เมื่อหนุ่มใหญ่วัย 66 ปี
ท้าทายด้วยระยะทาง 1,760 กิโลเมตรบนถนนนับพันโค้ง ตอน 1.
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
หนุ่มใหญ่วัย 66 ปี ที่แท้เป็นหนุ่มเหลือน้อย
เรื่องจริงไม่อิงนิยาย เมื่อหนุ่มใหญ่วัย 66 ปี อยากท้าทายชีวิตอีกครั้ง ด้วยการขับรถยนต์เล็กๆจากอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เป้าหมายมุ่งหน้าไต่ระดับความสูงของน้ำทะเลปานกลางจาก 5 เมตรขึ้นไปจนถึง 1,368 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง สูงสุดที่ ดอยขุนสถาน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน เมื่อหนาวกลางเดือนธันวาคมนี้เอง
หนุ่มใหญ่วัย 66 ปี เป็นชายร่างกะทัดรัดค่อนข้างอ้วนส่วนบน แต่ช่วงขาเรียวเล็ก ก้นปอด สวมรองเท้าเบอร์ 40 หน้าตาธรรมดา นัยน์ตาเล็กไม่มีเหล่าเต๊ง ผมหงอกทั้งหัว คอสั้น ไม่สวมแว่นสายตาลักษณะไหนทั้งสิ้น น้ำหนัก 73-75 กิโลกรัม ในความตั้งใจ มีความมั่นใจ
“ถือว่าเป็นการทดสอบสมรรถนะครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน” หนุ่มใหญ่วัยซิ่งคนนั้นคือผมเอง
ทุ่งทานตะวันบานสะพรั่งที่ไพสาลี
วันที่หนึ่ง ตรวจสอบสภาพรถยนต์เรียบร้อย เตรียมเครื่องนุ่งห่มและของใช้จิปาถะ พร้อมออกเดินทางโดยใช้ถนนสายอำเภอกำแพงแสน-อำเภอลาดหลุมแก้ว แถไปเข้าถนนพหลโยธินที่รังสิต แล้วไปรับของบริจาคจากน้องสาวชื่อ สนธยา เปาอินทร์ เพื่อผู้สูงอายุ เป็นเสื้อกันหนาว 50 ตัว แล้วตั้งมั่นดิ่งขึ้นไปตามถนนสายเอเชีย ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ด้วยหลักการ ง่วงเหงาหาวนอน หยุดนอนทันที
แต่พอถึงปากทางแยกอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ผมตัดสินใจใช้ถนนสาย 11 อินทร์บุรี-อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เป็นถนนคอนกรีตผสมถนนลาดยาง 2 ช่องจราจร เรียบและกระเด้งเป็นบางที่ ผ่านอำเภอตากฟ้าแล้วแล่นไปเรื่อยๆ แต่พอไปถึง กม.ที่ 44 อีก38 กม.ถึงอำเภอไพสาลี อีก 149 กม.ถึงจังหวัดพิจิตร ผมเห็นดงดอกทานตะวันบานสะพรั่งอยู่ข้างทางฟากซ้ายมือ
แสงแดดยามบ่ายแก่ๆกำลังสวย อดใจไม่ไหว ผมจอดรถชิดขอบทางแล้วคว้ากล้องถ่ายรูปไปบันทึกภาพไว้หลายรูป หลายมุม แต่ไม่ได้ถ่ายแบบเจาะเฉพาะดอก ด้านหน้าไร่ทานตะวันมีศาลาพักร้อนกรมทางหลวงตั้งอยู่ ข้างๆมีถนนลาดฝุ่นแดงๆทอดยาวไปในหมู่บ้าน ไม่มีป้ายบอกว่าเป็นหมู่บ้านอะไร สองข้างทางที่ผ่านมามีร่องรอยไร่ทานตะวันเหี่ยวหลายแปลง
วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ วัดพระพี่นาง
ปีที่สมเด็จ พระมหาวีรวงศ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม มีพระชนน์ 80 ปี ตรงกับวันที่ 29 กันยายน 2529 บรรดาศิษยานุศิษย์ ร่วมใจกันสร้างวัดป่าบนเขาโคกเผ่น แต่ด้วยมุฑิตาจิตสำนึกถึง สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ องค์ที่ 13 (ม่อมเจ้าภุชงค์ ชมพูนุท) แต่บ้างก็ว่าเป็นองค์ที่ 11 จนถึงเป็นองค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ ข้อมูลไม่ตรงกันนัก ค่อนข้างสับสน จึงถวายชื่อวัดว่าวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ เป็นการเทิดพระเกียรติแด่องค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์ที่ 13
วัดนี้ได้รับอนุญาตจากกรมธนารักษ์ ให้ใช้พื้นที่ 96-2-58 ไร่ กรมป่าไม้ยกผืนป่าโดยรอบรวมเป็นพื้นที่864 ไร่ ชาวบ้านเรียกเขาลูกนี้ว่า เขาโคกเผ่น มีหมู่บ้านโคกเผ่น ตำบลทำนบ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปีพ.ศ.2548 โดยวัดสร้างอยู่ในรูปเรือหลวง อุดมคติธรรมว่า เป็นพาหนที่จะนำพาสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในสังสารวัฎ(ทะเลวน)ให้พ้นจากโอฆะสงสารจากห้วงน้ำแห่งกิเลส
รูปเรือหลวงบนเขาโคกเผ่นมีความหมายว่าจะพ้นจากน้ำท่วมจากกิเลสตัณหา ปรารถนาให้หมดกิเลส มีชื่อว่าเรือราชญาณนาวาฑีฆายุมงคล วันที่ 12 มิถุนายน 2550 สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ รับเป็นองค์ประธานสร้างเจดีย์พุทธคยาจำลอง บนชั้น 3 ของวัด เพื่อเฉลิมฉลองพระชนมายุในหลวงปีที่ 80 พรรษา ปัจจุบันนี้ พระครูวิจิตรสีลาภรณ์ เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์ 2 รูป
ตะวันรอนๆ พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบเขา ผมตัดสินใจอำลาจากมาก่อนที่จะมืดค่ำไปกว่านี้ เพราะว่าต้องเดินทางไกลไปให้ถึงจังหวัดพิษณุโลก วาดหวังว่าจะกลับไปทำเรื่องวัดนี้อีกครั้งหนึ่ง ต้องมีสักวัน ฝากไว้ก่อน
พละกำลังหนุ่มใหญ่วัย 66 ปี ล้าตามสังขาร
จากวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ผมวนรถเข้าถนนสาย 11 มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ผ่านอำเภอหนองบัว อำเภอสากเหล็ก จนถึงอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก แล้วพยายามข่มความหิวและความเมื่อยล้า ที่ร้ายที่สุดคือ ปวดเมื่อยก้นปอดๆมาก ตัดใจแวะเข้าปั๊มน้ำมันเพื่อเข้าสุขาและยืดเส้นยืดสายให้หายเมื่อก้นปอดๆ
ด้วยความเพียรพยายาม ผมขัยรถไปพักนอนที่จังหวัดพิษณุโลกได้อย่างปลอดภัย แต่ก่อนเข้าห้องนอนก็ต้องรับประทานอาหารค่ำ ยาสามัญประจำตัว แล้วก็จัดการกับธุระส่วนตัวให้พร้อมพักผ่อน เวลาปาเข้าไปถึง 21.20 น. คืนนี้ไม่มีใครให้ต้องห่วง ช่างสบายเสียจริงๆ นอนคนเดียวอะดิคร๊าบพี่น้อง