้างหน้าแต่งตัวเสร็จกันตั้งแต่เช้ามืด มาทานข้าวเช้ากันตั้งแต่ไก่โห่ ที่เป็นอย่างนี้เพราะ

ว่าคณะของเราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อให้ถึงด่านชายแดนช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ให้ได้

ตามเวลาที่นัดหมาย เพื่อร่วมรับฟังการบรรยายถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และข้อมูลการเดินทางเข้าออก ของนักท่อง

เที่ยวไทย ชาวกัมพูชา ที่เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย จากนายอำเภอกาบเชิง และสารวัตร ตม.กาบเชิง

ยลช่องหนึ่ง ที่ด่านชายแดนช่องจอม ในครั้งนี้เป็นที่น่าเสียดายที่คณะของเรา ไม่มีโอกาสได้ลงจากรถไปสัมผัสกับ

บรรยายกาศและสถานที่จริง เนื่องจากเวลาไม่พอ ได้แต่วนรถเข้าไปฝังกัมพูชาแล้วก็กลับออกมา คราวหน้าต้องมา

ยลที่ช่องจอมให้ได้ครับ

        

        ยลช่องสองที่ด่านชายแดนช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ

   หลังจากที่ผิดหวังที่ไม่ได้ยลช่องหนึ่งที่ด่านชายแดนช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ด้วยการลงไปสัมผัส

บรรยากาศและสถานที่จริง เพราะเสียเวลากับการฟังการบรรยายมากเกินไป แต่ได้ยลช่องสองที่ด่านชายแดนช่อง

สะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ก็ยังดีครับ รถของคณะเราวิ่งข้ามแดนเข้าไปในฝั่งกัมพูชา ถนนช่วงแรกที่ติด

กับฝั่งไทยถนนเป็นคอนกรีต เลยมาประมาณ 800 เมตร ถนนก็เป็นดินลูกรังแล้วครับ ที่ด่านช่องสะงำนี้มีเวลาพอ

ให้เข้าไปศึกษาดูงานในบ่อนคาสิโนกันอยู่พักใหญ่ ใครจะช้อปที่ร้านปลอดภาษีก็เชิญตามสะดวก ผมไม่ถนัดเรื่อง

ช้อป ก็เลยเข้าไปดูงานในบ่อนคาสิโน นั่งดูลูกบอลเล็กๆวิ่งหาที่ลงตามเลขต่างๆอยู่เพลินๆ เสียงไกด์ก็มาเรียกให้

ขึ้นรถเสียแล้ว เข้าใจแล้วว่าทำไมคนไทยถึงชอบข้ามมาฝั่งกัมพูชากันนัก มันสนุกอย่างนี้นี่เอง

         

          เยี่ยมชม ชุมชนบ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์

   ออกจากด่านชายแดนช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อมาเข้าเยี่ยมชม ชุมชนบ้านทอผ้าไหมยกทอง

โบราณ บ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ หน้าหมู่บ้านเห็นป้ายบอกชื่อหมู่บ้านอย่างชัดเจน มีร้านของที่ระลึก กระเป๋า

ผ้าขาวม้า ขุดไทยอีสานสำเร็จรูป มีให้เลือกทั้งของผู้หญิงและชาย ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ อยู่สองฝั่งข้างทาง

เข้าหมู่บ้าน

    ผมเดินเข้ามาที่ จันทร์โสมา สถานที่ทอผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง ซึ่งครั้งหนึ่งได้รับคัดเลือก

จากรัฐบาลให้ทอผ้าไหมยกทอง สำหรับตัดเย็บเสื้อให้ผู้นำประเทศต่างๆ ในการประชุม APEC เพื่อดูกรรมวิธีการ

ผลิตการทอผ้าไหมยกทองโบราณ เห็นแล้วทึ่งครับ เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทยขี้นมาทันที แต่ละขั้นตอน

การผลิตตั้งแต่การเตรียมพืชเพื่อทำสีย้อมผ้า การต้มผ้าย้อมสี ตากเส้นไหมให้แห้ง ถักทอด้วยกี่กระตุกชนิดพิเศษ

ซึ่งต้องใช้คนทอถึง 4 คน การทอเป็นไปด้วยความปราณีต สมกับที่ได้ทอผ้าให้กับผู้นำ APEC สวมใส่

         

          สำรวจหมู่บ้านคนเลี้ยงช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก   

    เดินทางถึงหมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ก็เย็นมากแล้ว เพื่อมาสำรวจหมู่บ้านคนเลี้ยงช้างที่

ใหญ่ที่สุดในโลก แวะชมพิพิธภัณฑ์ช้าง ที่เก็บรวบรวมประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับช้าง กันก่อนครับ ที่พิพิธภัณฑ์

ช้างจะมีข้อมูลเกี่ยวกับช้างและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการคล้องช้าง จากนั้นก็ไปสัมผัสวิถีชุมชนคนกับช้างกันต่อ

ครับ จะเข้าไปในหมู่บ้านคนเลี้ยงช้างได้ต้องต่อรถอีแต๊กเข้าไปครับ ริมสองข้างเป็นภาพที่อบอุ่นมาก มีบ้านไม้

ใต้ถุนสูงเลี้ยงช้างอยู่ข้างบ้าน ช้างได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เสมือนสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง (ผมไม่สงสัยแล้ว

ว่าทำไม “จาพนม” ถึงได้รักช้างของเขามากจรืงๆ)

      และก็มาถึงศูนย์แสดงช้าง ซึ่งจะจัดโชว์ความสามารถพิเศษของ

ช้างให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันทุกวัน ส่วนสุสานช้าง วัดป่าอาเจียง ก็อยู่ข้างๆศูนย์แสดงช้าง ซึ่งสุสานช้างจะเป็นโกฐ

ทรงรูปหมวกนักรบโบราณ มีชื่อช้างวันชาตะอยู่หน้าโกฐด้วย จบภาระกิจสุดท้ายของวัน ด้วยการไปชมการแข่งขัน

ฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ 2557 (เลก 2) ระหว่างทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และ ทีมสุพรรณบุรี เอฟซี ณ สนาม

ฟุตบอล I Mobile Stadium

 

        วันที่ 3 ประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) สัญจร

   สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) จัดประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สัญจร  ครั้งที่

1/2557 วันที่  1 – 3  สิงหาคม  2557 ตอน “ ยลสองช่อง  ท่องอารยธรรมขอม ” ( กรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ –

สุรินทร์ – นครราชสีมา ) มีวัตถุประสงค์เพื่อประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สัญจร แล้วยังให้

สมาชิกได้สำรวจเส้นทาง แหล่งท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ภูมิภาคตะว้นออกเฉียงเหนือ

เสนอเป็นทางเลือก เพื่อนำไปทำเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ มาเที่ยวภาค

อีสานให้เพิ่มมากขึ้น นำโดยนายเอนก ศรีชีวะชาติ อุปนายกฯ เป็นประธานการประชุม มีผู้ประกอบการและ

สื่อมวลชนร่วมด้วยประมาณ 150 คน    

     

      ชมแหล่งโบราณคดี ปราทาสหินพิมาย อ.พิมาย จังหวัดนครราชสีมา

   ประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) สัญจร เสร็จคณะของเราก็เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

ขากลับเราแวะทานอาหารกลางวัน ไก่ย่าง ข้าวเหนียว สัมตำ่ กันที่สวนสาธารณะไทรงาม ทานส้มตำไปด้วย ชม

สวนไทรงามไปด้วย เพลินตา ชื่นใจ อิ่มท้อง ไปด้วยในคราวเดียวกัน รถของคณะเรามาจอดอีกทีที่แหล่ง

โบราณคดี ปราทาสหินพิมาย อ.พิมาย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่คณะเราแวะเยี่ยมชมในทริปนี้

    ชื่อพิมาย มาจากวิมาย หรือ วิมายปุระ ที่ปรากฏในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นดินตรงกรอบประตู ปราสาทหินแห่ง

นี้สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ ต่างจากปราสาทหินอื่นที่ มักหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเพื่อให้หันรับ

กับเส้นทางที่ตัดมาจากเมืองยโศธรปุระ เมืองหลวงของอาณาจักรเขมรซึ่งเข้าสู่เมืองพิมายทางด้านทิศใต้ ปราสาท

หินพิมายเริ่มสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมัน ที่ 1 รูปแบบทางศิลปกรรมของตัว

ปราสาทเป็นแบบปาปวน ปราสาทหินแห่งนี้สร้างเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน

 

    ขอขอบคุณ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ภูมิภาคตะว้นออกเฉียงเหนือ

ที่ทำให้ผมได้มาร่วม “ ยลสองช่อง  ท่องอารยธรรมขอม ” ในทริปนี้ ไม่ว่าจะเป็น ปราสาทหินพิมาย ปราสาทเมือง

ตำ่ ปราสาทพนมรุ้ง เพ ลา เพลิน  ด่านชายแดนช่องจอม ด่านชายแดนช่องสะงำ ชุมชนบ้านทอผ้าไหมยกทอง

โบราณ บ้านท่าสว่าง หมู่บ้านคนเลี้ยงช้าง และสนามฟุตบอล I Mobile Stadium นับว่าเป็นการสำรวจเส้นทาง

ท่องเที่ยวใหม่ๆของอีสานใต้ ที่มีคุณค่ายิ่ง เหมาะสมที่จะส่งเสริมให้เป็นท่องเที่ยวเส้นทางใหม่ ของอีสานใต้ได้เป็น

อย่างดี