ทริป เที่ยวไป-ทำบุญไป
กับมูลนิธิสมเพิ่ม กิตตินันท์
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
การนัดหมายและการเดินทาง
ท่านประธานกรรมการมูลนิธิสมเพิ่ม กิตตินันท์ หรืออีกฐานะหนึ่ง ประธานชมรมคุณเหี่ยว นัดหมายว่า 16-19 มกราคม 2558 เป็นกำหนดการเดินทางไปประชุมมูลนิธิสมเพิ่ม กิตตินันท์สามัญประจำปีพ.ศ.2557 เลขที่ 248 ม.14 บ้านกิตตินันท์ ต.ศรีษะเกษ อ.นาน้อย จ.น่าน โดยรถตู้เหมา 3 คัน รถคามิโอส่วนตัวอีก 1 คัน จุดนัดหมาย สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน กรุงเทพฯ เวลา 07.00 น.ล้อหมุน
ท่านประธานนำทีมรถตู้คันที่ 1 ประกอบด้วยสมาชิกกลุ่ม ร.พ.ราชวิถีรวม 8 คน สมาชิกรถตู้คันที่ 2 คณะอาจารจรวยพร สิงห์พยัคย์ พี่กุณฑล สันทัดการและครอบครัว ผอ.สุมิตรา ฉั่วตระกูล รวม 7 คน รถตู้คันที่ 3 นำโดย นพ.สุวิทย์ เกียรติเสวี แห่ง นสพ.เดลินิวส์ หน้าต่างมองคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม วันอาทิตย์ ประกอบด้วยสมาชิกชายหญิงรวม 8 คน เรียบร้อย รถคามิโออีก 4 คนเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
การเดินทางผูกพันเฉพาะรถตู้ 3 คัน ไล่เรียงกันไปตลอดทาง ถึงบ้านทาร์ซาน นั่นหมายถึงกิตตินันท์ รีสอร์ท บ้านพักกลางหุบเขา แยกกันนอนเป็นกลุ่มๆ ได้แก่บ้านมูลนิธิ บ้านชมรมคุณเหี่ยว เต็นท์ บ้านครูแหว๋ว และบ้านกลางน้ำ เรียบร้อยก็อาบน้ำ(มีน้ำอุ่นทุกห้อง)แต่งตัวมารวมกันที่ข้างบ้านมูลนิธิ เพื่อรับประทานอาหารและร้องคาราโอเกะกันแบบสบายๆในหน้าหนาวววววว 18 องศาเซลเซียส
ค่ำคืนสุขสรรค์ท่ามกลางรอยยิ้มของเด็กๆ
หัวหน้าสมพล จินดาคำและภรรยา พร้อมทั้งคณะผู้ใหญ่บ้าน ทองชั้น ธิเขียว ร่วมกันเตรียมอาหารหวานคาวและบริการอย่างทั่วถึง ชาวบ้านและนักเรียนทุนช่วยกันดูแลจนไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด ประทับใจไปทั่วหน้า แค่เหลียวหลังไปมองก็ปรื๊ดถึงๆ รวดเร็วทันใจเสมอ เวทีคาราโอเกะ กองเสบียงคอยเฝ้าดูแล เพียบพร้อม
นักร้องกิตติมศักดิ์ อดีตสวยพริ้งและหล่อเฟี๊ยว ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นไปร้อง ส่วนคนที่ของขึ้นก็รำฟ้อนต้อนหน้าต้อนหลังกันไปด้วยหัวใจที่เบิกบานสำราญใจ เด็กๆมากมายหลายสิบคนร่าเริง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะช่างมีความสุข ดนตรีจากวงของหน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำห้วยสามสบบรรเลงไม่ไล่ไม่เลิก
บรรยากาศบ้านป่าเมืองดอย ไม่มีชนชั้น ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น มิให้สนุกสุขใจ เป็นวิถีแห่งบ้านนาป่าเขา มีแต่ความบริสุทธิ์ใจ รอยยิ้มที่เปิดเต็มๆ แววตาเปล่งกระกายปรีดาตาใส เสียงหัวเราะร่าเริง ใสบริสุทธิ์ เสียงร้องตะเบงได้เต็มเสียง ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง ไม่มีอาการเหนียมอาย เพราะว่าเราคือชนชั้นเดียวกัน
ค่ำคืนที่หนาวเหน็บ ดื่มกาแฟร้อนตอนเช้าในสายหมอก
สนุกกันจนเต็มอิ่ม ได้เวลาต้องแยกย้ายกันไปนอน กิตตินันท์ รีสอร์ท บ้านพักกลางหุบเขาที่ความสูง 350-600 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางในเดือนมกราคมปี 2558 หนาวระดับ 18 องศา แต่ชั่วเวลาที่ผ่านเลย ความหนาวเย็นแห่งกาลเวลามาเยือน ยิ่งดึกสงัดยิ่งหนาวหนัก น้ำค้างพร่างพรมจนได้ยินเสียงเปาะแปะๆ
ผมขมวดตัวในม้วนผ้าห่ม 3 ผืน ลุกขึ้นมาปัสสาวะ 5 ครั้ง แล้วพยายามจะหลับให้ลง กดนาฬิกาข้อมือวัดอุณหภูมิ ช่วงเวลา 03.05 น. เหลือเพียง 14 องศา เช้ามืด แม้หนาวจับใจแต่ไก่บ้านในหุบเขาทำหน้าที่ปกติ ขานขันดังไปทั่ว ผมลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตาอีกครั้งแล้วเดินไปปัสสาวะ ล้มตัวลงนอนในม้วนผ้าห่ม หลับจนรุ่งสางสว่างแจ้ง
“ปรอดวัดได้เช้านี้ 11 องศาเซลเซียสครับ” หัวหน้าสมพล จินดาคำ รายงานอากาศที่เป็นจริง
หน้าบ้านพักมูลนิธิข้างสระน้ำกลางหมู่บ้าน โต๊ะเก้าอี้พร้อมผ้าปูพร้อมเสิร์ฟ กาแฟร้อน ข้าวต้มเครื่อง เลือกที่นั่งกันตามชอบ เป็นบรรยากาศที่อากาศบริสุทธิ์ หนาวเย็นแต่ ชวนนั่งรวมกลุ่มกันดื่มกิน ปล่อยวางสบายๆ ไม่มีเรื่องต้องเครียด แสงแดดอุ่นๆเริ่มสาดลงมาจากหมอกสีนวล ทุกคนเดินทางมากันพร้อมหน้า โอภาปราศรัยกันและกันฉันเพื่อนร่วมอุดมการณ์
ทอดผ้าป่าสามัคคีแล้วประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ
หลังอาหารเช้า ร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคีเพื่อถวายให้เจ้าอาวาสวัดกิตตินันท์วนาราม พระมหาพิพัฒน์ เป็นพระสงฆ์ที่ฉันเอกา อยู่เอกา บนดอยลูกเล็กๆ ในหุบเขา แวดล้อมไปด้วยป่าไม้นานาพันธุ์ นก และสรรพสัตว์ได้รับการละเว้นจากการล่าเป็นอาหาร หลังจากถวายผ้าป่าแล้วรับพรก็ลาจากเพื่อเข้าที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิสมเพิ่ม กิตตินันท์ ตามเวลาที่กำหนดไว้ 10.00-12.00 น.
ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ท่านอุดม หิรัญพฤกษ์ เชิญชวนกรรมการมูลนิธิ 19 คน และกรรมการกิตติมศักดิ์ ตลอดจนผู้เข้าร่วมประชุม ยืนไง้อาลัยแด่นายสมเพิ่ม กิตตินันท์ อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้เจ้าของมูลนิธิที่เสียชีวิตพร้อมๆกับคณะกรรมการอีกหลายคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ตั้งแต่ปีพ.ศ.2529-2558
หลังการประชุม คณะกรรมการมูลนิธิ ร่วมกันพิจารณามอบทุนส่งเสริมการศึกษาต่อเนื่องตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงระดับปริญญาตรี ประจำปีพ.ศ.2558 ดังนี้คือ
ทุนระดับอนุบาล จำนวน 2 ทุน เป็นเงิน 500 บาท/ทุนรวม 1,000 บาท
ทุนระดับประถมศึกษา จำนวน 19 ทุนๆละ 800 บาท รวมเป็นเงิน 15,200 บาท
ทุนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 4 ทุนๆละ 3,500 บาท รวมเป็นเงิน 14,000 บาท
ทุนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 9 ทุนๆละ 6,000 บาท รวมเป็นเงิน 54,000 บาท
ทุนระดับอุดมศึกษา จำนวน 10 ทุนๆละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 10,000 บาท
รวมทั้งสิ้น 45 ทุน เป็นเงิน 194,000 บาท มีการขอทุนเพิ่มเติมอีก 5 ทุน เป็นเงิน 30,100 บาท รวมเป็นเงินทุน 51 ทุน เป็นเงิน 224,000 บาท
หลังจากการประชุมคณะกรรมการและผู้มีเกียรติได้ร่วมกันมอบทุนให้กับเยาวชนเพื่อการศึกษาต่อเนื่องตั้งแต่ระดับอนุบาลจนกว่าจะเรียนจบปริญญาตรี ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีไปแล้ว 22 คน
เสร็จสิ้นพันธะกิจสำคัญประจำปี 2558 เดินทางต่อ
ระหว่างรับประทานอาหารกลางวันใต้ถุนโรงเรียนบ้านกิตตินันท์ นักเรียนทุนแสดงการฟ้อนและเต้นให้ชม เป็นที่ครึกครื้น
อิ่มอร่อยกับอาหารกลางวันแล้วหิ้วของฝากจากใจชาวบ้านกิตตินันท์ เป็นฟักทองพันธุ?พื้นเมือง ฟักเขียวลูกกลมๆ กล้วยตามแต่ว่าบ้านใดปลูกเอาไว้ในสวน เป็นน้ำใจไมตรีที่มีให้ด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ใจ สมาชิกเที่ยวไปทำบุญไป รับมาด้วยความดีใจ อุ้มกันไปใส่รถของตน พร้อมกับรอยยิ้มซื่อแสนซื่อของชาวบ้านป่าเมืองดอย
บางคนตื่นเต้นกับมะกอกป่าที่กำลังร่วงหล่น ขอให้ชาวบ้านช่วยเก็บใส่ถุงพลาสติก เพื่อเอากลับไปตำน้ำพริกหนุ่มที่บ้านในเมืองกรุง ซึ่งต้องไปซื้อหามาจากตลาด กลายเป็นของหายาก ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งรถตู้
รถตู้เคลื่อนขบวนออกจากกิตตินันท์รีสอร์ท มุ่งหน้าไปตามถนนสายเจ้าฟ้า (เวียงสา-นาน้อย)
“ลาก่อน บ้านทาร์ซานบนต้นมะค่าโมงยักษ์”
“ลาก่อนบ้านมูลนิธิริมสระกลางหุบเขา”
“ลาก่อนบ้านชมรมคุณเหี่ยวริมห้วยสามสบ”
“ลาก่อนบ้านครูแหว๋วเชิงดอยดงเปื๋อย”
ความสูงที่แตกต่าง ความหนาวเหน็บยิ่งแตกต่าง
รถตู้ไต่ระดับขึ้นไปตามสันเขาลูกแล้วลูกเล่า จากความสูงเพียง 350 เมตรขึ้นไปสูงถึง 1,368 เมตร ณ สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน เข้าพักตามกำหนดที่ประธาน จัดให้ โดยได้รับความสะดวกจากหัวหน้าสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน คุณกัญญารัตน์ เนตรบุตร นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ และผู้ช่วยประวิทย์ ดอกนางพญาเสือโคร่งบานรอรับสะพรั่งไปทั้งดอย
“หลังฝนตกเดือนธันวาคม 2557 อุณหภูมิลดลงต่ำสุดคืนนั้น 5 องศาเซลเซียสค่ะ” หัวหน้ากัญญารัตน์รายงาน
“แต่คืนนี้จะเท่าไร ยังไม่ทราบค่ะ พรุ่งนี้รู้กัน”
ตะวันลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว แต่แสงสว่างยังพรายพร่างกระจ่างไปทั่ว ยังชวนเชิญให้ดาราหน้าเลนส์กระโดดโลดเต้นกับการถ่ายภาพสวยงาม ลีลาร่าเริงดุจนกหลุดกรง แต่หนุ่มใหญ่บางคนบอกว่า “หลุดโซ่” เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม กริยาที่สดใสช่วยให้วัยอ่อนลงไป 1 0ปี แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าจะช่วยให้ความหนาวเย็นลดลงไปด้วย
หลังอาหารค่ำ อุณหภูมิเริ่มลดลงตามเวลานาที ความเย็นจัดจ้าน แต่ละกลุ่มเดินกลับไปยังเป้าหมาย
“ไปคุยกันในบ้านเถอะ หนาวววววว”
ค่ำคืนในความหนาวเย็นจัดจ้าน ช่างเชื่องช้า ตื่นมาเข้าห้องสุขากี่ครั้งก็ยังไม่สว่างสักที ว่ากันว่าในฤดูหนาว กลางคืนยาวกว่ากลางวัน เห็นท่าจะจริง เสียงพูดคุยของกลุ่มที่กางเต็นท์นอนข้างๆบ้านเงาไม้ยังเจื่อยแจ้ว เสียงฟืนแตกปุ๊ๆ การผิงไฟช่วยให้อบอุ่นขึ้น ยิ่งเติมเต็มด้วยสุราดีกรีแรงๆ ยิ่งท้องอุ่นจนร้อน
ผมตื่นครั้งสุดท้ายตอนตี่ 4 กว่าๆ พี่หมอสุวิทย์แต่งตัวรัดกุมสวมทุกอย่างที่ป้องกันความหนาวเย็นแล้วออกไปเดินเหวี่ยงแขนหน้าบ้านเงาไม้ โต๊ะเก้าอี้เปียกชื้นด้วยน้ำค้างจากฟ้า แต่กลุ่มของเราไม่รู้เลยว่า ท่านประธานกรรมการ หัวหน้าทริปนี้ อายุ 88 ปีนั้นท่านยังโลดเต้นด้วยความสนุกอยู่หรือว่าหลับใต้ผ้าห่มผืนโต เพราะพักคนละที่นี่ซิ
แสงสีทองส่องประกายที่ปลายฟ้า ผมตั้งขากล้องแล้วจ้องถ่าย
“ 8 องศาเซลเซียสครับ”
ผมเดินลงไปอ่านมิเตอร์วัดอุณหภูมิแล้วเดินขึ้นมายังบ้านเงาไม้ปลายดอย เพื่อบอกเล่าเก้าสิบแก่สมาชิก พี่หมอ พี่ประสิทธิ์ พี่แสง หมอสุวัฒน์ พี่พงษ์พิมลและ..แต่งตัวพร้อมลุย ผมพยายามตั้งกล้องถ่ายแต่แสงไม่พอแก่การถ่าย เลยหันไปถ่ายปัสสาวะและอุจจาระในส้วมแทน หลังคิวยาวหมดไปแล้ว
แน่นอนมานอนดอยในสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถานนะ ไม่ใช่รีสอร์ทหรูแต่ก็พร้อมอำนวยความสะดวกตามสมควรแก่ประชาชนคนอาศัยพักพิง
“กาแฟและข้าวต้ม 08.00 น.นะครับ ผมไปถ่ายรูปก่อนนะครับ เชิญทุกคนตามสะดวก”
ผมเดินลงดอยไปตามถนนลาดยางระหว่างนาน้อย-บ้านห้วยแกต อ.ร้องกวาง จ.แพร่ เพื่อหามุมถ่ายรูปดงดอกนางพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งไปทั่ว อันเป็นผลพวงการปลูกป่าต้นน้ำแทรกในงานวิจัยต้นน้ำสมัยที่นายวารินทร์ จีระสุขทวีกุล มาเป็นหัวหน้าเมื่อปีพ.ศ.2524 โดยมีนายมนตรี พุทธวงศ์ เจ้าพนักงานป่าไม้ผู้ช่วย พวกเขาปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งเอาไว้
นักท่องเที่ยวล้วนอยากมาชมเชยดอกนางพญาเสือโคร่งบาน
นักท่องเที่ยวที่พักแรมบนสถานีวิจัยขุนสถานมีส่วนหนึ่ง ซึ่งที่นี่มีดอกนางพญาเสือโคร่งบานไปทั่ว แต่นักท่องเที่ยวอีกส่วนหนึ่งพักแรมที่อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ซึ่งยังเพิ่งจะปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งเพื่อการตกแต่ง ยังไม่มีดอกให้เชยชม จึงขับรถเวียนวนกันขึ้นมายังสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน จราจรเป็นจลาจล
วารินทร์และมนตรี คงคาดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ จึงปรับแต่งสถานที่เพียงพอกับบ้านพักนักวิจัย
ผมเดินถ่ายรูปไปตามทาง ได้ภาพสวยงามตามช่วงเวลาของแสง แต่อย่างไรก็ดี ผมได้ภาพสมใจกว่าทุกปีที่ผ่านมา แถมได้รูปนกปรอดเหลืองหงอนในดงดอกนางพญาเสือโคร่งสวยหลายรูป กว่าจะเดินไต่ระดับขึ้นไปยังบนสถานี ผมก็ไปนั่งกินข้าวต้มได้เพียงครึ่งถ้วย กาแฟร้อนที่ต้องรีบเติมน้ำเย็นลงไปให้อุ่นแล้วยกซด รวดเดียว
“เร็ว พี่ยังไม่ได้ถ่ายรูปกับดอกนางพญาเสือโคร่งเลย”
ผมเลยต้องรีบจนเร่งสปีด เพื่อสนองรับผู้มีจิตเมตตาปราณีแก่เด็กนักเรียนทุนมูลนิธิสมเพิ่ม กิตตินันท์ ทุกปีๆ ในฐานะกรรมการและเลขานุการมูลนิธิ ต้องปรับตัวให้ทันสถานการณ์
“ได้ครับท่าน” แล้วตามกันออกไปแอคท่าถ่ายรูป จนกว่าจะได้รูปถูกใจของแต่ละคน ไม่ยาก ผมร้องเรียกเพื่อให้ถ่ายรูปหมู่เสียเลย
ความวุ่นวายบนสถานีช่วงเช้า แทบว่า เกิดจลาจลนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ถ้าวารินทร์และมนตรีได้มาเห็นผลพวงที่ก่อ คงดีใจและภูมิใจในสิ่งที่คาดไม่ถึงแต่เกิดขึ้นแล้ว
“นักท่องเที่ยวแห่แหนกันไปท่องเที่ยวเมืองน่าน โดยเฉพาะน่านตอนใต้ ด้วยปัจจัยการท่องเที่ยวดังนี้คือ จากบ้านพักกลางหุบเขากิตตินันท์รีสอร์ท อ.นาน้อย เดินทางไปเช้ามืดเพื่อรอชมทะเลหมอกที่ดอยผาหัวสิงห์หรือดอยเสมอดาว หรือที่ผาชู้ แล้วข้ามเขาไปนอนบนขุนสถาน เพื่อสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นกว่าปกติบนความสูง 1600 เมตร แล้วชื่นชมดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง”
เที่ยวพเนจร ซอกซอนพนาลี จากนาน้อยไปถึงอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ได้เวลา ต้องลาจาก ขุนสถานลงมาทางอ.นาน้อย ข้ามไปยังอุทยานแห่งชาติศรีน่าน แล้วใช้เส้นทางยุทธศาสตร์นาน้อย-บ้านโคก ชาติตระการ แล้วไต่ระดับขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เข้าที่พักแรมแล้วก็ออกไปรับประทานอาหารค่ำ แน่นอนการเดินทางไกล เหนื่อยอ่อน หลังอาหารค่ำจึงเดินทางกลับที่พักแรมคืน สบายๆ
หลังอาหารเช้าและฟังบรรยายสรุปก็เหมารถกระบะขึ้นไปยังดอยภูลมโล ได้ใช้ชีวิตเหมือนตอนเป็นหนุ่มอีกครั้ง ถนนลาดฝุ่นสีแดงฟุ้งกระจาย แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องสวยๆงามๆ
หัวหน้าทริป ท่านอุดม หิรัญพฤกษ์ หนุ่มน้อยเหลือเพียง 12 ปีครบ 100 และคณะไม่มีใครถอย รถแล่นโต้ลมหนาวจนใบหน้าชา เส้นผมกระด้างด้วยฝุ่นสีแดงผสม หญิงหรือชายไม่มีใครบ่นและทำท่าทางสำออยแต่อย่างใด
หมอสุวิทย์ เกียรติเสวีและคณะรพ.ราชวิถี สาวใหญ่ใจถึง ลงรถด้วยความกระชับกระเฉง เก่งกันจริงๆ จุดจอดแรกเป็นมุมหนึ่งของแหล่งดอกนางพญาเสือโคร่ง ถ่ายรูปกันแล้วก็เดินทางต่อไปยังภูลมโล ได้เห็นม้งปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งกว่าหมื่นไร่ ดอกสีชมพูตระการไปทั่วดอย กล่าวได้ว่า ต้นนางพญาเสือโคร่งแต่งแต้มพื้นที่เขาหัวโล้นจนสวยอลังการ
น่าเสียดายที่เวลาสั้นไป ได้ภาพมาเท่าที่เห็นบางส่วน เป็นการกระโดดถ่ายไปตามรถที่โขยกไม่ยั้ง อรรถรสการท่องเที่ยวไม่ซาบซึ้งตรึงใจ แค่ว่าได้มาเห็นและสัมผัสแผ่วๆ
สะเทือนใจเมื่อต้องเห็นดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิดปลูกลงแปลงไว้หน้าป้ายอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านกาแฟสด และทุกสวนหย่อมที่ตกแต่งขึ้นใหม่ เป็นความไม่รู้หรือเป็นความอวดรู้ บอกตามตรง ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า หรือว่าเป็นรีสอร์ทภูหินร่องกล้ากันแน่
"กติกาการเข้าร่วม ทริปเที่ยวไป-ทำบุญไป กับมูลนิธิสมเพิ่ม กิตตินันท์ คนละ 1,000 บาท/วัน ทำบุญ ทำใครทำมันกันเอาเอง ไปที่ไหน กินที่ไหน นอนที่ไหน จ่ายเงินที่เก็บมาแล้วทุกที่ เหลือคืนหรือสมทบทุนมูลนิธิในครั้งต่อไป" ท่านอุดม หิรัญพฤกษ์กล่าวย้ำ
"ไม่มีนโยบายกินฟรีเที่ยวฟรีตังส์อยู่ครบ ไม่รบกวนเจ้าของสถานที่ทุกแห่งที่ไปครับ"