บ้านทุ่งแสนสุข
ตอน 33. น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งลอยแพ
โดย มณีดิน
ลมฝนหยุดพัดพาย น้ำเหนือไหลบ่ามาตามคลองห้วยคัน น้ำที่เปื้อนปนไปด้วยเศษไม้ ใบหญ้า คละเคล้าด้วยตะกอนดินสีแดง ไหลมาแรงและเร็ว ชั่วไม่กี่คืน น้ำปริ่มฝั่งแต่ยังคงสีแดงขุ่นๆ ผักบุ้งก้นท้องห้วยไต่ตามไม่ทัน หญ้าขนลู่ไปตามแรงน้ำไหล รูปูรูกบชายคลองจมน้ำเกลี้ยง แมลงหลายชนิดเกาะบนขอนไม้ใบหญ้าและพยายามกระโดดหนี ปลาช่อน ปลาดุก ซึ่งไม่รู้ว่ามันมาจากไหน เที่ยวไล่หุบเหยื่อเป็นอาหาร
เวิ้งน้ำกว้างที่สุดอยู่ที่คลองห้วยคัน น้ำป่าหลากไหลเข้าท้องนา ดินตะกอนและอินทรียวัตถุลามไหลเข้าท้องทุ่ง เหมือนเติมปุ๋ยจากวิถีทางธรรมชาติ ช่วยให้นาข้าวเขียวไสวไปทั่ว บนปล่องโรงสีไฟยังมีควันสีดำพวยพุ่ง การสีข้าวเปลือกเป็นข้าวสารยังดำเนินต่อไป เจ๊กโรงสีกักตุนข้าวเปลือกไว้ในยุ้งข้าว(ฉาง) เตี่ยผมก็ทำเพื่อเก็งกำไรตอนขาดข้าว
ชาวนาไล่ต้อนวัวควายขึ้นห้างเพื่อให้พ้นน้ำ แล้วพายเรือไปหาเกี่ยวหญ้ามาให้วัวควายได้กินจนอิ่มอ้วน เจ๊กโรงสีรายที่นิยมเลี้ยงหมูก็ยกพื้นสูงให้หมูได้อยู่อย่างปลอดภัย เด็กๆชาวโรงสีอย่างผมต้องไปหาผักบุ้งและผักปอดมาสับผสมกับรำหรือปลายข้าว ให้หมูกิน เช้ากับเย็น วันละ 2 มื้อ ของว่างคือผักปอดบ้าง ผักบุ้งเป็นเส้นๆบ้าง
หน้าที่ลูกเจ๊กโรงสีที่เลี้ยงหมูนั้นต้องตื่นแต่เช้าตรู่ โยนถังน้ำผูกเชือกลงไปตักน้ำจากใต้ถุนห้างหมู(เล้า) แล้วสาวขึ้นมาสาดใส่หมูทุกตัว ไอตัวหมูขึ้นกรุ๋งๆ อาบน้ำหมูแล้วก็ต้องสาดขี้ลงไปด้วย บางทีก็ได้เห็นพยาธิตัวกลมในขี้หมู ขยะแขยงเอาเรื่องแต่ก็ต้องสาดน้ำใส่จนขี้หมูและพยาธิตกลงไปใต้ถุน ตกเป็นอาหารปลาไปตามระเบียบ น้ำไสไหลเย็นเห็นตัวปลาแหวกว่ายมากินขี้ทุกชนิด
ผมจำได้ว่าปลาที่มารอกินขี้หมูทุกเช้าเป็นปลาสังขวาด ปลาเทโพ ปลาสวาย ปลาแปลบ ปลาดุก(นานๆจะเห็นโผล่) ปลาซิว ปลา.... ส่วนใหญ่เป็นลูกปลาขนาดเล็กๆ ใหญ่มากก็แค่ข้อมือ เวลาที่ชาวบ้านทอดแหตกปลาได้ปลาเทโพ ปลาสวาย ก็เป็นปลาตัวใหญ่ๆ ที่หากินตามกลางแม่น้ำ ไม่เคยเห็นปลาใหญ่มากินขี้หมูสักที เลยกินสนิทใจ
พี่สาวผมต้องหมายถึงพี่เจนเลย เพราะเป็นพี่สาวคนโตที่ไม่ได้ไปเรียนหนังสือ ต้องช่วยเตี่ยกับแม่ทำงาน มีหน้าที่พายเรือไปกับผมเพื่อไปเก็บผักบุ้งลอยแพตามทุ่งนาหรือตามชายคลอง ส่วนพี่จันกับน้องชายผมเจ้าทุยนั้นหรือ ยากที่จะมาช่วยงานอย่างนี้ เพราะว่าหน้าที่หลักคืออ่านนิยาย ฟังละครวิทยุและดูทีวี ทำตัวดุจลูกเจ้าขุนมูลนายมาแต่เด็กๆ
ผักบุ้งนาจะเป็นปล้องแดงๆ อวบน้ำ ทอดยอดยาวไปตามแต่จะมีที่ว่าง แต่ละเส้นจึงยาวมาก รากหรือก็แตกไปทุกข้อ ทุ่งข้าวแปลงไหนขึ้นไม่เต็มก็จะมีวัชพืชน้ำคือผักบุ้งนี่แหละแทรกไปทั่ว ตอนชักผักบุ้งก็ชักเอาๆ ไม่ได้คำนึงถึงว่าจะเป็นยอดอ่อนๆหรือทั้งต้นแก่ สาวได้ก็สาวเอาขึ้นเรือ พอเต็มลำก็บ่ายหัวกลับบ้าน
แม่จะมาเลือกยอดอ่อนๆเอาไปแกงหรือผัดให้พวกเรากิน บางทีก็ลวกจิ้มน้ำพริกกะปิ กินยอดอ่อนก่อนจะสับทั้งต้นแก่ๆ ให้หมูกินต่อไป
ส่วนคำว่าน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งลอยแพ มักได้ยินแม่พูดเปรียบเปรยให้ฟังว่า คนที่ทำอะไรเลื่อนเปื้อน เอาแน่เอานอนไม่ได้ เหมือนผักบุ้งลอยแพ เป็นคนไม่มีระเบียบ ทำจนยุ่งเหยิงไปหมด ซึ่งผมคิดไปเองว่าน่าจะกลอนพาไปหรือไหลไปตามทำนองของภาษา แท้จริง เป็นสำนวนเปรียบเปรยมาแต่เก่าก่อน ว่างั้นเถอะ