กล้วยทะนีออง...เคยเลี้ยงน้องมา
“แพงขวัญ”
ในวัฒนธรรมอีสาน แต่นานมา เรารู้จักกับกล้วย ต้นกล้วย ใบ(ตอง)กล้วย หยวกกล้วย เชือกปอกล้วยจนคุ้นเคย เหมือนมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกบ้านเรือน และทุกคนในสังคมหมู่บ้าน
กล้วยที่เราปลูกกันมีหลายพันธุ์ หลายชนิด มีชื่อแปลก ๆ เช่น กล้วยตีบใหญ่ กล้วยตีบน้อย กล้วยหมูสี กล้วยทะนี และที่จำได้ติดใจก็คือ กล้วยทะนีออง(ตะนีอองก็เรียก)
อาจเป็นด้วยชื่อของมันเพราะ หรือเพราะมีคำคล้องจองที่พูดกันเป็นเหมือนสร้อยคำว่า “กล้วยทะนีอองเลี้ยงน้องนะ” กระมัง จึงจำชื่อกล้วยชนิดนี้ได้ตลอดมาทั้ง ๆ ในปัจจุบันไม่ได้ยินใครพูดกันแล้ว และเราก็ย้ายจากบ้านเกิดมานานจนหลาย ๆ อย่างเลือนหายไปจากความทรงจำ
วันหนึ่งกำลังเลี้ยงหลานอยู่กระบี่ เพื่อนที่แสนดี คุณอรพิน ก็โทร.ไปถามว่า “นี่เธอจะปลูกกล้วยไหม เรากำลังมาซื้อหน่อกล้วยหอมสี่หน่อหนึ่งร้อย”
“กล้วยทะนีอองมีไหม”
“ไม่มี... เขาไม่รู้จักด้วยจ้า กล้วยโบราณอย่างนั้นใครเขาปลูกกัน”
“งั้นก็เอากล้วยหอมปลูกให้เราด้วยสักสิบหน่อ”
“ปลูกทำไมแค่สิบต้น เอายี่สิบต้นละกัน คิดเงินง่ายด้วย แค่นั้นนะ เดี๋ยวจะปลูกให้นะ มาอุบลปีหน้ามาตัดเครือกล้วยในสวนไปกินได้เลย”
แล้วเธอก็วางหูไป แล้วเราก็เป็นหนี้เพื่อนอีก เป็นหนี้ทั้งเงินทองและน้ำใจ ซึ่งทั้งสองอย่างเพื่อนก็ไม่ใส่ใจจะจดจำหรอก คนอีสานอย่างเราที่เกิดและเติบโตมาในวัฒนธรรมชาวบ้านเมื่อหลายทศวรรษก่อน ไม่เคยเห็นว่าเรื่องการเผื่อแผ่แก่กันและกันอย่างนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่โตให้ต้องเป็นกังวล
เราซื้อที่ไว้ติดกัน และหวังว่าแก่แล้วจะมาอยู่ใกล้กัน (อันนี้เล่าให้ลูกฟังลูกก็หัวเราะว่านี่ยังไม่แก่เหรอ อะไรประมาณนั้นแหละ...ไม่อยากจำกับคำถามพันนั้น) เพื่อนจะทำอะไรก็มักเผื่อเราเสมอ ในฐานะที่เธออยู่ใกล้และเราอยู่แสนไกลถึงกรุงเทพ และกระบี่ในบางโอกาส
“เธอจะล้อมรั้วไหม”
“เธอจะขุดสระเลี้ยงปลาไหม นี่รถแบ็คโฮกำลังขุดของเราอยู่”
“ เธอจะไถพรวนดินไว้ไหม”
“เราลงตะไคร้ไว้ให้เธอแล้วนะ”
“ให้เขาทำกระท่อมไว้แล้วนะ”
“ลงยางพารากันนะสักคนละห้าร้อยต้น ปลูกต้นไม้อื่น ๆ แซม ๆ ไว้ได้อยู่แล้ว”
มาถึงตอนนี้ ผ่านมาปีกว่า ๆ เราไปสวนนั้นแล้วไม่อยากจากไปไหนเลยหละ ดูมันช่างง่ายเหลือเกินสำหรับการจะเป็นเกษตรกรแบบไม่คิดถึงกำไรกำรี้
“กล้วยทะนีออง กล้วยโบราณอย่างนั้นใครปลูกกัน”
“งั้นก็กล้วยอะไรก็เอา ปลูก ๆไปเถอะ”
วางหูแล้วเสียงเพื่อนยังแว่ว ๆ ในโสตประสาท พอดีหลานร้องขึ้นมาทำให้นึกได้ว่าสมัยก่อนเราเลี้ยงเด็กทารกอย่างนี้ด้วยกล้วยตะนีออง
“กล้วยอะไรก็เอาปลูกๆไปเถอะ”
ปลูกง่ายขนาดนั้นเลยแหละจะบอกให้ และผืนดินในประเทศไทยก็ปลูกกล้วยได้ทุกภาค อาจแตกต่างกันบ้างในสภาพความอุดมสมบูรณ์และธาตุอาหารในดิน ซึ่งทำให้ต้องดูแลให้น้ำให้ปุ๋ยแตกต่างกันบ้าง แต่เชื่อเถอะว่า กล้วยเคยเป็นพืชประจำสวนของคนทุกภาคมาแต่โบราณ และทุกส่วนของต้นกล้วยก็อยู่ในวิถีชีวิตของคนไทย ไม่ว่ากาบ ลำต้น ดอก ใบ ผล ทั้งใช้เป็นอาหารคน อาหารสัตว์ ใช้ทำเครื่องใช้ไม้สอย เพิ่งจะมาห่างหายไปไม่นาน เมื่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนนี่หรอกนะ
โดยเฉพาะในวิถีชาวบ้านอีสานก่อนนั้น ทุกบ้านทุกสวน ต้องมีต้นกล้วยทะนีอองปลูกไว้อย่างน้อยหนึ่งกอ
และกล้วยก็ช่างปลูกง่ายดาย แม้แต่บนดินไม่ดีจืดชืดอย่างไรปลูกแกไปดูแลไปสักสองสามปี ตัดดอกตัดผลตัดต้นตัดใบ แล้วก็ใช้ส่วนที่เหลือกองทับถม บำรุงดินให้ชุ่มชื้น กลายเป็นดินดีให้แกแตกหน่อแตกกอออกมาได้เองมากมาย จำได้ว่าสมัยเป็นเด็กที่บ้านผับแล้ง อ.สำโรงโน้นยายข้างบ้านสวนติดกันแกปลูกกล้วยไว้ริมรั้วติดกับสวนของเรา เผลอแป๊บเดียวต้นกล้วยแกแตกหน่อ ขยายกอ รุกล้ำเข้ามาในสวนเราเจ้าของก็ขยับรั้วล้อมกอกล้วยเข้ามาเรื่อย ๆ ที่สวนของเราก็หดแคบจนเกิดกรณี ต้องพากันขึ้นบ้านผู้ใหญ่บ้านให้มาตัดสินความแกจึงยอมขุดย้ายกอกล้วยออกไป ... นั่นปะไรตัวอย่างการขยายพันธุ์ง่ายดายของต้นกล้วยเขาละ
กล้วยจึงเป็นมิตรแท้มาแต่โบราณ หน้าแล้งอาหารหายากเราก็ตากกล้วยไว้ เพราะมีธาตุอาหารครบ ไม่แสลงต่อกระเพาะทารก กล้วยจึงเป็นอาหารเริ่มแรกของทารกได้เป็นอย่างดี กล้วยทะนีอองตากหอมหวานนั้นเด็ก ๆ ชอบกินมากขนาดขโมยกินกล้วยที่ตากไว้เลี้ยงน้องกัน จนมีบทกลอนล้อเลียนคนขโมยกินกล้วยของน้อง ที่เราท่องกันเล่น ๆ เป็นที่สนุกเลยหละ
นกเจวเวว*ลักกินกล้วยน้อง
แม่ถามหา ว่ากากินแล้วๆๆๆ...
ก็กล้วยตากมันอร่อย เด็ก ๆ แทบทุกคนจึงมีสิทธิ์ถูกเรียกเป็นนกเจวเวว(นกแจนแวน)เพราะมีประวัติแอบกินกล้วยที่เก็บไว้ให้น้องกันทั้งนั้น
มาถึงปัจจุบัน กล้วยกลายเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งได้รับการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมากมาย บางชนิดเป็นผลไม้ส่งออกที่คนไทยไม่มีสิทธิ์กินเพราะราคามันแพง และผู้ค้าส่งออกก็จองไว้หลาย ๆ สวน ปีละหลาย ๆ ตัน ที่เป็นอย่างนั้น(แบบถูกจองไว้ส่งนอก)เพราะเขาปลูกแบบอินทรีย์ไม่ใช้สารเคมี
“เดี๋ยวนี้ตลาดจะเป็นแบบนี้แหละค่ะ อะไรที่เป็นเกษตรอินทรีย์ไม่ว่าพริก มะเขือ ถั่ว แตงล้วนมีผู้แย่งกันซื้อและจับจอง ส่งเมืองนอกญี่ปุ่น อเมริกาทั้งนั้น”
เกษตรกรรายหนึ่งบอกให้เจ็บใจ เพราะเราเป็นคนไทยต้องให้กินของปนเปื้อนจากสารฆ่าแมลง เร่งดอก เร่งผล ไปเถอะ
ช่างเถอะเราจะปลูกกล้วยของเรากินเอง ก็ปลูกง่ายออกอย่างนั้น แถมใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ขายได้ตั้งแต่ใบตองโน่นแหละ
คุณจะแปลกใจหากได้เห็นว่า อลังการจากใบตองกล้วย ในงานประเพณีพิธีกรรมต่าง ๆ ของชาวไทย ชาวอีสานในปัจจุบัน นับตั้งแต่กรวยดอกไม้ใส่พาน หรือจานพร้อมหมากพลูถวายพระสงฆ์ กระทงเล็ก ๆ ใส่ขนมพื้นบ้าน ไปจนถึงงานช้างอย่างเทียนพรรษา ปราสาทผึ้ง ไปถึงกระทงหลวง ทำให้งานใบตองออกมาวิจิตรตระการตา เป็นรูปนก รูปช้าง พญานาค ปราสาทราชวังได้ทั้งหมด
เอารูปมาให้ดูแล้วค่ะ
๐๐๐๐
*นกแจนแวน(เจวเวว)เป็นนกชนิดหนึ่งที่มักหลบหน้าหายไปในช่วงฝนชุกฤดูเข้าพรรษาเชื่อกันว่ามันหลบไปจำพรรษา จะออกมาร้องส่งเสียงอีกทีในวันฟ้าใสใกล้ออกพรรษาเป็นคล้ายเสียงเตือนให้คนในท้องถิ่นรู้ว่าเทศกาลออกพรรษาใกล้เข้ามาแล้วให้เตรียมตัว เตรียมหมักข้าว ตัดใบตองทำข้าวต้มข้าวหนมในบุญออกพรรษาที่จะมาถึง