ดอกไม้เทศและดอกไม้ไทย
ต้น31. ชมพูพันธุ์ทิพย์
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ชื่อสามัญ ชมพูพันธุ์ทิพย์ ชมพูอินเดีย ธรรมบูชา ตาเบบูย่า
Pink Tecoma, Pink Trumpet shrub, Pink Trumpet Tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tabebuia roseae (Bertol.) DC.
ชื่อวงศ์ BIGNONIACEAE
ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์
เขตร้อนทวีปอเมริกาใต้ กระจายพันธุ์ไปทั่วเขตร้อนจนถึงประเทศไทย
ลักษณะประจำพันธุ์
ต้น ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 8-12 เมตร ผลัดใบ เปลือกนอกสีเทาเรียบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม
ใบ ใบออกตามปลายยอดเป็นกลุ่มๆละ 5-7 ใบ รูปรีปลายแหลมโคนมน ยาว 12 ซม. ขอบใบเรียบ ใบหนาสีเขียว กิ่งแตกไม่เป็นระเบียบ ระเกะระกะ
ดอก ออกเป็นช่อแยกแขนง เป็นกลุ่มใหญ่ ดอกย่อยรูปแตร(funnelform) กลีบบางยับย่น เชื่อมติดกัน สีชมพู-ม่วง แก่ซีดขาวก่อนร่วงหล่น ออกดอกตามปลายกิ่งและง่ามใบหรือตา ยาว 15 ซม.บานกว้าง 8 ซม. ช่อดอกละ 7-8 ดอก ในแตรมีแต้มสีเหลือง เกสรผู้ อัน เกสรเมีย 1 อัน
ผล เป็นฝัก แตกร่องสองซีก เมล็ดมีปีกช่วยให้การกระจายพันธุ์ไปได้ไกล
สภาพที่เหมาะสมและการขยายพันธุ์
เป็นต้นไม้ที่ชอบอากาศร้อนทั่วไป ดินร่วนซุย อุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำดี มีช่วงฤดูร้อนนาน การขายพันธุ์นิยมเพาะกล้าจากเมล็ด ก่อนแยกปลูกลงถุงเพื่อเลี้ยงให้กลาแข็งแรงก่อนน้ำไปปลูก
บันทึกผู้เขียนและผู้ถ่าย
ความจริงผมไม่เคยสนใจต้นไม้ต้นนี้เลย เพราะว่ารูปทรงต้นไม่สวย กิ่งก้านแตกระเกะระกะ กิ่งเปราะหักง่าย แต่เมื่อทิ้งใบออกดอกช่อใหญ่ๆเต็มต้น ทำให้ดูอลังการ มีคนที่ชมชอบมากมายจนในที่สุดผมก็ทนกระแสชมพูพันธุ์ทิพย์ไม่ได้ จึงออกถ่ายรูปและเริ่มศึกษาเกี่ยวกับเขา
1.ปลูกเป็นไม้ประดับในเมือง ในสถานที่ราชการ นอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วไป วิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปลูกไว้ตามถนนหนทาง เมื่อทิ้งใบหมดต้นก็ผลิตาดอกออกมาพราวไสวไปทั่ว กลายเป็นถนนปิดเพื่อการเดินเที่ยวชมและถ่ายรูปกับดงดอกชมพูพันธุ์ทิพย์
2.ปลูกเป็นพืชสมุนไพร มีสรรพคุณคือ
ใบ ต้มแก้เจ็บท้อง แก้ท้องเสีย ตำให้ละเอียดพอกแผล
ลำต้น ใช้ทำฟืนและเยื่อกระดาษ