รำลึกถึงความหลัง วันคืนสู่เหย้าชาวเกษตร
“ประเพณีรับน้องหอ 14และประกาศแชมป์หอประจำปี”
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
หอ 2 หอไม้ริมถนนสนามฟุตบอล
เสียงเพลงที่ร้องทุกค่ำคืนก่อนวันรับน้องใหม่ จำได้ไม่ลืม
“เกษตรนี้หล่อจริงๆ ผู้หญิงเขาอยากรู้จัก เกษตรนี่หล่อยิ่งนัก ถ้าใครรู้จักกินผักฟรีๆ”
ทั้งๆที่ผมเองหน้าเป็นสิวเกรอะ ตัวต่ำผิวก็ดำ หน้าก็ไม่เท่ ตาก็ตี่ ไม่หล่อเลยสักนิด เมื่อร้องเพลงนี้ทีไรอดขำตัวเองไม่ได้สักที ฮา
ตึก 8. สมัยใหม่ขึ้นหน่อย
ปีพ.ศ.2510 ผมสอบเอ็นติดคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลงทะเบียนแล้วได้อยู่หอ 14 เป็นหอไม้สองชั้น ตั้งอยู่ในสุดของบรรดาหอพักหลังที่สร้างด้วยไม้ ด้านหลังหอเป็นทิศเหนือติดบ่อทดลองเลี้ยงปลาของคณะประมง ด้านหน้าหอเป็นทิศใต้ หอ 13 ด้านตะวันตกเป็นหอ 12 และหอ 11 ระหว่างหอ 13และ 14 มีสนามเตะตะกร้อข้ามเนต เป็นหอชายล้วนๆ
หอไม้ทั้งสองหอนี้มีสะพานไม้ทอดเชื่อมห้องสุขาและห้องอาบน้ำ ร่วมกัน 2 ห้อง ห้องสุขาสร้างรอบห้องอาบน้ำ ซึ่งเป็นบ่อซีเม็นต์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 1 เมตร ยาว 4 เมตรสูง 1 เมตร ผมสวมเสื้อยืดคอกลม นุ่งผ้าขาวม้าหิ้วขันน้ำใส่กล่องสบู่เดินลงไปอาบ แต่สิ่งที่ผมเห็นในห้องอาบน้ำนั้นมันคือพี่ๆผู้ชายทั้งสองหอเขาแก้ผ้าอาบน้ำกันหน้าตาเฉย
ส่วนผมและน้องใหม่ เหนียมอาย นุ่งผ้าขาวม้าอาบกันไปก็หลบสายตาพี่ๆที่จ้องมอง เขม็ง แน่นอนไม้กล้าเหลือบตาไปดูไอ้จู๋ของพี่ๆเขาเลย กลัวและอายบอกไม่ถูก รู้ไหม อาบน้ำเสร็จรุ่นพี่เขาก็คว้าผ้าเช็ดตัวพาดไหล่ ใช้มือที่เหลือเช็ดใบหน้าและหลังไหล่ อีกมือหนึ่งหิ้วขันน้ำใส่กล่องสบู่ ไม่ได้นุ่งผาเช็ดตัวเลย แก้ผ้าโทงๆเดินขึ้นหอใครหอมัน อั๊ดเช้ย
โฆษกประจำวัน
พอถึงเวลาที่ผมและเพื่อนๆอาบเสร็จ บิดผ้าขาวม้าให้หมาดๆ เดินไปแบบกระมิดกระเมี้ยน ตัวลีบ กลัวผ้าขาวม้าหลุด เหตุการณ์นี้เป็นไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ได้แต่สงสัยพฤติกรรมรุ่นพี่ๆ จนกระทั่งถึงวันที่มีประเพณีรับน้องหอ ความจริงจึงปรากฏแจ่มแจ้งแดงแจ๋
แอพขายหนอนซอง
คืนนั้น พวกเราเฟรสชี่ปีหนึ่งถูกรุ่นพี่แต่ละห้องเรียกให้ลงไปเข้าแถวเรียงหนึ่งแล้วคลานไปตามโรงรถด้วยข้อศอกและเท้าเปล่าๆ ระเบียงหน้าห้องกลายเป็นช่องคลานให้พี่ๆว๊าก เสียงดังข่มจนหงอกลัวจนตัวสั่น ตกใจหมดเลย แล้วก็ถูกไล่ไปเข้าห้องเดียวกัน
“สมบัติ ชุดทอง ออกมาให้แพทย์ตรวจสุขภาพ”
แล้วทุกคนก็ออกกันไปทีละคนๆ ผมไม่รู้เลยว่าตรวจสุขภาพโดยหมอที่ไหน แต่เมื่อถึงชื่อผมๆก็เดินออกไปด้วยอาการงงๆ พี่ๆในเสื้อกราวสีขาวสั่งให้ผมงัดไอ้จ้อนออกมาวัดความยาว โดยใช้ไม้บรรทัดวัดความยาวขององคชาติของแต่ละคนแล้วจดไว้ในบัญชีข้างหน้า
“ถอยหลัง บอกว่าให้ถอยหลัง” พี่สั่งเสียงดัง ผมก็ก้าวถอยหลัง พี่ตวาดเสียงดังมากขึ้น
“ถอยหลัง ไอ้โง่ ถอกคว....มึงไง” ผมทำตาม ควักไอ้จ้อนออกมาทำการถอยหลัง
รุ่นพี่ที่ทำตัวเป็นหมอสวมเสื้อกราวสีขาวอย่างหมอ แต่ที่แท้เป็นรุ่นพี่ที่เรียนคณะสัตว์แพทย์นั่นเอง แกใช้พู่กันจุ่มสีแดงแล้วก็ตวัดไปบนไอ้จ้อนผมจนแดงแจ๋ เสร็จแล้วก็ไล่ให้ลงไปอีกห้อง เพื่อนทุกคนกระทำการอย่างเดียวกัน ย้อมสีจนเปรอะไปทุกคน ส่วนใครโดนสีอะไรบ้างจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่านาทีสุดท้ายรุ่นพี่ประกาศให้ไปเข้าแถวเรียงหนึ่งในสนามหน้าหอ
ก่อไฟเผาถ่าน
“ผลของการตรวจสุขภาพ พบว่า ชวลิต สุดโต่ง มีความยาว 7.25 นิ่ว ได้เป็นแชมป์หอ 14 ในปีพุทธศักราช 2510 รางวัลที่ได้เป็นเงิน 200 บาท พร้อมถุงยางอนามัย 1 กล่อง บรรจุ 3 ตัวออกมารับรางวัลจากหัวหน้าหอได้ ส่วนรางวัลที่ 2-3 ...........”
ลูกวัวโคขุนกำแพงแสน-หัน
“พี่ขอประกาศว่า นับแต่นี้ไป ทุกคนคือพี่น้องหอ 14 เมื่อรุ่นพี่อาบน้ำอย่างไรให้ปฏิบัติตาม หากใครยังขัดขืนและดื้อดึงจะถูกรับน้องอีกครั้ง”
น้ำปรุงรสที่ต้องฉีดใส่เนื้อเสมอๆ
คืนนั้น หลังรับน้องหอ พวกเรานอนกันทั้งที่ไอ้จ้อนเปื้อนสี ไม่กล้าลงไปอาบน้ำกันสักคน กลัวรุ่นพี่จะว่าเอา แต่พอเช้าผมก็ยังนุ่งผ้าขาวม้าลงไปอาบน้ำ แต่ไม่สวมเสื้อคอกลมลงไปอีกแล้ว เมื่อเข้าห้องน้ำได้ก็เหวี่ยงผ้าขาวม้าแขวนบนราว แล้วก็นุ่งลมห่มฟ้าเหมือนกันหมด แต่ทุกคนมีสีสันแตกต่างกันไป แดง เขียว น้ำเงิน ดำ เหลือง ส้ม เลือดหมู ฯลฯ
หั่นแล้วก็นำมาปิ้งย่างต่อ
ประเพณีรับน้องหอเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง กาลต่อมาจะเป็นเช่นไรไม่รู้ แต่ในปีรุ่งขึ้นพวกเราก็ปฏิบัติกับน้องปีหนึ่งเฉกเช่นเดียวกัน เป็นความรู้สึกที่ฝังลึกว่าต้องทำตามอย่าง มันคือประเพณีของหอเรา นี่คือหนึ่งในหลายๆเรื่องราวที่ใช้เวลา 4 ปีเรียนรู้ ซึมซับ ปรับทัศนคติ และเกิดอารมณ์ร่วมอย่างคนหอ 14 ตลอดมา
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2486 เป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดสอน 4 คณะ ได้แก่คณะกสิกรรมและสัตวบาล คณะประมง คณะวนศาสตร์ และคณะสหกรณ์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้นเป็นอธิการบดีคนแรก ท่านคือหลวงสินธุสงคราม ตั้งอยู่ในพื้นที่เกือบพันไร่ที่อำเภอบางเขน จังหวัดกรุงเทพ
แยกชิ้นมันไหม้ที่อาจก่อโรคมะเร็งทิ้ง
ต่อมาปีพ.ศ.2509 มล.ชูชาติ กำภู อธิการบดีมีความคิดกว้างไกลและวิสัยทัศน์กว้างขวาง ได้ขอเวนคืนที่ดินอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เพื่อย้ายมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขนซึ่งแออัดและพื้นที่คับแคบไปตั้งที่ใหม่ ด้วยความหวังว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย เกือบ 8,000 ไร่
ผมเข้าปี 1 พอดี รุ่นพี่โดยนายกสโมสรนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายคะนอง เนินอุไร ได้เกณฑ์พวกนิสิตปี 1 ไปต่อต้านและนั่งประท้วงที่หน้าตึกชีวะ ท่ามกลางฝนที่โปรยปรายลงมาหยิมๆ เมื่อท่านอธิการบดีพูดอะไร ก็จะมีรุ่นพี่โห่นำ พวกผมก็โห่ตาม ผมเข้าปี 1 พี่สั่งอะไรก็ทำตาม ไม่มีความคิดเป็นของตนเองเลย กลัวหัวหด
เมื่อเรียนจบไปแล้ว ออกไปทำงานตามวิชาการป่าไม้ และเมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวเก่าๆทีไรก็ได้แต่นึกสาปแช่งรุ่นพี่ที่หลอกลวง
กว่าจะมีการตั้งวิทยาเขตกำแพงแสนก็ล่วงถึง วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2522 เปิดสอนเป็นปีแรก ตราบทุกวันนี้
ชั่งกิโลก่อนขาย
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ทุกปีเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ในอดีตวันที่ 30 มกราคม -7 กุมภาพันธ์ จะมีประเพณีงานเกษตรแห่งชาติ และควบกันวันที่...กุมภาพันธ์ของทุกปีก็จะจัดวันคืนสู่เหย้าชาวหอ 14 ตั้งแต่จบออกไปทำงานแล้ว ผมเคยไปร่วมด้วยครั้งเดียว แล้วไม่เคยไปอีกเลย ไปเดินเที่ยวงานก็แปลกแตกต่างไปจากในอดีตจนไม่รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด
มะเขือเทศแกล้ม
“ขายกิโลแถมกิโล ผักคะน้าสดๆจากแปลงปลูกครับ/ค่ะ” นั่นคือเสียงที่เพรียกหาลูกค้าที่เดินมาซื้อด้วยความพึงพอใจ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีผักขาย ลูกไก่ลูกเป็ดก็ไม่มีขาย เฮ้อ
ภาพประกอบในเรื่องนี้ ผมเดินถ่ายมาจากในงานเกษตรแฟร์ 30-31 มกราคม 2558ถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2558 เดินแบบมีความรู้สึกว่า ความหลังฝังใจจำมากกว่า