เที่ยวเมืองแพร่แห่ระเบิด
ตอน3. อดีตรักสีชมพูที่บ้านวงศ์บุรี
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ในฝันแสนหวานของหญิงสาว พราวแพรวไปด้วยสีชมพู สีที่สื่อถึงความโรแมนติก
บ้านวงศ์บุรีแต่งแต้มด้วยสีชมพูทั้งภายนอกและภายใน ดอกพวงชมพูไหลเลื้อยไปทั่ว
มุมสวยหน้าบ้านตั้งชิงช้าให้นั่งไกวไหวพะเยิบ ณ ที่แห่งนี้มีความรักแสนหวานของเจ้าหญิงอนงค์หนึ่ง ซึ่งคือ
แม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา พระชายาองค์แรกของเจ้าพิริยเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่
ถึงแม้ว่า ความรักของเจ้าแม่บัวถาจะจบสิ้นลงด้วยการหย่าร้าง แต่วิมานรักสีชมพูยังได้รับการถนอมรักษาไว้ให้งดงามนิรันดร วันนี้ บ้านวงศ์บุรียังได้มีส่วนเสริมเติมแต่งให้กับแขกผู้มาเยือนในความรู้สึก “หวานแหวว”
ปีพ.ศ.2440 เจ้าแม่บัวถา มหายศปัญญา ได้สร้างบ้านวงศ์บุรี สถาปัตยกรรมแบบทรงปั้นหยา 2 ชั้น ยุโรปประยุกต์ ตกแต่งด้วยลวดลายไม้สักฉลุ ประดับชายคา หน้าต่าง ชายน้ำ ระเบียง ช่องลม วิจิตรพิสดาร งามลออตา ละมุนใจ ประตูปูนเป็นสีชมพูมีแพะคู่เป็นสัญลักษณ์ว่าเจ้าของบ้านเกิดปีแพะ นายช่างเป็นชาวจีนกวางตุ้ง ใช้เวลาก่อสร้างถึง 3 ปี
เครื่องเรือน เครื่องเงิน เครื่องปั้นดินเผา แต่ละชิ้นประดิษฐ์ด้วยช่างฝีมือ ทั้งงานไม้และงานสีกลมกลืน สวยงาม เจ้าแม่บัวถาทาสีเรือนนี้ด้วยสีชมพูเป็นสีหลัก แทรกแซมด้วยสีขาว ต้นไม้ประดับสนามหญ้าหน้าบ้านใช้ดอกพวงชมพูหวานๆ สวนหย่อมตกแต่งสวยงาม โต๊ะสนามและเก้าอี้วางไว้ตามมุมที่เหมาะเหม็ง
ปีพ.ศ.2535 นิตยสารท่องเที่ยว อสท.ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ตีพิมพ์ชึ้นปก ฉบับเดือนพฤศจิกายน ทำให้บ้านวงศ์บุรีสีชมพูดังเป็นพลุแตก มีการขอเข้าเยี่ยมชม และขอเข้ามาถ่ายทำรายการต่างๆ หนังสือทั่วไป
ปีพ.ศ.2536 ได้รับรางวัลอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ทำให้บ้านนี้ดูมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
ปีพ.ศ.2540 เดือนตุลาคม คุณสหยศ วงศ์บุรี ทายาทรุ่นที่ 5 ผู้สืบทอดมรดกตัดสินใจเปิดบ้านให้เข้าชมได้ทั่วไป โดยเปิดตั้งแต่ 08.30-17.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท มีมัคคุเทศก์นำชมและเล่าเรื่องราวให้ฟังอย่างสนุกสนาน ได้อรรถรสทีเดียว หน้าบ้านมีร้านอาหารไว้บริการ ติดต่อก่อนเข้าชม 054-620153 หรือบ้านเลขที่ 50 ถนนคำลือ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ หรือติดต่อผ่าน ททท.แพร่
ขอย้อนรอยนิดหนึ่งว่า เจ้าแม่บัวถา มหายศปัญญา เป็นพี่สาวของพระยาบุรีรัตน์ ซึ่งท่านมีบุตรสาวชื่อ สุนันทา วงศ์บุรี ต่อมาได้เสกสมรสกับเจ้าพรหม (หลวงพงษ์พิบูลย์) ผู้สืบทอดเชื้อสายเจ้าหลวงเมืองแพร่องค์สุดท้าย
ไปเที่ยวเมืองแพร่แห่ระเบิด อย่าลืมไปเยี่ยมยามบ้านวงศ์บุรี แล้วเย็นๆไปเดินซื้อของกินของฝากที่ตลาด หรือกาดกองเก่า ใกล้วัดพระนอน ก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง ไส้อั่วเลิศรส แป้งนม-วัวน้อยนึ่งจิ้มน้ำพริกข่า ลู่เมืองแพร่กินแล้วปากแดงด้วยเลือดสดๆ คำว่าเมืองแพร่แห่ระเบิดนั้นมิใช่ว่า คนเมืองแพร่ดุขนาดแห่กันพกระเบิดมาทำร้ายกันเน้อ
ใคร่ขอชี้แจงในฐานะว่ามีญาติๆอยู่แถวบ้านร่องซ้อ ซอย 2 อำเภอเมือง และบ้านร่องกาดว่า อำเภอสูงเม่น ว่า หลังสงครามโลกพ.ศ.2485-2488 นายหลง มโนมูล คนงานรถไฟสถานีแก่งหลวง ได้ไปขุดเจอระเบิด 3 ลูก แต่ด้านจึงไม่สามารถทำลายสะพานห้วยแม่ต้าได้ นายหลงขุดและเอาขึ้นไม่ได้จึงได้ไปบอกนายสมาน หมื่นขัน ชวนคนงานรถไฟมาขุดและลากขึ้นก็ไม่ได้
จึงไปขอแรงช้างของนายบุญมา อินปันตี เจ้าของช้างบ้านแม่ลู่ ตำบลบ้านปิน อำเภอลอง จังหวัดแพร่ เมื่อลากขึ้นแล้วก็ช่วยกันหามใส่ล้อเกวียนเทียมวัว แห่กันไปถวายวัดโดยหวังว่าจะใช้เป็นระฆังหง่างเหง่ง ที่วัดแม่ลานเหนือ ต.ห้วยอ้อ วัดศรีดอนคำ ต.ห้วยอ้อ และวัดนาตุ้ม ต.บ่อทองลอง จ.แพร่
ในการแห่ลูกระเบิดไปถวายวัดนั้น เมื่อผ่านไปทางไหนก็มีชาวบ้านแห่แหนกันออกมาร่วมขบวนแห่ พร้อมกันนั้นก็เอากลองยาว ฉิ่งฉาบ กับ โหม่ง ออกมาตีกันเป็นที่สนุกสนาน ยิ่งเดินทางไปไกลเพียงใดยิ่งมีชาวบ้านแห่กันออกมาร่วมมากขึ้นๆ และนี่คือตำนานของคำว่า เมืองแพร่แห่ระเบิด มิใช่ว่า เมืองแพร่ดุดันถึงกับแห่กันนำระเบิดมาขว้างใส่กันแต่อย่างใด