วันเดียวเที่ยวป่าชายเลนปากน้ำประแสร์
อ.แกลง จ.ระยองฮิ
โดย มณี บันลือ เรื่อง-ภาพ
กล้าโกงกางใบใหญ่ที่เตรียมปลูกเพื่อฟื้นฟู
การท่องเที่ยวของประเทศไทยมีหลายระดับชั้นการกำหนด แหล่งท่องเที่ยวก็มีหลายระดับชั้นเช่นกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทรัพยากรท่องเที่ยวระดับไหน ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดถึงระดับการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยว แน่นอนว่า หากคาดการณ์ผิดพลาดหลวมตัวไปลงทุน อาจเจ๊งได้ในเวลารวดเร็ว
ปลูกแซมพื้นที่ว่างใต้ร่มเงาต้นแสม
ผมเห็นกระแสการปลุกการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างมากมาย ก็ได้แต่ภาวนาว่าจะได้ผลสมความตั้งใจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) แต่สำหรับผมแล้ว บอกตามตรง เลือกไปเที่ยวตามข้อจำกัดของตนเอง และกำหนดทริปตามสภาพแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้ประหยัด ใช้เวลาอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวนั้นเหมาะสม และรูปแบบการท่องเที่ยว
ปลูกแซมใต้ร่มเงาต้นลำพู
ผมจึงวางแผนการท่องเที่ยวของครอบครัวด้วยทริปวันเดียวเที่ยวป่าชายเลนที่ปากน้ำประแสร์ ซึ่งเป็นป่าชายเลนดั้งเดิมที่เสื่อมโทรมแต่ชาวประแสร์ร่วมกันฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง เติมเต็มห่วงโซ่อาหาร(Chain of Food) ให้กับสัตว์น้ำขนาดเล็กได้อยู่อาศัยและเติบโต ผสมพันธุ์และขยายเผ่าพันธุ์
โดยการออกเดินทางจากกรุงเทพแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าไปตามถนนสายกรุงเทพ-ชลบุรี-แกลง เป็นวันหยุดวันอาทิตย์ แต่ใครจะไปวันไหนก็เลือกได้
เติบโตจนเต็มที่ว่าง
รถยนต์วิ่งสวนทางรถขาเข้า แต่กว่าจะไปถึงอำเภอแกลง ก็ใกล้เที่ยงเข้าไปแล้ว ผมแวะหาก๋วยเตี๋ยวปลาในตลาดแกลงกินจนอิ่มและหายเหนื่อยจากการเดินทาง ก็แวะท่องเที่ยวไปตามกำหนดการที่วางไว้ในใจ
แหล่งท่องเที่ยวที่ชื่อว่า ป่าชายเลนปากน้ำประแสร์ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นการเดินไปตามสะพานไม้เพื่อชมป่าชายเลน ได้เห็นต้นแสม ต้นประสัก ต้นโกงกาง ต้นโปรง ต้นถั่ว ต้นไม้นานาชนิดของป่าชายเลน บนพื้นที่กว้างขวางถึง 6,000 ไร่ ของตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นต้น
อีแปะล่อลูกหอยนางรม
บนสะพานไม้สามารถเดินเที่ยวได้ทั้งวันตั้งแต่ 06.00-19.00 น. อากาศร้อนและเย็นตามสภาพธรรมชาติ มีนกน้ำหรือนกทะเลให้เห็นประปราย อยากถ่ายรูปนกต้องใจเย็นๆ เฝ้ารอจังหวะที่เขาเกาะกิ่งไม้
ได้เห็นการล่อหอยแมลงภู่ด้วยอีแปะแขวนระโยงระยางค์บนราวไม้ไผ่ในน้ำทะเลที่ขึ้นๆลงๆ เพื่อเก็บลูกหอยไปขายให้กับฟาร์มเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ เป็นวิถีชีวิตของชุมชนคนปากน้ำประแสร์กลุ่มหนึ่งซึ่งอาศัยทำมาหากินในผืนป่าแห่งนี้
ค่ำๆมีหิ่งห้อยให้ชม ชาวบ้านใช้เรือพายพานักท่องเที่ยวชมไปตามคลองและซอกลืบต้นไม้ในป่าลำพูและแสม หิ่งห้อยมาเกาะต้นลำพูนั้นด้วยเหตุใด ทำไมต้องต้นลำพู เป็นเรื่องเล่าที่ชาวเรือชวนชี้ให้ได้ความรู้ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น นอกจากนั้นก็มีบ้านเรือนร้านค้าเก่าๆในตลาดปากน้ำประแสร์ให้เดินหาซื้อของเป็นที่ระลึกได้
ที่ท่าเรือปากน้ำประแสร์มีเรือลบหลวงประแสร์จอดทอดขวางอยู่ แต่ไม่มีเวลาขึ้นไปเยี่ยมชม ผมใช้เวลาเดินทางและถ่ายรูป ณ สถานที่แห่งนี้เพียงชั่วโมงเศษๆก็ไปจนทั่ว แวะไปเดินไหว้ศาลเจ้าต่างๆในตลาดปากน้ำประแสร์แล้วก็ได้เวลาว่าจะต้องเดินทางกลับเพราะว่าใกล้ค่ำเต็มที แต่ด้วยว่ากำหนดการเช่นนั้นจึงไม่ได้อยู่ดูหิ่งห้อยในป่าชายเลน
บอกตามตรง ทรัพยากรท่องเที่ยวแห่งนี้มีศักยภาพเพียงการท่องเที่ยวระดับท้องถิ่น นักท่องเที่ยวเป็นคนไทยมาเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวระดับชาติคงไม่มา จะขายทัวร์คงต้องหาทรัพยากรท่องเที่ยวอื่นๆใกล้เคียงพ่วง
การเดินทางกลับตอนค่ำ ดีกว่าตอนเย็น รถยนต์ขาเข้ากลับกันไปก่อนแล้ว รถเบาบางและไม่แข่งกันเดินทาง ถึงบ้านค่ำมืดเพียงใดก็บ้านของเรา ไม่หนีไปไหน และปลอดภัยเสมอเมื่อถึงบ้าน
ทริปต่อไป ถ้าจะไปที่ป่าชายเลยปากน้ำประแสร์ คงต้องไปแบบ 2 วัน 1 คืน เพื่อชมหิ่งห้อยและชมวิถีชีวิตชาวตลาดประแสร์ยามค่ำและเช้าตรู่ ทดลองพักแรมแบบ โฮมสะเตย์ หรือ รีสอร์ท ดูบ้าง